ผู้เขียน หัวข้อ: 2002 ซูโหย่วเผิง ฝันที่ต้องทำให้เป็นจริง  (อ่าน 2819 ครั้ง)

prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
2002 ซูโหย่วเผิง ฝันที่ต้องทำให้เป็นจริง


prattana

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4549
    • ดูรายละเอียด
Re: 2002 ซูโหย่วเผิง ฝันที่ต้องทำให้เป็นจริง
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มกราคม 09, 2013, 01:08:05 PM »
ซูโหย่วเผิง ฝันที่ต้องทำให้เป็นจริง

ผ่านวันเกิดไปอีกปีแล้วสำหรับ"ซูโหย่วเผิง"ที่กำลังยุ่งอยู่กับการโปรโมทงานเพลง นี่เขาดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษทำให้บรรยากาศสัมภาษณ์ครั้งนี้ดูสนุกไม้น้อยเหมือนกัน หลังจากที่ปิดกล้องละครเรื่องดังไปแล้วเขาก็หันหน้ามามุ่งกับผลงานอื่นๆ บ้างไม่ว่าจะร่วมแข่งเกมส์โชว์ต่างๆ ออกสัมภาษณ์ทางวิทยุก็ตามแต่เมื่อเขาไปไหนแฟนเพลงและแฟนละครต่างพากันไปรุมล้อมเขาเพื่อจะได้ใกล้ชิดกับเขามากขึ้นแต่เขาก็ยังยิ้มแย้มกับแฟนๆ ของเขาเสมอไม่ว่าเขาจะเหนื่อยแค่ไหน ถ้าเป็นเราป่านนี้คงขอเวลาส่วนตัวสักครู่เพื่อพักบ้างแล้ว งั้นอย่าเสียเวลาเลยไปคุยกับเขาดีกว่า

บทบาทของ"ตู้เฟย"ในเรื่อง"ฉินเซินเซินหวี่หมงหมง" ดูจะไม่ใช่ตัวคุณเลย ยิ่งฉากที่คุณให้ของขวัญกับ"หลินซินหยู"นั้น คือ เป็ด ยิ่งไม่น่าเชื่อใหญ่ เรียกว่าเป็นมุขเด็ดของเรื่องนี้เหมือนกัน แล้วคุณคิดอย่างไรกับบทที่ได้รับครั้งนี้

"ใช่ครับ ฉากนี้ตู้เฟยถือโอกาสที่จะบอกความในใจกับผู้หญิงที่แอบรักมานานแล้ว เขาก็ถือของขวัญไปให้แต่ใครจะคิดล่ะว่าของขวัญที่ให้นั้นจะไม่เหมือนใครแบบนี้"

ชีวิตจริงคุณจะให้"เป็ด"เป็นของขวัญกับแฟนหรือเปล่า

"(หัวเราะ)ไม่แน่นอน อย่างผมถ้าจะให้ของขวัญแฟนก็ต้องเป็นดอกไม้สักช่อ หรือของขวัญน่ารักๆ มากกว่า"

ว้าว...โรแมนติกจริงนะ

"แน่นอนครับ แหมจะให้ของขวัญแฟนทั้งทีจะให้น้อยหน้าคนอื่นได้ยังไง แบบนี้ผมก็เสียฟอร์มหมดซิครับ ผู้หญิงก็ต้องคู่กับดอกไม้นะ"

นิสัยโรแมนติกตรงนี้คุณได้รับมาจากคุณพ่อหรือคุณแม่มาใช่มั้ยคะ

"พ่อกับแม่ผมไม่ใช่แบบนั้นหรอก แต่ความรักของทั้งคู่ก็ไม่ธรรมดาแล้วกัน(หัวเราะ)ผมชอบให้ความสำคัญกับวันสำคัญๆ มากกว่าเช่น วันเกิด วันครบรอบปีที่รู้จักกันอะไรแบบนี้ ส่วนของขวัญที่คิดจะให้ก็คงเป็นอะไรที่น่ารักๆ ก็รู้กันดีว่าผู้หญิงก็คู่กับดอกไม้ หรือคุณคิดว่ามีอะไรที่ทำให้ผู้หญิงประทับใจได้มากกว่านี้ แต่ก็เพิ่งมีความคิดใหม่แทนการให้ของขวัญเค้า ก็อาจจะเข้าครัวทำอาหารอร่อยๆ ทานกันที่บ้านก็ได้ ความคิดนี้ก็ไม่เลวนะครับว่ามั้ย"

คุณจะลงมือเข้าครัวเองเลยหรือ

"ชัวร์ครับ(หัวเราะ) และอาจจะมีบริการส่งให้ถึงบ้านด้วยก็ได้ จะได้ทำให้เธอเซอร์ไพรส์แบบที่ตู้เฟยเอาเป็ดเป็นของขวัญให้เหมือนในเรื่องฉิงเซินเซินหวี่หมงหมง ก็มีหลายคนว่าผมเล่นเรื่องนี้แล้วเซ่อซ่าน่าดู"

คุณคิดว่าบุคลิกของคุณในชีวิตจริงกับตู้เฟยในเรื่องนี้เหมือนกันตรงไหน

"ชอบทำอะไรก็ได้ที่ทำแล้วมีความสุขครับ เพราะผมเองก็อยากจะมีความสุขกับงานและเรื่องต่างๆ ตู้เฟยเองก็เหมือนกันอยากจะมีความสุขกับผู้หญิงที่เขารัก"

คุณได้รับสิ่งใดบ้างหลังจากละครเรื่องนี้ออกฉายไปแล้วคะ

"งานเยอะขึ้นนะก็มีออกเกมส์โชว์บ้าง ได้รับเชิญออกทีวีบ่อยมาก และก็มีออกงานแถลงข่าวต่างๆ สัมภาษณ์ทางวิทยุหลายสถานี ผมชอบลักษณะนิสัยของตู้เฟยจุดหนึ่ง คือ เขาจะเป็นคนที่มีความสุขมากๆ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ดูเป็นธรรมชาติและจริงใจมาก หลายคนมองว่าผมมารับบทเป็นตัวตลกของเรื่องเหมือนอย่างเรื่อง"องค์หญิงกำมะลอ"ที่จ้าวเหวย เคยรับบทเสี่ยวเยี่ยนจื่อ ที่เรียกว่าเป็นจุดเด่นของเรื่องเลย แต่ครั้งนี้ผมอยากจะพัฒนาบทบาทให้ต่างไปจากเดิมที่เคยเล่นมา เพราะยิ่งบทหรืองานที่รับต่างกันมากเท่าไหร่เราก็จะมีการพัฒนาตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นธรรมดา"

คุณจะรับเล่นต่อในองค์หญิงกำมะลอภาค 3 หรือเปล่า

"น้าฉงเหยาเองก็ลำบากเหมือนกันในการเขียนตอนจบของภาคนี้ บางทีก็อาจจะให้เป็นคนหนึ่งยังอยู่และอีกคนหนึ่งต้องจากไปก็ได้ ก็น่าจะมีเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตวัยเด็กของเสี่ยวเยี่ยนจื่อ และเรื่องราวของชีวิตหลังแต่งงานของทั้งคู่ ที่ตามประวัติศาสตร์แล้วองค์ชาย 5 ต้องสิ้นพระชนม์ตอนอายุ 25ปีแต่คู่ที่มีความสุขก็คงจะเป็นจื่อเว่ยกับเอ่อคังมากกว่า ช่วงนี้ผมเองก็ยุ่งกับการโปรโมทงานเพลงและเตรียมงานคอนเสิร์ตปลายปีอีกด้วย ถ้าจะเล่นต่อก็คงจะต้องเคลียร์คิวไม่ให้ชนกันและการถ่ายละครเรื่องนี้ต้องใช้เวลานานแล้วยังต้องโกนหัวอีกด้วย อาจจะขอคิดดูก่อนนะครับ"

มีบางคนว่าคุณเล่นกับจ้าวเหวยและหลินซินหยูแล้ว ว่าแต่คุณชอบทำงานร่วมกับคนไหนมากกว่า

"เราทำงานด้วยกันมาหลายเรื่องแล้วเรียกว่าเป็นเพื่อนสนิทกันมากกว่า การทำงานแต่ละเรื่องต้องใช้เวลานานพวกเราทุกคนต้องกินและอยู่ร่วมกับทีมงานคนอื่นๆ ก็ต้องมีบ้างที่จะรู้หรือว่าเห็นว่าใครชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร แหม...ทำงานด้วยกันมาหลายเรื่องถ้าไม่สังเกตุเพื่อนร่วมงานกันบ้างก็คงจะแย่น่าดู แต่ก็ไม่ใช่แค่สองสาวนี้เท่านั้นผมเองก็เคยร่วมงานกับนักแสดงหญิงหลายคนเหมือนกันนะครับ อยากให้คิดว่าเป็นการทำงานร่วมกันมากกว่า"

คุณคิดว่าเจ้าเหวยและหลินซินหยูเป็นคนอย่างไรคะ

"ถามแบบนี้ก็ตอบยากเหมือนกันนะ อืม...สำหรับเจ้าเหวยแล้วเขาเป็นคนที่ดูดี ฉลาดและมีความคิดเป็นของตัวเองและรักความก้าวหน้า ส่วนหลินซินหยูนั้นจะเป็นคนที่สุภาพกับเพื่อนๆ ก็มีหลายคนพูดว่าผมกับหลินซินหยูน่าจะเป็นคู่กันจริงๆ เหมือนในละคร(หัวเราะ) เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมากกว่า หลินซินหยูเป็นคนสบายๆ และมั่นใจในตัวเองมาก ชอบมีอะไรสนุกๆ มาเล่าในกองถ่ายบ่อยๆ ทีมงานและเพื่อนร่วมงานก็ชอบเธอทุกคน แต่ถ้าจะให้มาเป็นแฟนกันจริงๆ ก็คงจะไม่ใช่เพราะเราสองคนคิดกันแบบเพื่อนที่สนิทกันมากกว่านะครับ"

อยู่ในวงการมา 12 ปีแล้วรู้สึกอย่างไรบ้างคะ

"ผมเริ่มเข้าวงการมาตั้งแต่ตอนอายุ 15 ก็เริ่มจากการเป็นนักร้องมาก่อน จนตอนนี้อายุ 27 แล้วก็รู้สึกว่าโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น รู้จักทำงานมากขึ้น รับผิดชอบตัวเองมากขึ้น เพราะตอนเข้ามาใหม่ๆ ก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเท่าไหร่เลย ต้องมีหลายคนคอยดูแลเราให้ แต่ตอนนี้เราต้องดูแลตัวเองและงานของตัวเองด้วย ก็ดีนะครับเพราะเรารู้ว่าเราทำอะไรได้บ้าง อันไหนทำไม่ได้ก็จะได้ไม่ทำเลี่ยงไปทำอันที่เราทำได้ดีกว่า ตอนที่ผมยังเด็กๆ อยู่นะเคยคิดว่าโตขึ้นจะเป็นนักร้อง แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าผมจะได้เป็นนักร้องจริงๆ"

ในตอนนี้ความสัมพันธ์ของคุณและฉงเหยาเป็นอย่างไรบ้างคะ

"ท่านก็ยังเป็นผู้ใหญ่ที่ผมนับถือและให้ความเคารพอยู่เสมอ การได้ทำงานร่วมกับผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์การทำงานสูงก็ทำให้ผมได้เกิดมุมมองและสไตล์การทำงานที่ดีขึ้นด้วย ผมชอบงานละครที่น้าฉงเหยาเขียนเพราะจะดูมีความกลมกลืนของเรื่องและความลงตัวของตัวละครด้วย จะมีบางเรื่องที่เขียนขึ้นโดยเริ่มจากความขัดแย้งแล้วก็จบลงด้วยเหตุผลซึ่งบางครั้งคนดูก็ไม่อยากจะให้จบลงแบบนั้นด้วย ผมบอกกับตัวเองบ่อยๆ ว่าผมน่ะเป็นคนโชคดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของละครดังๆ ของน้าฉงเหยาหลายเรื่อง สิ่งนี้เองก็ถือว่าเป็นประตูที่เปิดให้ผมได้รับโอกาสดีๆ เข้ามาหาตัวเอง"

โอกาสดีๆ ที่เข้ามาในชีวิตคนเรานั้นไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ เป็นประโยคที่หลายคนคงจะได้ยินมาแล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าถ้าได้รับโอกาสดีๆ นั่นแล้วจะไม่คว้าเอาไว้เพื่อทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงก็คงจะไม่ใช่ เพราะคนเราทุกคนก็ต้องดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองก้าวไปสู่จุดที่หวังไว้แม้ว่าจุดตรงนั้นจะอยู่สูงแค่ไหนก็ตาม สำหรับ"ซูโหย่วเผิง" แล้ว เขาก็ได้ก้าวขึ้นมาเรื่อยๆ จากจุดเล็กๆ ที่เคยยืนก็ก้าวมาหลายชั้นแล้วและเขาก็ยังก้าวต่อไป คงอีกไม่นานวงการบันเทิงก็คงจะมีชื่อของ"ซูโหย่วเผิง" อยู่ในอันดับต้นๆ เหมือนอย่างที่รุ่นพี่ของเขาเคยทำมาแล้ว