ผู้เขียน หัวข้อ: 2012 โหย่วเผิงกับนิตยสารTVBS รายสัปดาห์  (อ่าน 3005 ครั้ง)

Chomnath

  • Global Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1307
    • ดูรายละเอียด
2012 โหย่วเผิงกับนิตยสารTVBS รายสัปดาห์
« เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2012, 10:40:12 AM »
บทสัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง จาก นิตยสาร TVBS รายสัปดาห์  20 พฤศจิกายน 2012



หนวดเครา+กล้ามเนื้อเป็นมัดมัด เพิ่มความ MAN ให้ซูโหย่วเผิง

ถึงเวลาปรับเปลี่ยน ( คุณลุง ) อายุซูโหย่วเผิง นานมากแล้วที่เค้าห่างหายจากคำว่าไกวไกวหู่ จิตวิญญาณของเค้ายังคงดื้อรั้นดึงดันที่จะทำตามความต้องการของตัวเค้า ไม่ว่าจะผ่านมามากมายหลายบทบาท.แต่นักเรียนที่ขยันและตั้งใจมักจะมีความมุ่งมั่นและใส่ใจเสมอ และเค้ามักจะอินกับบทที่ได้รับ เตรียมพร้อมกับการรวมวงอีกครั้งของเสี่ยวหู่ตุ้ย เค้าก็คิดว่าทั้งหมดมันก็อาจมีของดีที่ว่า........

มาทำงานที่กองถ่ายแบบนิตยสารเวลานัด,ความเป็นผู้นำและแบบอย่างของซูโหย่วเผิง ในมืออย่างน้อยมีก๋วยเตี๋ยวหอยนางรมถือเอาไว้สิบชาม กับคนที่เดินตามหลังถือแกงเผ็ดเลือดเป็ดมาเต็มสองมือ เมื่อนั่งลงแล้ว ซูโหย่วเผิงก็แสดงมารยาทแก่คนที่อยู่ในกองถ่าย เพื่อที่จะขอทานอาหารเสร็จก่อนแล้วค่อยมาคุยเรื่องทำงานกัน.

หลังจากได้กลับมาทำงานที่ไต้หวันเค้าก็หวังที่จะได้กินอาหารที่คุ้นเคยของที่นี่,เมื่อมองดูเค้าทานก๋วยเตี๋ยวคำโตๆ ดูดูแล้วไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือดาราดัง เพื่อให้เป็นการไม่เสียเวลาทำงาน เค้าจึงรีบทานมันให้เร็วยิ่งขึ้น รีบจนเหงื่อแตกผลั่กๆ แล้วยิ่งไปกว่านั้นคือลุกขึ้นยืนทาน และไม่ลืมที่จะทักทายคนในกองถ่ายที่ยืนอยู่ข้างๆ เค้าบอกว่าอยู่ที่เมืองจีนไม่ได้กินของอะไรอย่างนี้มานานมากแล้ว,สิ่งที่ไม่อาจทำให้ผมลืมมันได้เลยก็คือของอร่อยๆที่ไต้หวันนี่แหละครับ... ( จริงๆแล้วบางครั้งผมก็จะกลับมาที่ไต้หวัน,กลับมาก็หลายครั้งนะครับ.เพียงแต่ไม่มีใครรู้เท่านั้นเอง,ยังมีคนคิดว่าผมเป็นคนจีนเลย....และวันผมก็ให้คนอ้อมไปซื้อของกินจากร้านนี้มาให้เลย มันมีความสุขจริงๆเลย! )

ไม่ชอบหนังฝรั่ง อย่างที่สุด

ทุกครั้งที่ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง เค้ามักจะไม่ลืมที่จะพูดถึงเรื่องของอร่อยในไต้หวัน มาดังที่เมืองจีนผลงานต่างๆทั้งหมดก็เป็นละครและภาพยนตร์ แป๊ปแป๊ปเดี๋ยวคนก็ลืม ก่อนที่เค้าจะมาเป็นไกวไกวหู่ เค้าเป็นเพียงนักเรียนจากเจี้ยนจง เด็กที่รักการอ่านเดินทางเข้าสู่วงการบันเทิง บทบาทที่เค้าแสดงก็สะกดใจคนที่ได้ชม แต่ (เสี่ยวหู่ตุ้ย) กับภาพลักษณ์ของเค้านั้นสวมมานานมากแล้ว ภาพลักษณ์นี้กับซูโหย่วเผิงเค้าคิดว่า มันเป็นทั้งแรงสนับสนุนและเป็นทั้งอุปสรรคสำหรับเค้า.

(เริ่มแรกกับบทบาทเรื่อง (องค์หญิงกำมะลอ) ผมกับหลินซินหยูไม่ได้เรียนมาทางด้านสาขาการแสดงด้วยกัน แล้วผลที่ได้คือหนังเรื่องนี้ดังเป็นพลุแตก แล้วผมก็ได้มีโอกาสมารับบททางการแสดงอีกมากมายส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรัก และในบางครั้งผมก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธรับบทที่ต้องแสดงบทบาทรักดูดดื่มเหมือนในหนังฝรั่งได้ ผมชอบที่จะได้รับบทบาทที่มันท้าทายไม่เหมือนคนอื่น จนกระทั่งได้มารับเล่นเรื่อง ( เฟิงเซิง ) เรื่องนี้อาจเรียกได้ว่าต้องอาศัยความสมบุกสมบันในการทำงานเป็นพิเศษ ผมเป็นดารานักแสดงที่ชอบลองสิ่งใหม่ๆ (นักแสดงที่มากด้วยความสามารถ) ไม่ว่าบทไหนผมก็จะใช้ความพยายามที่จะให้ตนเองเป็นหนึ่งเดียวกับมันให้ได้ อาจด้วยเหตุผลนี้ มันจึงทำให้ผมเหนื่อยมาก)

ไกวไกวหู่ไม่ทิ้งความมุ่งมั่น ฝึกฝนจนเป็นพ่อหนุ่มหุ่นเฟริม

เพื่อให้สมบทบาท ซูโหย่วเผิงจึงยอมเล่นบทเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวก็ชายเดี๋ยวก็หญิง เค้ายอมรับว่า ต้องทำให้ร่างกายมีกล้ามเนื้อดูเฟริมสมบทบาท ทำอย่างนี้อยู่ครึ่งปีกินแต่อาหารที่ให้โปรตีนสูง ในแต่ละวันต้องไปเก็บตัวอยู่ที่ฟิตเนต จนสามารถทำให้ตัวเองมีหน้าอกที่บึกบึน หน้าท้องมีซิกแพค ( คงจะนึกภาพกันไม่ออก ถ้าจะให้เห็นกันจะจะ เค้ายังโชว์รูปจากในมือถือของเขามาเพื่อเป็นการยืนยันด้วย) ถึงแม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ยังถ่ายทำไม่เสร็จ แต่กลับทำให้เห็นว่า ซูโหย่วเผิงนั้นมีจิตวิญญาณและความพยายามสูง.

ในตอนนี้ซูโหย่วเผิงได้เปลี่ยนสีผิวของตัวเองด้วยการอาบแดด หนวดเคราก็ปล่อยโดยไม่ค่อยให้การดูแล ในตอนนี้เค้าแทบดูไม่ออกเลยว่าคือไกวไกวหู่ เค้าพูดแกมขำว่า ตอนนี้ผมก็เป็น ( คุณลุง ) ด้วยอายุแล้ว กลับไปมองอดีตของเสี่ยวหู่ตุ้ย มันก็ทำให้รู้สึกอ๊ายอาย ถึงแม้ว่าเสี่ยวหู่ตุ้ยจะกลับมารวมวงอีก ถึงยังไงเค้าก็ไม่คิดที่จะเปลี่ยนความคิดของเค้าไปง่ายๆ แต่หวังว่าจะมีการวางแผนงานใหม่กับเรื่องนี้ ( ความทรงจำมันก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง สองปีที่ผ่านมาทุกคนพูดถึงเรื่องนี้ ผมไม่อยากทำ นั่นมันก็จะทำร้ายจิตใจใครหลายๆคนที่รู้สึกดีกับวงเสีี่ยวหู่ตุ้ย.....ผมพูดจริง   ถ้าหากว่ากลับมารวมวงกันใหม่แล้วร้องเพลงเก่าๆ ภาพลักษณ์มันต้องออกมาไม่ดีแน่ แต่ทางบริษัทก็มีความจริงใจ พวกเขาอยากทราบข้อแน่นอน เลยให้คนมาคุยพวกเราสามคน ผมหวังว่าเรื่องนี้มันควรจะจบได้แล้ว....)  ซูโหย่วเผิงปฏิเสธที่จะพบสื่อถึงเรื่องที่เค้าไม่เห็นด้วยกับการคืนวง แต่เมื่อก่อนปลายปีที่แล้วซูโหย่วเผิงปฏิเสธสามงานแสดง แล้วอยากรู้ว่า ( กำหนด ) มันจะเป็นอุปสรรคของการกลับมารวมวงของเสี่ยวหู่ตุ้ยหรือไม่.

ความพอใจ ที่ได้มาถ่ายภาพยนตร์ที่ไต้หวัน

อู๋ฉี่หลง เพื่อนรัก หลินซินหยู ทยอยกันเปลี่ยนตัวเองไปเป็นผู้จัดภาพยนตร์(ละครโทรทัศน์) ซูโหย่วเผิงปีนี้ได้เริ่มลงทุนสร้างหนัง มาเป็นผู้จัดอย่างเต็มตัว คิดไม่ถึงว่าละครเรื่องแรก (ไม่รักก็อย่างมากวนใจ) จะได้เสียงตอบรับที่ดีมาก ได้คะแนนความนิยม ซูโหย่วเผิงถึงกับยิ้มร่า เป็นผู้จัดเอง ในความคิดผมไม่ได้คาดฝันไว้ มันกลับมีผลตอบรับอย่างเกินคาดขนาดนี้ ( เคยมีคนมาคุยกับผมถึงเรื่องหน้าแล้ว.....ที่จริงที่ผมเป็นผู้จัดเองนี่ไม่ใช่เพราะอยากได้เงินเยอะๆ แต่เป็นเพราะว่าผมอยากที่ใช้คำพูดและคำสั่งซะมากกว่า เรื่องอื่นผมไม่ค่อยถนัด ก่อนหน้านี้เรื่องสึนามิผมก็ได้ให้เงินสมทบไปก็หลายร้อยล้านหยวนอยู่ แต่การทำภาพยนตร์ เป็นงานที่ผมรัก สามารถที่จะทำหนังดีๆสักเรื่องหนึ่งได้เนี่ยมันเป็นเรื่องที่น่าดีใจมากเลย) ซูโหย่วเผิง ยังเผยอีกว่า ได้ทำสัญญากับหนังเรื่องหนี่งที่ไต้หวันไว้แล้ว (เรื่องนี้ทำให้ผมรู้สึกดีใจมากเลย เพราะว่า ผมสามารถที่จะใช้เวลาช่วงนี้ทำงานอยู่ที่ไต้หวัน ).

ทิ้งท้าย.... ( คำหวาน ) ปล่อยไก่

ซูโหย่วเผิงใช้เวลาส่วนใหญ่ในการทำงานที่ประเทศจีน ได้เรียนรู้ความแตกต่างของคนจีนของคนจีนสองฟากฝั่ง สั่งสมประสบการณ์ที่ได้ประสบพบเจอด้วยตนเอง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมไปกองถ่าย ผมคิดว่าอาจเป็นเพราะทางทีมงานนั้นเปิดโอกาสให้ผมได้มีเวลาว่างที่จะสามารถมานั่งดื่มชาและหาของทานเล่นได้ พอทางทีมงานมาเจอผมเข้า ทำหน้าตาตื่นแล้วพูดกับผมว่า : ( ว้าว! คุณนี่ดีจริงๆ! ขอบคุณคุณมากๆนะ! ซาบซึ้งใจมากเลย! ) ผมยังคิดอยู่ว่ามาพูดจาไพเราะและแสดงความซาบซึ้งใจทำให้ทีมงานดีอกดีใจถึงขนาดนี้เนี่ย คิดไม่ถึงว่า ผมสังเกตเห็นได้จากสีหน้าของอีกฝ่ายว่ายังงงงงและไม่น่าเชื่อถือในคำพูด  (อ้าว ! ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่าล่ะ? ) ซูโหย่วเผิงเริ่มคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ตาเห็นแล้วล่ะ. ( ฉัน......ผิดไปแล้ว.....ที่ทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจใช่ไหม? ) อีกฝ่ายพูดขึ้นว่า. ( ไม่เป็นไร......คุณน่ะทำดีแล้วนะ! ฉันน่ะดีใจมากเลยจริงๆ! )

ต่อมา คนที่ทำงานอยู่ข้างๆก็ปล่อยก๊ากกัน แล้วก็มีใครก็ไม่รู้วิ่งเข้ามาพูดว่า: ( คุณซูโหย่วเผิง  พวกเราที่นี่น่ะ ( คำหวาน ) สองคำนี้น่ะ ก็เปรียบเสมือนการที่เอามีดมากีดกีดใจคุณอย่างเหี้ยมโหด มันจะทำให้คุณรู้สึกเจ็บแปร๊บเลยล่ะ! )

Alec Love Me

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13268
    • ดูรายละเอียด