ALL About Alec SU YOU PENG | รวบรวมผลงานของ ซูโหย่วเผิง > How Well do You Know Alec Su?

ผม...[ซูโหย่วเผิง] รายงานตัวครับ

(1/2) > >>

Chomnath:
   "ผม...ซูโหย่วเผิง" รายงานตัวครับ   



ลืมตาดูโลก
พูดถึงเรื่องราวของผม ซูโหย่วเผิง ก็ต้องเริ่มต้นจาก 11 ก.ย. 1973 วันนั้นตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 เทศกาลไหว้พระจันทร์พอดี ผมเกิดในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงไทเป ประเทศไต้หวัน ตอนเกิดทุกอย่างถือว่าราบรื่น ผมจำไม่ค่อยได้ว่าตอนเกิดมีน้ำหนักเท่าไหร่ แต่ได้ยินคุณแม่บอกว่าผมไม่ถือเป็นคนอ้วน แต่ค่อนข้างแข็งแรง ตอนนั้นผมเป็นลูกชายคนเดียวในบ้าน ดังนั้นจึงเป็นที่รักของคุณพ่อคุณแม่มาก

ทำไมต้องตั้งชื่อว่า "โหย่วเผิง" หรือ? เนื่องจากผมเกิดในเทศกาลไหว้พระจันทร์ คุณแม่เองก็เกิดในเทศกาลไหว้พระจันทร์เช่นกันสองเดือนมารวมกันจึงกลายเป็นอักษร "เผิง" ดังนั้นจึงเรียกผมว่า "โหย่วเผิง"

น้องชายอายุห่างจากผม 6 ปี ดังนั้นตอนเด็กๆผมเหมือนลูกโทน คุณพ่อคุณแม่จึงให้ความสนใจกับผมเป็นพิเศษพวกท่านให้ผมเรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย เรียกได้ว่ามีโอกาสเรียนหมดทุกอย่างทั้ง กาพย์ กลอน โคลง ฉันท์ จากจุดนี้พอจะดูออกว่านอกจากพวกท่านจะรักใคร่เอ็นดูผมแล้ว ยังคาดหวังกับผมไว้สูงมาก


นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ยังให้ความสำคัญกับการเรียนของผมด้วย โดยเฉพาะคุณพ่อจะตื่นเต้นกับผมการเรียนของผม เพราะท่านมองว่าการเรียนเป็นเรื่องที่สำคัญทีสุด โดยเฉพาะเด็กผู้ชายต้องเรียนให้ดีวันข้างหน้าจึงจะมีอนาคต จากจุดนี้ทุกคนคงจะดูออกว่า พ่อแม่ผมเข้าตำราที่ว่าพ่อเข้มงวดแม่ใจดี ดังนั้นคุณแม่จึงสนิทกับพวกเรามาก แม้แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์กับท่านก็ยังดีมาก

มีเรื่องอะไรผมจะเล่าให้ท่า่นฟัง ส่วนความสัมพันธ์กับคุณพ่อค่อนข้างเหินห่าง อาจเป็นเพราะท่านให้ความรู้สึกที่เข้มงวดกับผม ผมกับท่านจึงคุยไม่ค่อยสนิทกันเหมือนคุณแม่ บางทีเมื่อผมอายุมากกว่านี้ซักหน่อยหือโตเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ ความสัมพันธ์ของพวกเราจะดีขึ้นก็ได้


พูดถึงความสัมพันธ์ของผมกับน้องชาย ก่อนอื่นผมต้องขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ที่มอบน้องชายคนนี้มาให้ เพราะนอกจากเขาจะเป็นน้องชายของผมแล้ว เขายังเป็นเพื่อนที่รู้ใจผมที่สุด ผมมีเรื่องอะไรในใจจะเล่าให้เขาฟังหมด เขาเป็นนักฟังที่ดีและให้ความเห็นที่ดีๆกับผมหลายอย่างถึงแม้พวกเราอายุห่างกัน 6 ปี อีกทั้งตอนนี้เขากำลังเรียนหนังสืออยู่แต่พวกเราไม่เคยมีช่องว่างระหว่างอายุ กลับกันความสัมพันธ์ของพวกเราตอนเด็กไม่ดีเท่าตอนนี้ด้วยซ้ำเพราะตอนนั้นเขายังเด็กแต่ผมเริ่มทำงานแล้ว ฉะนั้นพวกเรามีเวลาเจอหน้าและอยู่ด้วยกันน้อยมาก

Chomnath:


‎   5 ขวบเข้าโรงพัก   
ถามว่าตอนเด็กของผมมีเหตุการณ์อะไรที่ไม่อาจลืมความจริงผมจำไม่ค่อยได้แล้ว โดยเฉพาะช่วงที่อยู่อนุบาลความทรงจำเลือนลางทว่าคุณแม่เล่าให้ผมฟังเรื่องหนึ่งผมรู้สึกว่ามันสนุกดีน่าจะเล่าให้แฟนๆฟัง

ตอนนั้นผมอายุ 4-5 ขวบ มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลงทางคุณพ่อคุณแม่เป็นกังวลมากหาผมไปทั่ว ตอนหลังตำรวจแจ้งว่าพวกท่านเจอผมแล้ว ทั้งยังพาผมไปที่สถานีตำรวจ บอกให้คุณพ่อคุณแม่ไปรับตัวผมที่นั่น อาจเป็นเพราะผมอายุน้อยมากจึงไม่รู้จักคำว่ากลัวยังขอกินไอศกรีมจากคุณลุงตำรวจที่สถานีตำรวจด้วย คุณพ่อคุณแม่เองก็ไม่รู้จะทำยังไง

ตอนเด็กๆถึงแม้พ่อแม่จะเข้มงวดกับผมมากแต่ความจริงพวกท่านรักผมมาก ผมต้องการอะไรพวกท่านจะพยายามรับปากทุกอย่าง เช่น เรียนอีเล็คโทน ถึงแม้สภาพที่บ้านไม่ค่อยดีนักพวกท่า่นก็สนับสนุนผมเต็มที่ แต่พูดถึงของเล่น พวกท่า่นจะไม่รับปากผมง่ายๆ โยเฉพาะวีดีโอเกมส์ที่ฮิตมากในช่วงนั้นและเป็นของเล่นที่ผมชอบที่สุดเพราะวีดีโอเกมส์นี่แหละทำให้คุณพ่อที่น้อยครั้งนักจะตีผมยังลงไม้ลงมือกับผม!

สมัยนั้นศูนย์วีดีโอเกมส์กำลังฮิตผมชอบไปที่นั่นมาก ทว่าผมไม่ได้อยากเล่น แค่เห็นคนอื่นเล่นก็มีความสุขแล้ว ตอนนั้นผมอินกับการดูมากจนลืมเวลากลับบ้านกระทั่ง 5 ทุ่มจึงนึกขึ้นได้ปกติผมเป็นคนกลับบ้านตรงเวลาบวกวิธีการอบรมสั่งสอนของคุณพ่อวันนั้นเหมือนกับทำผิดมหันต์สุดท้ายจึงถูกทำโทษนั่นเอง

ตอนหลังผมจึงขอให้พ่อแม่ซื้อวีดีโอเกมส์ให้ แต่จำไม่ได้ว่าเพราะสาเหตุอะไรจำได้แต่ว่าเพราะวีดีโอเกมส์นี่แหละทำให้ผมมีเรื่องกับคนอื่นทั้งที่ปกติผมไม่เคยมีเรื่องชกต่อยกับคนอื่น ครั้งนั้นมีเพื่อนนักเรียนชายคนหนึ่งมายืมวีดีโอเกมส์ของผม แต่เขาผัดผ่อนมาหลายวันไม่ยอมคืนผมสักที สุดท้ายผมอดรนทนไม่ได้จึงตัดสินใจส่งหนังสือยื่นคำขาดกับเขา นัดเขามาเจอที่สนามหลังโรงเรียนเพื่อชี้ชะตา

ตอนนี้มานึกดูแล้วรู้สึกแปลกดีเพราะเขาก็มาตามนัด ที่น่าหัวเราะที่สุดก็คือที่แท้พวกเราสองคนไม่เคยมีประสบการณืชกต่อยกับใครมาก่อนการประลองกันคราวนั้นนอกจากจะไม่มีเลือดตกยางออกแล้วที่น่าหัวเราะก็คือเขาคว้าคอผม ผมดันหัวเขาสุดท้ัายไม่มีใครแพ้ไม่มีใครชนะ แล้วเรื่องก็จบๆกันไป ผมจำไม่ได้ว่าตอนหลังได้วีดีโอเกมส์คืนหรือเปล่าตอนนี้นึกดูแล้วก็สนุกดี

Chomnath:

  หนอนหนังสือ แต่ก็ปลื้ม มาดอนน่า 
พูดถึงเรื่องซุกซนของผม ความจริงเรื่องพวกนี้ไม่ค่อยเกิดกับผมมากนัก เพราะตอนเด็กๆผมไม่ค่อยชอบเล่น แต่ชอบเรียนหนังสือมากกว่า ดังนั้นน่าจะเรียกผมเป็นหนอนหนังสือจะเหมาะกว่า

เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากทางบ้านทำให้ผมเห็นความสำคัญของการเรียนประกอบกับผมชอบแสดงความสามารถชอบเป็นที่ 1 ดังนั้นผมจึงตั้งใจเรียนหนังสือมาตลอดหวังว่าจะได้เป็นที่ 1 ทำให้ผมมักมีชื่อติดอันดับต้นๆ ของโรงเรียนเสมอและถ้าผมเห็นคนอื่นโกงข้อสอบ ผมจะฟ้องครูเพราะเหตุนี้เพื่อนนักเรียนที่เรียนดีจึงไม่ชอบผม ส่วนคนที่เรียนไม่ดียิ่งไม่ชอบผมใหญ่ดังนั้นผมจึงมีเพื่อนสนิทไม่มากนัก

ถึงแม้การเรียนของผมจะดีแต่กลับไม่เป็นที่พอใจของคุณครู เพราะผมคุยเก่งแต่เพราะผมเรียนดีคุณครูจึงทำอะไรผมไม่ได้ ถึงแม้ผมจะเรียนดีแต่ผมก็เหมือนกับทุกคนคือมีวิชาที่ตัวเองชอบ ผมชอบวิชาภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์มากที่สุดเกลียดวิชาประวัติศาสตร์เพราะผมเหมือนกับคนอื่นไม่ชอบท่องหนังสือ

ถึงแม้ที่โรงเรียนผมจะมีเพื่อนไม่มากนัก แต่มีอย฿่คนหนึ่งที่ผมคบมาจนถึงปัจจุบันเขาชื่อหวงัเหวินเหลียง ตอนเรียนชั้นประถมเขาเป็นคู่แข่งในห้องที่แกร่งที่สุดพวกเราไม่น่าจะเป็นเพื่อนกันได้น่าจะเป็นศัตรูกันมากกว่า

แต่ตอนหลังเขาย้ายบ้านย้ายโรงเรียน กระทั่งชั้นมัธยมพวกเราเรียนร่วมห้องกันอีก ตอนนั้นจึงเริ่มเป็นเพื่อนสนิทกัน ผมไปอัดรายการที่สถานีโทรทัศน์ไต้หวัน เขาไปเป็นเพื่อนผมด้วยจนทุกวันนี้พวกเรายังติดต่อกันเรื่อยมาเรียกได้ว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสมัยผมเรียนหนังสือ

หลังจากเข้าเรียนชั้นมัธยม ผมก็เหมือนกับคนอื่นที่เข้าสู่ช่วงวัยรุ่นตอนนั้นผมใส่ใจรูปร่างหน้าตาตัวเองมากมักส่องกระจกคอยดูทรงผมตัวเองและเหมือนกับวัยรุ่นทั่วไปที่เพ้อฝันถึงดาราหรือมีดาราคนโปรดของตัวเอง ดังนั้นผมชอบ มาดอนน่า และ อากินะ นากาโมริ มากที่สุดระดับความคลั่งไคล้ของผมไม่แพ้วัยรุ่นสมัยนี้ที่ชื่นชอบดาราขวัญใจของตัวเองแต่ผมไม่ถึงกับบินไปหาเธอที่อเมริกาหรือญี่ปุ่น แต่จะมีอัลบั้มเพลงและโปสการ์ดซื้อสะสมไว้เพียบ ทว่าตอนที่ผมพูดแล้วแทบไม่มีใครเชื่อว่าผมจะคลั่งไคล้เธอได้ เพราะในสายตาของทุกคนผมเหมือน "เด็กดี" แต่ความจริงผมไม่ได้เพอร์เฟ็คอย่างที่คิดหรอกคับ"

Chomnath:

Chomnath:


นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

Go to full version