https://www.163.com/dy/article/I30POG6K05179F4G.htmlเฉียวเจิ้นอวี่: ผู้กำกับขอให้เขาเล่นเป็นคนพิการ แต่สุดท้ายเขาก็ได้เล่นเป็นหนึ่งใน "สี่บุรุษรูปงาม"
"เทพธิดามังกรหิมะ" ซึ่งออกอากาศในปี 2003 ถือเป็นละครศิลปะการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของยุทธภพมีเรตติ้งใน Douban สูงถึง 7.0 และเป็นละครที่ผู้คนมากมายเคยดูในวัยเด็ก
ไม่ว่าจะมองในปัจจุบันหรือในอดีต ละครเรื่องนี้เป็นการผลิตด้วยงบประมาณต่ำ นักแสดงส่วนใหญ่เป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่ไม่เป็นที่รู้จัก และผู้กำกับก็เป็นคนโนเนมที่ปัจจุบันไม่มีแม้แต่ชื่อใน Baidu Baike ด้วยซ้ำ หลังจากถ่ายทำเสร็จแล้ว แทบจะขายไม่ออกเลย แต่ในปัจจุบัน หลังจากที่ได้ชมละครเรื่องนี้ที่ดำเนินเรื่องอย่างรวดเร็วมากมาย ผู้คนกลับมองว่าละครเรื่องนี้เป็นละครคลาสสิกเรื่องหนึ่ง
แม้ว่าพล็อตเรื่องจะเป็นเรื่องราวที่คุ้นเคยเกี่ยวกับการที่ตัวเอกหญิงออกตามหาแม่ของเธอและความขัดแย้งในโลกยุทธภพ แต่พล็อตเรื่องนั้นเชื่อมโยงกันอย่างซับซ้อน และตัวละครประกอบทุกตัวได้รับการพัฒนาอย่างดีและมีมิติ นอกจากนี้ยังถ่ายทำในสถานที่จริง ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นศิลปะการต่อสู้ที่สมจริง
หลังจากละครออกอากาศ นางเอกอย่างตงซวนก็โด่งดังในทันที ในขณะที่พระเอกและพระรองกลับไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก อย่างไรก็ตามเฉียวเจิ้นอวี่กลับติดอยู่ในรายชื่อ "สี่บุรุษรูปงาม" ด้วยบทบาท พระรองอย่างโอวหยางหมิงยื่อ และเป็นที่พูดถึงกันมานานหลายทศวรรษ
เฉียวเจิ้นอวี่: โอหยางหมิงยื่น(หมอเทวดา โต้โถว)
มีคำกล่าวว่า การทำความชั่วมากเกินไปจะนำมาซึ่งผลกรรมแก่ลูกหลาน โอวหยางเฟยอิงฆ่าพี่ชายและแย่งชิงบัลลังก์ขึ้นเป็นเจ้าเมือง แต่ลูกชายของเขา โอวหยางหมิงยื่อ เกิดมาพิการ โอวหยางเฟยอิงรู้สึกว่าลูกชายพิการทำให้เสียหน้า จึงทอดทิ้งลูก
แม้ว่าโอวหยางหมิงยื่อจะมีร่างกายพิการ แต่เขากลับฉลาดหลักแหลมอย่างเหลือเชื่อ ภายใต้การดูแลของอาจารย์ผู้เฒ่าจากชายแดน เขาไม่เพียงแต่ได้รับคำสอนที่เข้มงวดจากอาจารย์ตั้งแต่อายุยังน้อยและได้รับการยกย่องว่าเป็น "โต้โถวคนต่อไป" ไม่เพียงเท่านั้น แต่เขายังเติบโตขึ้นมาเป็นชายหนุ่มรูปงามและสง่างามอีกด้วย
นอกจากขาที่พิการแล้ว โอวหยางหมิงยื่อแทบจะะไร้ที่ติ เขาเชี่ยวชาญด้านดนตรี หมากรุก การเขียนพู่กัน และการวาดภาพ มีทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม และเป็นแพทย์ที่เก่งกาจ เขายังหลงรักซ่างกวนเหยียนอย่างสุดซึ้ง เมื่อซ่างกวนเหยียนปรากฏตัวครั้งแรกและขอความช่วยเหลือจากเขา เขาเสนอเงื่อนไขว่า "ขอให้หญิงงามอยู่เคียงข้างสักคืน" ซ่างกวนเหยียนตกลง แต่เขาก็ล้มเลิกในทันที โดยกล่าวว่า "เว้นแต่ว่าข้าจะชนะใจเจ้าได้"
ต่อมา เขาเริ่มแสดงความรักอย่างตรงไปตรงมาและบ้าคลั่ง โดยแสดงความรักต่อซ่างกวนหยานด้วยถ้อยคำที่ไพเราะ และช่วยเธอให้พ้นจากอันตรายหลายครั้ง แม้กระทั่งเต็มใจเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อช่วยเธอ น่าเสียดายที่ถึงแม้เขาจะเต็มใจ แต่นางก็ไม่สนใจ ซ่างกวนหยานรักผู้ชายผมเส้นบะหมี่คนนั้น
สิ่งที่น่าชื่นชมที่สุดคือ แม้จะถูกพ่อทอดทิ้ง แต่ต่อมาเขาก็ชดใช้กรรมให้แก่พ่อ และมักจะปรากฏตัวทันเวลาเพื่อหยุดยั้งโอวหยางเฟยอิงจากการกระทำชั่วร้ายเสมอ
ระหว่างพ่อของเขากับซ่างกวนเหยียน เขากลับเลือกพ่อของเขา ทั้งๆ ที่พ่อไม่เคยรักเขาเลย ความโหยหาความรักจากพ่อนั้นช่างน่าเศร้าใจเหลือเกิน
เด็กหนุ่มคนนี้ ด้วยความสามารถในการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม รูปลักษณ์ที่หล่อเหลา บุคลิกที่สงบ ความรักและความเมตตาที่ลึกซึ้ง ทำให้ผู้ชมทุกคนประทับใจ ยกเว้นนางเอกที่ไม่รักเขา
ในปีนั้น เฉียวเจิ้นอวี่ อายุ 22 ปี เพิ่งจบการศึกษามหาวิทยาลัยนาฏศิลป์ปักกิ่ง (Beijing Dance Academy - BDA) ด้วยมีรูปร่างสูงโปร่ง สง่างาม เขาทำให้ผู้คนรู้สึกอ่อนโยนและงดงาม แม้ว่าเขาจะแสดงละครทั้งเรื่องในท่านั่งก็ตาม
ในเวลานั้น เขาอยู่ในช่วงที่หล่อเหลาที่สุด ต้องยอมรับว่าเขาเกิดมาเพื่ออาชีพนี้ รูปทรงใบหน้าและสัดส่วนร่างกายของเขาสมบูรณ์แบบเกินกว่าจะจับภาพได้ เขามีใบหน้ารูปไข่แบบคลาสสิก พร้อมคิ้วและดวงตาที่สวยงาม ที่สำคัญที่สุด แม้ว่าเขาเพิ่งเปลี่ยนอาชีพ แต่ดวงตาของเขากลับสื่ออารมณ์ได้ดีมาก ดวงตาของเขามีความไร้เดียงสาแบบวัยเยาว์และมีเสน่ห์เล็กน้อย
รูปลักษณ์ของเขาในละครเข้ากับรูปหน้าของเขาได้อย่างลงตัว ผมของเขาถูกรวบขึ้นเป็นมงกุฎ ทำให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น ไฝสีแดงชาดระหว่างคิ้วเป็นรายละเอียดที่ช่วยเสริมให้ดูสมบูรณ์แบบ เมื่อสวมชุดคลุมผ้าไหมสีทอง เขาก็ดูสง่างามและสูงส่งสมกับเป็นสุภาพบุรุษหนุ่ม
ว่ากันว่าเมื่อโปรดิวเซอร์ขอให้เขาเติมจุดชาดแดงเข้าไป เขาก็ขัดขืนอย่างมาก แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำตามโดยไม่เถียงกับโปรดิวเซอร์ และโดยไม่คาดคิด จุดชาดแดงนั้นก็กลายเป็นผลงานชิ้นเอกไปในที่สุด
ในช่วงปีเหล่านั้น เฉียวเจิ้นอวี่แสดงในละครย้อนยุคหลายเรื่อง รวมถึงบทหยุนเทียนหาวในเรื่อง "คัมภีร์กตัญญู" บทตงฟางเซิงในเรื่อง "ราชบุตรเขยกำมะลอ" บทมู่หลางในเรื่อง "เจ็ดกระบี่ไร้เทียมทาน" และบทฉินฟงในเรื่อง "อลวนรักองค์หญิงจอมแก่น" เขามักรับบทสมทบ แต่การแสดงของเขาก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้บทนำ ในช่วงเวลาหลายปีมีคำที่กล่าวไว้ว่า : "เฉียวเจิ้นอวี่รับบทเป็นตัวประกอบจนทำให้เหล่าพระเอกนางเอกในเรื่องต่างก็ต้องลำบากไปตามๆกัน"
เขาเป็นคนที่มีทั้งด้านดีและด้านมืด สามารถเป็นท่านอ๋องที่อ่อนโยนสุภาพ และยังสามารถเป็นตัวร้ายสุดแสนเจ้าเล่ห์ไม่เลือกหน้า จะอ่อนนุ่มนอบน้อมก็ได้ หรือจะเย็นชาเหี้ยมโหดก็ยังทำได้ จะดูลึกลับยากแท้หยั่งถึง จะอ่อนโยนหว่านเสน่ห์ก็เป็นได้ คำที่มักใช้ชื่นชมกับผู้หญิงหลาย ๆ คำพอเอามาใช้กับเขากลับไม่ดูเคอะเขินเลย แต่ก็ไม่กลับทำให้คนอื่นดูว่าเขานั้นเป็นคนสายหวานแต่อย่างใด
ต่อมา เมื่ออินเทอร์เน็ตเฟื่องฟู ชาวเน็ตในหมวดบันเทิงและข่าวซุบซิบของฟอรัมเทียนย่าได้จัดทำโพลเพื่อเลือกนักแสดงชายที่หล่อที่สุดในละครย้อนยุค ในปี 2011 ผลโหวตที่แพร่หลายอยู่ในปัจจุบันก็ได้รับการสรุป โดยเฉียวเจิ้นอวี่ ในบทบาทของโอวหยางหมิงยื่อ ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน "สี่บุรุษรูปงาม" ร่วมกับฮั่วเจี้ยนหัว, จงฮั่นเหลียง, และ เหยียนอี้ควน
ในปี 2014 หลังจากที่เจียไน่เหลียงถอนตัวจากบทบาทของโอวหยางเส้ากงในละครเรื่อง "มหัศจรรย์กระบี่จ้าวพิภพ" ทีมงานก็ได้ติดต่อ เฉียว เจิ้นอวี่มารับบทแทน และเขาก็ได้ถ่ายทอดบทบาทของชายแห่งตระกูลโอวหยางให้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง
แม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปีแล้ว แต่เมื่อพูดถึงเฉียวเจิ้นอวี่ ก็ยังอดไม่ได้ที่จะพูดถึงโอวหยางหมิงยื่อ ในปี 2021 ในรายการวาไรตี้ "The Irresistible" เฉียวเจิ้นอวี่ได้กลับมารับบทโอวหยางหมิงยื่ออีกครั้งหลังจากผ่านไป 18 ปี ใบหน้าของเขาอาจมีริ้วรอยแห่งวัยบ้าง แต่รูปร่างและบุคลิกยังคงหล่อเหลาเหมือนเดิม
เฉียวเจิ้นอวี่ อยู่ในวงการบันเทิงมากว่า 20 ปีแล้ว แม้จะไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์ แต่ก็มีผลงานที่โดดเด่นมากมาย มีโอกาสแสดงอย่างต่อเนื่อง และมีชีวิตครอบครัวที่มีความสุข เขาไม่ได้หลงใหลไปกับการแสวงหาชื่อเสียงและความนิยม ซึ่งน่าจะเป็นสถานะที่ดีที่สุดสำหรับนักแสดงคนหนึ่ง