แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - prattana

หน้า: [1] 2 3 ... 9
1
http://cq.qq.com/a/20180306/003268.htm

เขาคือสุดยอดแห่งวงการบันเทิง ปัจจุบันอายุ 44 ปีมีทรัพย์สินกว่า 2 พันล้าน เป็นคนเรียบง่าย ไม่มีข่าวเสียหาย

ไม่กี่วันมานี้หม่าอีหลีได้โพสต์รูปภาพขององค์หญิงจงจื่อเวยในละครองค์หญิงกำมะลอบนเว่ยป๋อและก็เป็นที่ฮือฮากันหนักมาก ซึ่งกระตุ้นให้เกิดคลื่นแห่งความทรงจำลูกใหม่ แต่ในใจของแฟนคลับนั้น ละครองค์หญิงกำมะลอเวอร์ชั่นที่แสดงโดยซูโหย่วเผิง หลินซินหยู นั้นถือว่าดีที่สุดพูดถึงซูโหย่วเผิงส่วนใหญ่ความประทับใจที่ผู้ชมมีต่อเขามักจะเป็นบทบาทขององค์ชายห้าและตู้เฟยผู้ตลกโปกฮา ที่จริงแล้วเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่นะวันนี้แอดมินจะพาทุกคนตามไปดูซูโหย่วเผิง

ปี 1973 ซูโหย่วเผิงเกิดที่ไต้หวันมารดาเป็นครูสอนโรงเรียนมัธยม บิดาเป็นเถ้าแก่ร้านขายอุปกรณ์ทั่วไป ในขณะที่ทุกคนต่างให้ความสนใจกับที่ว่าเป็นเด็กเรียนเก่งนั้น แท้จริงแล้วซูโหย่วเผิงต่างหากที่เป็นเด็กเทพตัวจริง ปีนั้น เขาใช้คะแนนที่สอบได้เป็นอันดับหนึ่งของโรงเรียนสอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลายลี่เจี้ยนกั๋ว เมืองไทเป (Taipei Municipal Jianguo High School )ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมปลายที่ดีที่สุดของที่นั่น และเขาก็ไม่ใช่คนประเภทที่ชอบหมกตัวอยู่กับหนังสือทุกวันเท่านั้น

เรียกได้ว่าเกือบตลอดสองปีก่อนเข้าเรียน ม.ปลาย เขาไม่ได้เรียนหนังสือเลย จนกระทั่งใกล้ขึ้น ม.6 เขาได้ใช้เวลา 1 ปีในการพยายามอย่างหนัก ในที่สุดก็สอบได้คะแนนอันดับที่ 5 ของการสอบเข้าเรียนในภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลของมหาวิทยาลัยไต้หวันได้สำเร็จ

จะว่าไปแล้ว เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ด้านการเรียน ตอนเรียนมัธยมปลายเขาไปทำอะไรมาน่ะเหรอความจริงแล้วตอนที่เขาอายุ 15 ปีนั้น มารดาของซูโหย่วเผิงกลัวว่าลูกตัวเองจะเป็นคนที่บ้าเรียนเกินไป  จึงได้แอบส่งเรซูเม่ประวัติของซูโหย่วเผิงไปที่รายการเกี่ยวกับศิลปะการแสดงชื่อ ชิงชุนต้าตุ้ยค่าง (การเผชิญหน้าของเหล่าเยาวชน) สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดวงเสียวหู่ตุ้ยที่โด่งดังไปทั่วทุกพื้นที่ในขณะนั้น

คุ้นตาบ้างหรือยังเอ่ย แน่นอน ตอนนั้นวงเสี่ยวหู่ตุ้ยก็คล้ายๆวง TFBOYS ในตอนนี้นั่นแหละ เหล่าหนุ่มน้อยผู้อ่อนโยน อายุเฉลี่ยราวๆ ประมาณ 17 ปีสมาชิกกลุ่ม 3 คน เป็นดั่งซูเปอร์ไซโคลนพายุแห่งวงการบันเทิง ในช่วงยุคทองนั้น พวกเขาได้นั่งอยู่บนบันลังก์ไอดอลอันดับหนึ่งของวงการบันเทิงในเอเชีย มีงานคอนเสิร์ตกว่า 30 แห่ง งานโฆษณาล้นมือ ตอนนั้นเนื่องด้วยภาระทางราชการทหารทำให้วงเสียวหู่ตุ้ยต้องค่อยๆแยกจากกันไป ปี  1997 หลังจากที่วงเสียวหู่ตุ้ยกลับมาร่วมวงกันอีกครั้ง กลับพบว่าวงการบันเทิงได้เปลี่ยนไปแล้วหลินจื้ออิ่งที่ถูกขนานนามว่าเป็น “พายุน้อย” ได้กลายเป็นที่รักใหม่ของผู้ชม

ซูโหย่วเผิงผู้สูงส่งหลังจากที่ออกจากวงเสียวหู่ตุ้ย ก็ได้เริ่มผันตัวเข้ามาแสดงละคร ในเรื่องดาบมังกรหยก  เขาได้รับบทเป็น "เตียบ่อกี้" ผู้โลเลแต่ถ้าได้รักใครก็จะรักมาก

ในเรื่อง มนต์รักในสายฝน เขาได้รับบทบาทเป็นตู้เฟยผู้ตลกโปกฮา แต่ในเรื่องของความรักกลับเอาใจใส่หนักมาก

เรื่อง องค์หญิงกำมะลอ ซูโหย่วเผิงได้รับบทเป็นองค์ชายห้าผู้มีจิตใจเมตตาหน้าตาหล่อเหลาเอาการ มีความเป็นสุภาพบุรุษทั้งภายในและภายนอก ในช่วงที่คุณคิดว่าซูโหย่วเผิงจะตลกนั้น เขากลับทำลายความคิดของคุณ ทำลายขอบเขตของเทคนิคการแสดง แสดงอะไรก็เหมือนไปหมด นี่น่าจะเป็นจุดพีคแล้วมั้ง

หลังจากที่ล้มลุกคลุกคลานอยู่ในวงการบันเทิงมาหลายปีนั้น ซูโหย่วเผิงยังคงเป็นคนเรียบง่ายเหมือนเดิม แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือในตัวเขามีพลังที่ห้าวหาญอย่างหนึ่งมาโดยตลอดเขาไม่ได้หลงไหลความสบายในการเป็นนักแสดงอยู่ในวงการเท่านั้น หากแต่ยังพยายามพัฒนาตนเองให้ก้าวหน้าอยู่เสมอ อย่างเช่น การก้าวเข้าไปสู่การเป็นผู้กำกับภาพยนตร์นั่นเอง

ปี  2015 ภาพยนตร์แนววัยรุ่นที่เขากำกับเรื่องจั๋วเอ่อร์-The Left Ear ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าเรทติ้งจะเพียง 5.4 คะแนน แต่ในฐานะที่เป็นเรื่องแรกและเป็นเรื่องราวของวัยรุ่นแล้วนั้น เรื่องจั๋วเอ่อร์-The Left Ear ถือว่าเป็นผลงานที่โดดเด่นไม่น้อย

ปี 2017 เขายอมเสี่ยงความอันตรายด้วยการรีเมคภาพยนตร์เรื่อง The Devotion of Suspect X ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการที่เอาผลงานที่มีอยู่แล้วมารีเมคใหม่นั้นย่อมเป็นเรื่องที่ไม่ใช่แค่ไม่ได้รับผลดั่งที่คาด หากแต่ยังถูกต่อว่าอีกถึงแม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะออกมาครั้งแรก แม้จะเป็นเรื่องที่ได้รับเสียงด่ามากมายก็ตาม แต่พูดตามตรงนะคุณภาพของภาพยนตร์ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น

ในการเปรียบเทียบละคร สิ่งที่ทุกคนค่อนข้างให้ความสำคัญอาจจะเป็นชีวิตความรักของซูโหย่วเผิง ไม่กี่ปีมานี้ ในงานแต่งงานของเซี่ยน่ากับจางเจี๋ยและงานแต่งงานของอู๋ฉีหลงกับหลิวชือชือ ซูโหย่วเผิงก็ได้ไปร่วมเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเช่นกัน

เพื่อนสนิทรอบกายของเขาต่างก็แยกย้ายไปมีความรักหมดแล้ว เหลือแค่เขาคนเดียวเท่านั้น ไม่ใช่แค่เรื่องวุ่นวายของความรักนะข่าวเสียหายก็แทบจะไม่มีให้ได้ยิน ทั้งเก่งทั้งรวย (ทรัพย์สินราว 2พันล้าน) แต่กลับไม่มีแฟน ไม่แปลกเลยที่ในประเทศจีนจะมีข่าวเกี่ยวกับรสนิยมเพศที่สามของเขาเต็มไปหมด(คือเฮียเป็นคนในฝันของบรรดาเก้ง-กว้าง-ชนี แบบนี้ค่ะ)  บวกกับเมื่อปีก่อนที่เขาโพสต์ “GV” ลงไปในเว่อป๋อนั้นยิ่งทำให้คนพากันคิดไปไกล

แต่นี่ก็ไม่ได้บ่งบอกถึงอะไรหรอก เพราะความเรียบง่ายคือสไตล์แต่ไหนแต่ไรของซูโหย่วเผิงอยู่แล้ว ต่อให้มีแฟนแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเอามาบอกผู้ชมหรอก จะให้คิดยังไง ซูโหย่วเผิงเป็นดั่งแม่น้ำอันบริสุทธิ์แห่งวงการบันเทิง ไม่สร้างกระแส อยู่แต่กับสิ่งที่ตัวเองชอบ ดาราแบบนี้ ใครจะไม่รักล่ะค่ะ

2
ไอ้ : รัก" เพลงรักภาษามือที่เคยโด่งดังในยุค 90s
https://mgronline.com/china/detail/9610000023343

บอยแบนด์ เสี่ยวหู่ตุ้ย(小虎队: The Little Tiger) ที่มีสามชิกคือ อู๋ ฉีหลง, เฉิน จื้อเผิง และ ซู โหย่วเผิง

เพลง "ไอ้(爱)" เป็นเพลงฮิตทั่วไต้หวันเมื่อปี ค.ศ.1991 แต่งโดย เฉิน ต้าลี่ และหลี่ จื่อเหิง และขับร้องโดยวง บอยแบนด์ที่ดังที่สุดในไต้หวัน ณ เวลานั้น อย่างวง "เสี่ยวหู่ตุ้ย(小虎队: The Little Tiger)" ที่มีสามชิกคือ อู๋ ฉีหลง, เฉิน จื้อเผิง และ ซู โหย่วเผิง ต่อมาเพราะ เฉิน จื้อเผิง สมาชิกในวงจำเป็นต้องเกณฑ์ทหาร เสี่ยวหู่ตุ้ย จึงปิดตำนานลง

ความพิเศษหนึ่งของเพลง "ไอ้" คือมิวสิควีดีโอของนักร้องทั้งสามคนนั้นร้องโดยใช้ภาษามือประกอบ เพราะเดิมทีเพลงนี้แต่งขึ้นในกิจกรรมการกุศลเพื่อคนหูหนวกและเป็นใบ้ แต่ด้วยท่วงทำร้องที่ฟังสบายหูรวมทั้งเนื้อหาอันไพเราะตรงไปตรงมา ทำให้เพลงนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ได้รับรางวัลด้านงานเพลง และเป็นที่รู้จักข้ามกาลเวลามากระทั่งปัจจุบัน

20 ปีผ่านไป ปี ค.ศ. 2010 วง เสี่ยวหู่ตุ้ย รวมกันเฉพาะกิจอีกครั้งบนเวทีในรายการพิเศษเฉลิงฉลองตรุษจีนของสถานีโทรทัศน์กลาง(ซีซีทีวี) โดยหยิบเพลงนี้กลับมาร้องใหม่ ซึ่งถูกผู้ชมลงคะแนนให้เป็นการแสดงที่โดดเด่นอันดับหนึ่งด้านร้องเพลงของค่ำคืนนั้นเลยทีเดียว



把你的心我的心串一串
ba3 ni3 de xin1 wo3 de xin1 chuan4 yi2 chuan4
ป่าหนี่เตอซินหวั่วเตอซินช่วนอี๋ช่วน
นำหัวใจเธอฉันร้อยเรียงไว้

串一株幸运草串一个同心圆
chuan4 yi1 zhu1 xing4 yun4 cao3 chuan4 yi1 ge4 tong2 xin1 yuan2
ช่วนอี้จูซิ่งอวิ้นเฉ่าช่วนอี๋เก้อถงซินหยวน
ร้อยเป็นต้นไม้นำโชค ร้อยใจให้เป็นหนึ่งเดียว

让所有期待未来的呼唤
rang4 suo3 you3 qi1 dai4 wei4 lai2 de hu1 huan4
รั่งสัวโหย่วชีไต้เว่ยไหลเตอฮูฮ่วน
ให้ทุกเสียงกู่ก้องถึงความหวังในวันหน้า

趁青春做个伴
chen4 qing1 chun1 zuo4 ge4 ban4
เชิ่นชิงชุนจั้วเก้อปั้น
เป็นเพื่อนร่วมทางไปตั้งแต่ยังเป็นวัยหนุ่มสาว

*别让年轻愈长大愈孤单
bie2 rang4 nian2 qing1 yu4 zhang3 da4 yu4 gu1 dan1
เปี๋ยรั่งเหนียนชิงอี้ว์จั่งต้าอี้ว์กูตาน
อย่าปล่อยให้เมื่อแรกรุ่นยิ่งเติบโตยิ่งเดียวดาย

把我的幸运草种在你的梦田
ba3 wo3 de xing4 yun4 cao3 zhong3 zai4 ni3 de meng4 tian2
ป่าหวั่วเตอซิ่งอวิ้นเฉ่าจ่งไจ้หนี่เตอเมิ่งเถียน
จงนำต้นไม้นำโชคของฉัน ปลูกลงไปบนลานฝันของเธอ

让地球随我们的同心圆永远的不停转
rang4 di4 qiu2 sui2 wo3 men de tong2 xin1 yuan2 yong3 yuan3 de bu4 ting2 zhuan3
รั่งตี้ฉิวสุยหวั่วเมินเตอถงซินหยวนหย่งหย่วนเตอปู้ถิงจ่วน
ให้โลกหมุนไปไม่มีหยุดตามวงใจอันเป็นหนึ่งเดียวของเรา

向天空大声的呼唤说声我爱你
xiang4 tian1 kong1 da4 sheng1 de hu1 huan4 shuo1 sheng1 wo3 ai4 ni3
เซี่ยงเทียนคงต้าเซิงเตอฮูฮ่วนซัวเซิงหวั่วไอ้หนี่
ตะโกนก้องบอกฟ้าดังๆ สักครั้งว่าฉันรักเธอ

向那流浪的白云说声我想你
xiang4 na4 liu2 lang4 de bai2 yun2 shuo1 sheng1 wo3 xiang3 ni3
เซี่ยงน่าหลิวลั่งเตอไป๋อวิ๋นซัวเซิงหวั่วเสี่ยงหนี่
บอกต่อเมฆขาวที่ลอยล่องอีกหนว่าฉันคิดถึงเธอ

让那天空听得见 让那白云看得见
rang4 na4 tian1 kong1 ting1 de jian4 rang4 na4 bai2 yun2 kan4 de jian4
รั่งน่าเทียนคงทิงเตอเจี้ยน รั่งน่าไป๋อวิ๋นคั่นเตอเจี้ยน
ให้ท้องฟ้าได้ยิน ให้เมฆขาวได้เห็น

谁也擦不掉 我们许下的诺言
shei2 ye3 ca1 bu2 diao4 wo3 men xu3 xia4 de nuo4 yan2
เสยเหยี่ยชาปู๋เตี้ยว หวั่วเมินสี่ว์ซย่าเตอนั่วเหยียน
ไม่มีใครลบล้างคำมั่นสัญญาที่พวกเราลั่นไว้ได้

想带你一起看大海说声我爱你
xiang3 dai4 ni3 yi4 qi3 kan4 da4 hai3 shuo1 sheng1 wo3 ai4 ni3
เสี่ยงไต้หนี่อี้ฉี่คั่นต้าไห่ซัวเซิงหวั่วไอ้หนี่
อยากพาเธอไปดูมหาสมุทรด้วยกัน และบอกว่าฉันรักเธอ

给你最亮的星星说声我想你
gei3 ni3 zui4 liang4 de xing1 xing1 shuo1 sheng1 wo3 xiang3 ni3
เก่ยหนี่จุ้ยเลี่ยงเตอซิงซิงซัวเซิงหวั่วเสี่ยงหนี่
มอบดวงดาวที่สุกสกาวที่สุดให้เธอและบอกว่า คิดถึงเธอ

听听大海的誓言看看执著的蓝天
ting1 ting1 da4 hai3 de shi4 yan2 kan4 kan4 zhi2 zhuo2 de lan2 tian1
ทิงทิงต้าไห่เตอซื่อเหยียนคั่นคั่นจื๋อจั๋วเตอหลันเทียน
ฟังคำสัญญาจากมหามสุทร มองดูฟ้าสีฟ้าไม่สุดสิ้น

让我们自由自在的恋爱**
rang4 wo3 men zi4 you2 zi4 zai4 de lian4 ai4
รั่งหวั่วเมินจื้อโหยวจื้อไจ้เตอเลี่ยนไอ้
ให้พวกเราได้รักอย่างอิสรเสรี

ซ้ำทั้งหมด 1 รอบ
ซ้ำ * - ** 1 รอบ

3
Directorial / poster 《Suspect X》
« เมื่อ: ธันวาคม 31, 2016, 03:50:20 AM »



4







2016年06月04日 13:03
http://star.ettoday.net/news/710858?from=weibo_et_star

好片推推/《左耳》夯賣24億!蘇有朋處女作魅力何在?

▲蘇有朋執導《左耳》,熱賣24億台幣。(圖/翻攝自蘇有朋微博)

記者華少甫/台北報導

「就算與全世界為敵,我也不委屈自己。」如果你看過《左耳》,一定不會忘記這句經典台詞,劇情描述一位左耳失聰的女孩的故事,全片因為走懷舊青春路線,而在大陸共賣出24億台幣的好票房,連帶讓導演蘇有朋也入圍了金馬最佳新導演獎,表現頗受好評。

▲蘇有朋執導《左耳》,熱賣24億台幣。(圖/翻攝自蘇有朋微博)

電影《左耳》改編自饒雪漫的小說,演員卡司清一色攤開來,台灣其實沒什麼人認識,如歐豪、楊洋、馬思純、陳都靈等;其中,馬思純因為「黎吧啦」這個敢愛敢恨的角色,受到許多人的喜愛,並入圍了金馬獎最佳女配角,而當時她在劇中的死,更讓不少人流下淚來。

▲《左耳》演員楊洋。(圖/翻攝自蘇有朋微博)

回到劇情,近幾年先由台灣的《那些年,我們一起追的女孩》開啟了懷舊的校園青春電影,這類片型也彷彿成了劇情保證(如《我的少女時代》),大陸近幾年也有好幾部類似的作品,如趙薇的《致我們終將逝去的青春》、郭敬明的《小時代》,也都創造了非常好的票房;《左耳》也是如此,裡面有青春的歡笑跟浪漫,也有年輕人想要面對過錯的贖罪與成長;不同的是,蘇有朋用一種冷靜、沉著的述說方式,這不僅考驗著他的執導功力,事實也證明,觀眾是買單的。

▲《左耳》女主角陳都靈。(圖/翻攝自蘇有朋微博)

許多人也許會擔心,小說翻拍成電影的成效不彰,可能會令喜愛原著的人感到失望,事實上,蘇有朋跟饒雪漫有非常深入的溝通,甚至半夜不睡覺兩人也一直在對台詞;在小說中,饒雪漫分別從幾個主角的主觀角度去講述一群人的青春故事,這也讓這部電影的拍攝技巧變得更加艱難,蘇有朋卻顯得相當但如:「我覺得每個導演對故事都有自己的理解,我不會去評定它們是好還是壞,我就做好自己吧,也沒有想過去討好誰。我只想把青春裡真實的一面呈現給大家,引發觀眾思考,就夠了。」

2016年第18屆台北電影節《左耳》跟其他9部電影入圍最佳劇情片,歐豪、陳都靈同時獲得影帝后寶座入場券,台北電影節將在6月30日到7月16日舉行。

►►►電影新聞+實用資訊,加入『ET看電影』就對了!

แนะนำหนังดี/ โจ่วเอ่อ ยอดแตะ 2400 ล้าน เสน่ห์ของผลงานชิ้นแรกของซูโหย่วเผิงอยู่ตรงไหน?

โจ่วเอ่อ ผลงานกำกับโดยซูโหย่วเผิง ทำรายได้กว่า 2400 ล้านดอลล่าร์ไต้หวัน (รูป/จากเวยป๋อซูโหย่วเผิง)
นักข่าว หัวเซ่าฝู่ /รายงานจากไทเป


“แม้ว่าจะเป็นศัตรูของคนทั่วโลก ผมก็ไม่ทำให้ตัวเองลำบาก” ถ้าคุณเคยดูโจ่วเอ่อ ก็คงไม่มีทางลืมประโยคๆนี้แน่นอน เรื่องนี้ บอกเล่าเรื่องราวของเด็กสาวที่หูซ้ายหนวกคนหนึ่ง เนื่องจากเป็นเรื่องการเดินที่ผิดพลาดในช่วงวัยรุ่น ทำให้กวาดรายได้ที่แผ่นดินใหญ่ไปกว่า 2400 ล้านดอลล่าร์ไต้หวัน และก็ทำให้ผู้กำกับซูโหย่วเผิงเข้ารอบชิงรางวัลม้าทองคำสาขาผู้กำกับหน้าใหม่ยอดเยี่ยม แสดงถึงกระแสตอบรับที่ดีมาก

▲โจ่วเอ่อ ผลงานกำกับโดยซูโหย่วเผิง ทำรายได้กว่า 2400 ล้านดอลล่าร์ไต้หวัน (รูป/จากเวยป๋อซูโหย่วเผิง)

ภาพยนตร์โจ่วเอ่อ ดัดแปลงมาจากนิยายของเหราเสว่ม่าน เมื่อมีการประกาศรายชื่อนักแสดงออกมา ไม่มีใครเลยที่ชาวไต้หวันรู้จัก เช่นโอวหาว จางย่าง หยางหยาง หม่าซือฉุน เฉินตูหลิง ฯลฯ ในนั้น เพราะว่าบทที่กล้าที่จะรักและกล้าที่จะเกลียด “หลี่ปาลา” ทำให้หม่าซือฉุนได้รับความนิยมขึ้นมา ทั้งยังทำให้เธอเข้ารอบชิงรางวัลม้าทองคำสาขานักแสดฃประกอบหญิงยอดเยี่ยม และฉากการตายของเธอในเรื่อง ก็ทำให้คนไม่น้อยต้องเสียน้ำตาอีกด้วย

▲นักแสดงโจ่วเอ่อ หยางหยาง (รูป/ภาพจากเวยป๋อของซูโหย่วเผิง)

กลับมาที่ละคร เริ่มจากเรื่อง You are the apple of my eye ที่เปิดตลาดภาพยนตร์วัยรุ่นของไต้หวัน เรื่องนี้ก็มีส่วนคล้ายกับเรื่องอื่น เช่น เรื่อง Our times หลายปีมานี้ ในแผ่นดินใหญ่ก็มีผลงานคล้ายๆกันนี้ออกมาหลายเรื่อง เช่น เรื่อง So Young ผลงานกำกับของจ้าวเวย Tiny Times ของกัวจิ้งหมิง และโจ่วเอ่อที่ทำรายได้ยอดเยี่ยม เหตุนี้เอง เรื่องราวความสุขสมและโรแมนติกในช่วงวัยรุ่น ก็ทำให้มีคนหนุ่มสาวอยากเผชิญหน้ากับความผิดพลาดและการเติบโตเช่นกัน สิ่งที่ต่างออกไปก็คือ ซูโหย่วเผิงเลือกใช้ความสงบในการดำเนินเรื่อง นี่ไม่เพียงแต่เป็นการทดสอบความสามารถในการเป็นผู้กำกับของเขาเท่านั้น ในขณะเดียวกันก็ได้รับการยืนยันแล้วจากการซื้อตั๋วของผู้ชม

▲นักแสดงนำหญิงโจ่วเอ่อ เฉินตูหลิง (รูป/จากเวยป๋อของซูโหย่วเผิง)

อาจมีหลายคนเป็นห่วงว่าการที่นำนิยายมาทำเป็นภาพยนตร์จะทำให้ไม่อรรถรถได้เท่าที่ควร อาจทำให้ผู้ที่ชื่นชอบผลงานต้นฉบับต้องผิดหวัง ในความจริงแล้ว ซูโหย่วเผิงก็ได้ติดต่อทำความเข้าใจกับเหราเสว่ม่านตลอด กระทั่งต่อบทกันตอนเที่ยงคืนกันสองคน ในนิยาย เหราเสว่ม่านได้บรรยายเรื่องราวของวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งผ่านมุมมองของตัวละครแต่ละตัว และนี่ก็ยิ่งเพิ่มความยากในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้มากขึ้น แต่ซูโหย่วเผิงกลับมีมุมมองอย่างชัดเจนว่า “ผมคิดว่าผู้กำกับแต่ละคนก็จะมีการตีความที่ต่างกันออกไป ผมจะไม่ไปตัดสินว่าดีหรือไม่ดี ผมก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ไม่ตัดสินใคร ผมแค่อยากถ่ายทอดเรื่องราวความจริงในชีวิตวัยรุ่นให้กับทุกคน ให้ผู้ชมได้คิดตามก็พอแล้ว”

ปี 2016 เทศกาลภาพยนตร์ไทเปครั้งที่ 18 โจ่วเอ่อและผลงานอื่นอีก 9 เรื่องได้เข้ารอบชิงรางวัลหนังรักยอดเยี่ยม โอวหาว และเฉินตูหลิงก็ได้เข้ารอบชิงรางวัลด้วย งานเทศกาลภาพยนตร์ไทเปจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายนถึงวันที่ 16 กรกฎาคม

6
【海芬的大明星小跟班】做公益不落人后!苏有朋好棒棒!

“รายการผู้ดูแลซุปตาร์ของไห่เฟิน(海芬)”(Entourage-大明星小跟班 ต้าหมิงซิงเสี่ยวเกินปัน)ทำงานสาธารณะไม่ล้าหลัง!ซูโหย่วเผิงเก่งมาก!

【海芬的大明星小跟班】做公益不落人后!苏有朋好棒棒!
http://v.youku.com/v_show/id_XMTM1OTEzNDA4MA==.html

“รายการผู้ดูแลซุปตาร์ของไห่เฟิน(海芬)”(Entourage-大明星小跟班 ต้าหมิงซิงเสี่ยวเกินปัน)ทำงานสาธารณะไม่ล้าหลัง!ซูโหย่วเผิงเก่งมาก!

ายการผู้ดูแลของซุปตาร์(Entourage-大明星小跟班 ต้าหมิงซิงเสี่ยวเกินปัน)วันนี้สัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง ครั้งนี้ ซูโหย่วเผิงได้กลับมาที่ไต้หวันเพื่อกิจกรรมสาธารณประโยชน์ “รักษาปกป้องหมีดำ” รับเป็นทูตอนุรักษ์รอยยิ้มหมีดำให้แก่แบรนด์คีลส์ (KIEHL'S) อย่างไม่มีผลตอบแทน เชิญชวนให้ทุกคนมาร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อม และร่วมกันสนับสนุนโครงการอนุรักษ์หมีดำไต้หวัน ซูโหย่วเผิงที่ไม่ได้ออกผลงานใหม่ทางฝั่งไต้หวันมานานแล้ว และไม่นานมานี้ก็ได้ทุ่มเทกำลังกายและกำลังใจให้กับงานเบื้องหลัง ซึ่งผลงานของเขา โจ่วเอ่อ ได้เข้ารอบชิงรางวัลม้าทองคำสาขาผู้กำกับมือใหม่ยอดเยี่ยมในปีนี้อีกด้วย

大明星小跟班今天访问到苏有朋,这次苏有朋为了「保护黑熊」的公益活动回台湾,无酬劳担任KIEHL'S拥抱微笑黑熊公益大使,邀请大家一起重视环境保护,支持台湾黑熊保育计划。好久没在台湾发表新作品的苏有朋,最近重心比较在幕后工作,今年金马奖更以电影《左耳》入围最佳新导演。


 

 

https://www.facebook.com/media/set/?set=a.961533150551845.1073742242.260376864000814&type=3

【海芬的大明星小跟班】做公益不落人後!蘇有朋好棒棒!
https://tw.celebrity.yahoo.com/news/%E3%80%90%E6%B5%B7%E8%8A%AC%E7%9A%84%E5%A4%A7%E6%98%8E%E6%98%9F%E5%B0%8F%E8%B7%9F%E7%8F%AD%E3%80%91%E5%81%9A%E5%85%AC%E7%9B%8A%E4%B8%8D%E8%90%BD%E4%BA%BA%E5%BE%8C%EF%BC%81%E8%98%87%E6%9C%89%E6%9C%8B%E5%A5%BD%E6%A3%92%E6%A3%92%EF%BC%81-034836033.html

VDO http://v.youku.com/v_show/id_XMTM1OTEzNDA4MA==.html

7
<a href="http://player.youku.com/player.php/sid/XMTI2OTk0NTg3Mg==/v.swf" target="_blank" class="new_win">http://player.youku.com/player.php/sid/XMTI2OTk0NTg3Mg==/v.swf</a>

【那时那你10】:青春记忆:小虎队
http://v.youku.com/v_show/id_XMTI2OTk0NTg3Mg==.html


[น่าสือน่าหนี่10]: ความทรงจำเมื่อครั้งวัยรุ่น:เสี่ยวหูตุ้ย

[น่าสือน่าหนี่]สัปดาห์ที่ 10: เสี่ยวหู่ตุ้ย ในความทรงจำช่วงวัยรุ่นของใครหลายคนล้วนมีภาพอันสวยงามของพวกเขาตราตรึงอยู่ และมีเพลงของพวกเขาเล่นวนไปวนมาอยู่ในหัว ซาบซึ้งถึงช่วงวัยรุ่นที่งดงาม – น่าสือน่าหนี่ ความทรงจำของทุกคน!ประกาศล่วงหน้า:สัปดาห์ที่ 11 เป็นเทพแห่งเพลง



8


[2015-06-23] http://sztqb.sznews.com/html/2015-06/23/content_3260411.htm#0-tsina-1-81538-397232819ff9a47a7b7e80a40613cfe1

ซูโหย่วเผิงร้องเพลง "หุยอี้โหยวไช" (回忆邮差 ความทรงจำของบุรุษไปรษณีย์) เพลงนี้ บุรุษไปรษณีย์ยุ่งมาก ให้บุรุษไปรษณีย์พักซักหน่อยได้มั๊ย?

หนังสือพิมพ์เสิ่นเจิ้น -------------------------------------

นักกีฬา NBA หลายคนล้วนมีฉายาของตัวเอง ผมชอบฉายาของ Karl Anthony Malone มากที่สุด—— "บุรุษไปรษณีย์" เขามั่นคงมาก แทบจะไม่เคยพลาดในการแข่งขัน เขามักจะนำลูกบาสส่งไปให้ผู้เล่นในทีมอย่างมั่นคง ดังนั้นก็เลยได้ฉายานี้มา ที่จริงแล้ว สิ่งแรกในอาชีพบุรุษไปรษณีย์ที่คนมักจะคิดถึงก็คือความรู้สึกที่มั่นคงและปลอดภัย

ไม่นานมานี้ ได้ฟังเพลงเก่า เพลงฉ่าวหยวนจือเย่ (草原之夜 ค่ำคืนที่ทุ่งหญ้า) ท่อน:อยากเขียนจดหมายถึงเธอที่อยู่แสนไกล ช่างน่าเสียดายที่ไม่มีบุรุษไปรษณีย์มาส่งความรู้สึกไปให้ได้

นี่ก็เหมือนกับเพลงฉงเฉียนม่าน (从前慢 เมื่อก่อนช้า) ของมู่ซิน (木心) ที่เขียนไว้ว่า:สีขาวเมื่อก่อนเปลี่ยนไปช้า ๆ รถม้า จดหมายก็ช้า ในชีวิตนี้สามารถรักใครคนหนึ่งได้ ที่กระแทกใจผมไม่ใช่เพียงแค่ความคิดถึงที่ฝ่ายชายมีต่อฝ่ายหญิงเท่านั้น แต่ในเพลงรักแบบนี้ ก็จะมีบุรุษไปรษณีย์ปรากฏตัว:ตอนที่เขาเดินทางไปส่งจดหมายคนเดียวนั้น สิ่งที่เขาทำไม่ใช่แค่ทำงานของตัวเองเท่านั้น เขายังได้เชื่อมต่อความรู้สึกของคนมากมายไปถึงกัน แค่เวลาสั้น ๆ ทำให้อาชีพที่ดูธรรมดากลายเป็นโรแมนติกขึ้นมาทันที หลังจากฟังเพลงนี้จบแล้ว ดูภาพยนตร์เรื่อง Postmen in the Mountains ต่อ บางทีอาจสามารถเข้าใจจิตใจของบุรุษไปรษณีย์ของหมู่บ้านนั้นในภาพยนตร์ก็ได้ รวมไปถึงการดูแลซึ่งกันและกันระหว่างเขาและผู้คนในที่นั้น

ซูโหย่วเผิงร้องเพลง "หุยอี้โหยวไช" (回忆邮差 ความทรงจำของบุรุษไปรษณีย์) เพลงนี้ บุรุษไปรษณีย์ยุ่งมาก เดี๋ยวก็ “ให้รุ่งอรุณเป็นบุรุษไปรษณีย์ ที่ปิดผนึกความทรงจำ เดี๋ยวก็ “ให้เวลากลางคืนเป็นบุรุษไปรษณีย์ ส่งความทรงจำกลับเข้ามา” เดี๋ยวก็ปิด เดี๋ยวก็ส่ง ให้บุรุษไปรษณีย์พักซักหน่อยได้มั๊ย? แน่นอน ถึงแม้ว่าบุรุษไปรษณีย์จะยุ่งมาก แต่ในบทเพลงนั้น ด้วยความสับสนและว้าวุ่นในใจของชายคนนั้นจึงเขียนเนื้อเพลงออกมาได้อย่างสดใสอย่างยิ่ง

 หวางเฟย (王菲) ก็มีเพลงชื่อโหยวไช (邮差 บุรุษไปรษณีย์) เนื้อเพลงเขียนโดยหลินซี (林夕) เพลงนี้เกี่ยวกับความรักที่สิ้นหวัง ภาพของบุรุษไปรษณีย์ก็ปรากฏตัวอีกครั้ง:คุณคือจดหมาย ฉันคือบุรุษไปรษณีย์ ท้ายที่สุดแล้ว เท้าคู่หนึ่ง เมื่อเดินอีกครั้งก็รู้ว่าเราไปกันไม่ได้ ไม่เหลือความทรงจำอันดีงามที่เคยผ่านไปด้วยกันอีกเลย ก็เหมือนกับเศษฝุ่นที่ไม่มีค่าอะไร รีบไปคุ้มกัน แต่ก็ไปเปิดโลกที่สวยงามไม่ทันอยู่ดี นี่เป็นการเปรียบเทียบที่สมบูรณ์แบบ นำความรู้สึกแบบรักกันแต่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้มาเขียนได้อย่างสวยงาม ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้ภาพลักษณ์ของบุรุษไปรษณีย์ลึกซึ้งยิ่งขึ้นไปอีก ฟังเพลงนี้แล้ว พวกเราก็เหมือนกับเปลี่ยนมุมมองที่เคยมองบุรุษไปรษณีย์ไปเลย:บุรุษไปรษณีย์เปลี่ยนไปคล้ายกับผึ้งตัวหนึ่ง ที่ลำบากและหวานเพื่อใครบางคน มาถึงเพลง Please Mr. Postman ของ The Carpenters บุรุษไปรษณีย์กลายเป็นสิ่งที่เด็กสาวตำหนิ เพราะว่าบุรุษไปรษณีย์ผ่านเธอไปหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เอาจดหมายจากผู้ชายของเธอจากที่แสนไกลมาส่งให้เธอ แต่เหตุผลที่แท้จริงนั้นเดาได้ไม่ยาก ผู้ชายคนนั้นไม่ได้เขียนจดหมายถึงเธอ ในเพลงฮิตของ The Carpenters ความรู้สึกโง่งมของหญิงสาวทำให้ผู้คนมีรอยยิ้ม เพลงจีนสมัยใหม่ก็มีเพลงหนึ่งที่เหมือนกับเพลงนี้มาก ๆ นั่นก็คือเพลงเติ่งโหยวไช (等邮差 รอบุรุษไปรษณีย์) ของหลงเพียวเพียว (龙飘飘) ทั้งสองเพลงมีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก น่าสงสารบุรุษไปรษณีย์ที่วิ่งวุ่นอยู่ ไม่รู้ว่าตัวเองกลายเป็นเครื่องมือของผู้ชายที่หมดใจแล้ว

สำหรับความหมายแฝงของ “บุรุษไปรษณีย์” ที่ว่าเป็นการขุดค้นและการหล่อหลอม วรรณกรรมพัฒนาไปเร็วกว่าเนื้อเพลงสมัยใหม่เสียอีก ภาพยนตร์ที่ James Mallahan Cain เคยเขียนเรื่อง The Postman Always Rings Twice ถูกคนทั่วไปเชื่อว่าเป็นที่สุดของนิยายแข็งกร้าว ในขณะเดียวกัน ก็เป็นนิยายภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดในยุคสองพัน ในนิยายไม่มีการปรากฏตัวของบุรุษไปรษณีย์ ชื่อนี้ในความเป็นจริงแล้วมาจากประโยคหนึ่งของแฟรงค์พระเอก:เรื่องพวกนี้เหมือนกันหมด คุณกำลังรอคอยจดหมายฉบับหนึ่งอย่างร้อนรน รออยู่ที่หน้าประตูเพราะกลัวว่าจะไม่ได้ยินเสียงกริ่ง แต่กลับคาดไม่ถึง บุรุษไปรษณีย์กดกริ่งแค่สองครั้ง ตอนนี้หนังสือที่ค่อนข้างจะเป็นที่รู้จักก็คือ บุรุษไปรษณีย์เป็นตัวแทนของโชคชะตาประเภทหนึ่ง กดกริ่งครั้งที่หนึ่ง บางทีคุณอาจไม่ได้ยินก็เลยพลาดไป แต่กดครั้งที่สอง คุณจะพลาดอีกไม่ได้แล้ว ดังนั้น เปรียบกับจดหมายที่ส่งถึงมือของคุณ ก็เหมือนกับโชคชะตา ที่ไม่สามารถทำนายได้ และก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน

คล้อยไปตามเทคโนโลยีที่มีการพัฒนา ปัจจุบันนี้สามารถพบบุรุษไปรษณีย์ได้ทุกที่ แต่หลายสิ่งก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว:เมื่อก่อนรอบุรุษไปรษณีย์ล้วนแต่รอจดหมาย ตอนนี้ล้วนแต่รอพัสดุ;คนอื่นส่งจดหมายมาให้ มักจะไม่รู้เนื้อหาเลย แต่พัสดุส่วนใหญ่แล้วก็เป็นสิ่งที่ตัวเองซื้อ ก็ทำให้ความน่าตื่นเต้นลดลงไปเยอะ บุรุษไปรษณีย์ยุ่งขึ้นทุกวัน บริการก็ดีขึ้นทุกวัน แต่ความโรแมนติก (แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่พวกเราคิดกันขึ้นมาและเพิ่มไปเอง) ในบทกวีบนตัวของบุรุษไปรษณีย์นั้น ก็น้อยลงทุกวัน นี่ก็เหมือนกับชีวิตของพวกเรา ที่สะดวกสบายขึ้นทุกวัน ง่ายดายขึ้นทุกวัน แต่ก็ไม่มีความรู้สึกตื่นเต้นและรอคอยอีกต่อไป แน่นอน ทั้งหมดนี้ไม่สามารถโทษบุรุษไปรษณีย์ และก็ไม่สามารถโทษตัวเราเอง ในความเป็นจริงแล้ว คุณเองยังไม่รู้เลยว่าต้องไปโทษใคร

9
[more] https://www.facebook.com/media/set/?set=a.907551112616716.1073742228.260376864000814&type=3
https://www.facebook.com/AlecfanclubinThailand?fref=photo&sk=photos

ซูโหย่วเผิง อู๋ฉีหลง และดาราอื่นๆ ร่วมอัดเทปรายการ Happy Camp ครบ 18 ปี ณ สถานีโทรทัศน์หูหนาน HunanTV



 

10
http://ent.sina.com.cn/s/m/2015-04-13/doc-iawzuney3292124.shtml


赵薇时隔6年后发声 为苏有朋献唱《左耳》
2015年04月13日20:16

新浪娱乐讯 由苏有朋[微博]首次执导,根据饶雪漫同名小说改编的电影《左耳》将于4月24日全国公映。近日,《左耳》发布电影同名主题曲及官方MV。苏有朋好友赵薇[微博]倾力献唱,时隔6年为友谊发声。更有豪华班底全方位打造,金牌填词人林夕作词、艾美奖最佳音乐大奖获得者王宗贤作曲,编曲部分更是由王宗贤和资深音乐人窦鹏共同操刀。歌曲一经推出便引发了全网侧耳,除了“开口就是泪点,句句都能戳心”这样对歌曲本身的评价,网友们也都纷纷表示,再见青春,有一种青春叫五阿哥小燕子。小燕子出山来给五阿哥唱主题曲,一张嘴,便是一代人的青春。

  金牌班底全力打造 《左耳》主题曲句句经典

  《左耳》同名主题曲发布之后,多句歌词成为了网络流传的金句。“听不清的耳语最诚恳”“很错等一等,前任也曾是对的人”“青春的旅途没有红灯,越走越快你也成了过来人”等歌词更是被网友怒赞,称句句都“正中红心太戳人”,虐心的歌词配合迂回婉转的旋律,在赵薇的浅吟低唱下像是变成了一道难题,无解,但是却道出了每个人青春中那些深藏在心的秘密。
 歌曲的MV正是电影的片段,因此主题曲的发布也让对电影《左耳》期待多时的影迷们再一次大饱眼福。打架、校园告白、水中拥吻等一系列的情景在歌曲的配合下更加引人入胜,而“我爱一个人,就可以不顾一切”等经典台词也相继出现在了MV中,引导着影迷们去电影中对张漾、许弋、李珥、吧啦等人的青春秘密一探究竟。

  赵薇为“五阿哥”新作献声 催泪戳心大获好评

  赵薇在主题曲MV的最后亮相,苏有朋则在一旁竖大拇指点赞。这样的画面让一代人的记忆瞬间被唤醒。当年还在打情骂俏的小燕子和五阿哥17年后再次走到一起,一个已经是“华语最高票房女导演”,而另一个的导演处女作也即将上映,两人的状态已然由当年的“国民最佳情侣”转变成互相支持、相互鼓励的专业导演。对于此次献声,影迷们在听过赵薇的演唱之后都忍不住泪奔高呼“歌里唱的都是小燕子和五阿哥红尘作伴陪我走过的青春”“小燕子你站在那里就已经足够了!”。

  4月24日《左耳》上映,电影究竟还会带来哪些惊喜,大家届时可以去影院里寻找答案。

11


[2014-04-22]华商报专访苏有朋:我已经是一个大叔了
http://tieba.baidu.com/p/2998692492

ซูโหย่วเผิง:ตอนนี้ผมเป็นคุณลุงแล้ว

ภาพยนตร์ที่แสดงนำโดย ซูโหย่วเผิง และเฉินเฉียวเอิน (陈乔恩) เรื่องจุ้ยเจียเสียนอี๋เหริน (最佳嫌疑人) เข้าฉายแล้วในโรงภาพยนตร์  ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ซูโหย่วเผิงรับบทบาทเป็นคนที่แปลกแยกในสังคมอีกครั้ง ในการเรียกร้องที่จะโกนคิ้วของตัวเอง บังคับให้ตัวเองไม่กะพริบตาอยู่สองสามวัน เพื่อที่จะให้ร่างกายชินกับสภาพอดหลับอดนอน ตอนที่ตอบรับให้สัมภาษณ์นั้น เขาบอกว่า “อายุอย่างไรก็ทำเรื่องอย่างนั้น ตอนนี้ผมเป็นคุณลุงแล้ว”

   อยากเป็นคนที่มีอิสระเสรีแต่กระทั่งทุกวันนี้ก็ยังไม่เป็นดังที่หวัง

   ไชน่าเดลี่:ถ้าได้พบกับตัวเองเมื่อสิบปีที่แล้ว คุณอยากบอกอะไรกับตัวเองมากที่สุด?

ซูโหย่วเผิง: ผ่อนคลาย

   ไชน่าเดลี่:ความหวังตอนนั้น คุณได้ทำมันให้สำเร็จรึยัง?

   ซูโหย่วเผิง:ชีวิตผมในตอนนั้น ให้เรื่องงานมาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะว่าตอนนั้นผลงานที่ออกมามันยังไม่ดีอย่างที่ใจหวัง เพราะฉะนั้นน่าจะนับได้ว่ายังไม่สำเร็จ

   ไชน่าเดลี่:บอกพวกเราได้มั๊ยว่าสิบปีที่แล้วคุณอยากเป็นคนแบบไหนมากที่สุด?

   ซูโหย่วเผิง:เป็นคนที่มีอิสระเสรี ทำอะไรได้ตามใจอยาก กระทั่งทุกวันนี้ก็ยังทำไม่ได้ บางทีมันก็อาจเป็นสภาพไม่เคยมีอยู่จริงก็ได้
   
ไชน่าเดลี่:ถ้าย้อนอดีตกลับไปได้ สิ่งที่คุณอยากแก้ไขที่สุดคืออะไร?

   ซูโหย่วเผิง: มาเกิดใหม่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

   ไชน่าเดลี่:ในช่วงชีวิตที่ผ่านมานั้น สิ่งที่มีค่ามากที่สุดสำหรับคุณคืออะไร?

   ซูโหย่วเผิง:ครอบครัว เพื่อนฝูง ที่รักผม รวมไปถึงคนที่ผมรักทุกคน รวมไปถึงคนที่ผมมีความรู้สึกดีด้วย

ถ้าไม่มีองค์ชายห้า บางทีอาจมีชีวิตที่ธรรมดา

   ไชน่าเดลี่:ตั้งแต่ไป๋เสี่ยวเหนียนจากเรื่องเฟิงเซิน บทบาทที่คุณแสดงส่วนใหญ่จะเป็นเป็นคนที่แปลกแยกจากสังคม มันมีความหมายว่าอย่างไรกัน?

   ซูโหย่วเผิง:ก่อนหน้านี้มีอยู่ช่วงหนึ่ง ผมพยายามอย่างยิ่งที่จะลบคำพูดที่ว่า “เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม” ตอนนี้ผมก็ค่อนข้างปล่อยให้มันเป็นไปตามโชคชะตาแล้วล่ะ ไม่ยอมเสียสละมากมายขนาดนี้เพื่อให้ได้รับการยอมรับจากคนอื่นอีกต่อไป ผมเป็นคุณลุงแล้ว (ผมแก่แล้ว)

   ไชน่าเดลี่:ในภาพยนตร์จุ้ยเจียเสียนอี๋เหรินในครั้งนี้ คุณรับบทเป็นคนที่เป็นโรคนอนไม่หลับอย่างรุนแรง เนื้อตัวผอม บังคับตัวเองไม่ให้กะพริบตาสองสามวัน เพื่อเข้าถึงบทบาทแล้ว คุณสามารถเสียสละได้ถึงระดับไหน? 

   ซูโหย่วเผิง:ครั้งนี้เป็นการเอาชีวิตจริงมาแสดง น่าจะเพราะว่าเมื่อครั้งหนึ่งผมเคยแสดงเป็นคนที่แปลกแยกจากสังคมมาแล้ว ก็เป็นการดีที่จะรับบทแบบนี้อีก ก่อนหน้านี้เวลารับเล่นละคร ผมไม่เคยคำนึงถึงว่าเป็นบทเป็นคนดีหรือไม่ดี หลังจากนี้ต้องกลับไปคิดซักหน่อยละ แสดงบทนี้ ผมได้โกนขนคิ้วทิ้ง  ทำตาให้บวม แล้วยังต้องวาดถุงใต้ตาอีกหลายเส้น ผมคิดว่ามันน่ากลัวมาก

   ไชน่าเดลี่:บทบาทไหนที่เคยแสดงแล้วลืมจากมากที่สุด?

   ซูโหย่วเผิง:น่าจะเป็นองค์ชายห้าในเรื่ององค์หญิงกำมะลอนะ นั่นเป็นบทที่ดีที่ผมเจอในช่วงที่กำลังเปลี่ยนฐานะ ถ้าไม่มี “องค์ชายห้า”ในวันนั้น วันนี้ผมอาจจะเริ่มวางแผนโฆษณาอะไรประมาณนั้น

   ไชน่าเดลี่:ฉงเหยา (琼瑶) ได้ช่วยเหลือด้านการงานของคุณค่อนข้างมาก ครั้งนี้เธอตำหนิเกี่ยวกับการลอกเลียนผลงาน และมีข่าวลือมาว่าจะแขวนปากกา คุณคิดว่าอย่างไร?

   ซูโหย่วเผิง:ผมไม่ได้โทรหาคุณน้าฉงเหยาเป็นการส่วนตัว ผมก็รู้ข่าวผ่านเหว่ยป๋อเหมือนกัน เธอเป็นคนราศีเมษ อารมณ์ละเอียดอ่อนตรงไปตรงมา มีอะไรก็พูดออกมาหมด ผมไม่ได้เห็นเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ เรื่องนี้ไม่ควรนำมาถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์กัน ผู้สร้างสรรค์งานศิลปะนั้นยากที่จะหลีกเลี่ยงการได้รับแรงบันดาลใจจากกันและกัน แต่ถ้าหากว่าพวกเรามีประเด็นความคิดสร้างสรรค์หรือแรงบันดาลใจซักนิด แล้วไปรวมกับกระบวนการผลิตจากตัวเราเอง อย่างนั้นยิ่งดีเข้าไปอีก ผมจะสนับสนุนคุณน้าฉงเหยาตลอดไป สนับสนุนผลงานต้นฉบับ

  ผู้สื่อข่าวประจำกรุงปักกิ่ง หลินซู่จิง (林树京)


12
Facebook.com/AlecfanclubinThailand

https://www.facebook.com/media/set/?set=a.906982496006911.1073742227.260376864000814&type=3&uploaded=30

[Update 2015.06.20]

ซูโหย่วเผิงแลนดิ้งที่ผูเถียน!วันที่ 20 มิถุนายน ศูนย์การค้าจวินโอวหลงผานเบ่งบานต้อนรับซุปตาร์ในตำนาน....ซูโหย่วเผิง เรียกเสียงกรี๊ดและเสียงเชียร์เรียกชื่อจากผู้ชม เพิ่มสีสันให้งานในวันนี้อย่างมาก ซูโหย่วเผิงปรากฏตัวบนเวทีท่ามกลางเสียงกรี๊ดและเสียงเชียร์จากบรรดาแฟนคลับ และได้ร้องเพลงหว่อเตอห่าวซินฉิง (我的好心情) มอบให้แก่แฟนๆ เรียกเสียงปรบมืออย่างไม่ขาดสาย บรรยากาศในงานยิ่งเข้มข้นขึ้นไปอีก




ที่มา http://bbs.ptajw.com/thread-88852-1-1.html

6月20日,传奇明星苏有朋将空降莆田,与全莆田共同见证骏欧·龙盘将营销中心开放盛典,揭开万众期待的骏欧·龙盘神秘面纱。同时,骏欧·龙盘城央稀缺豪宅同步认筹,敬请期待!

วันที่ 20 มิถุนายน ซุปตาร์ในตำนานซูโหย่วเผิงได้แลนดิ้งที่เมืองผูเถียน (莆田) เพื่อร่วมเป็นสักขีพยายในการเฉลิมฉลองเปิดศูนย์การค้าจวินโอวหลงผาน (骏欧·龙盘) เปิดโปงความลึกลับที่ปกคลุมจวินโอวหลงผานอยู่ ขณะเดียวกัน ที่พักในใจกลางเมืองเริ่มเต็มแล้ว โปรดติดตามความคืบหน้า!





[2015-06-18] 骏欧·龙盘:苏有朋空降莆田 鉴开传奇大幕
http://putian.house.sina.com.cn/scan/2015-06-18/16366017218007829649779.shtml

[2015.06.20]วิ้นโอวหลงผาน:ซูโหย่วเผิงแลนดิ้งสู่เมืองผูเถียน (莆田) เปิดโปงโฉมหน้าของตำนาน

วันที่ 20 มิถุนายน ศูนย์การค้าจวินโอวหลงผานอันรุ่งโรจน์

ข่าวบันเทิงซินหลางเขตพื้นที่ผูเถียน (บรรณาธิการ:หยีถิง(怡婷) หนึ่งคือซุปตาร์ในตำนานในวงการบันเทิง อีกหนึ่งคือพื้นที่ต้นกำเนิดแม่น้ำ ลำธาร และภูเขาที่ผูเถียนเมื่อตำนานพบกับความดั้งเดิม จะสร้างผลงานชิ้นเอกแบบไหนให้ผูเถียนกันนะ?

สองวันจากนี้ ที่เชิงเขาเฟิ่งหวง (凤凰) เมืองผูเถียนจะได้พบกับการปะทะกันระหว่างตำนานกับความดั้งเดิม!วันที่ 20 มิถุนายน ศูนย์การค้าจวินโอวหลงผานอันรุ่งโรจน์ ซูโหย่วเผิงแลนดิ้งที่หลงผาน ห้ามพลาดเด็ดขาด!

“เสี่ยวหู่ตุ้ย” ต้นกำเนิดภูเขา แม่น้ำอันรุ่งโรจน์

ปี 1988 ซูโหย่วเผิงเข้าวงการด้วยวงเสี่ยวหู่ตุ้ย เพิ่งเข้าวงการได้แป๊บเดียวก็โด่งดังไปทั้งเอเชีย สร้างสถิติคอนเสิร์ต 20 กว่ารอบ มีคนเต็มทุกรอบ แค่อัลบั้ม เซียวหยาวโหยว (逍遥游)และ อ้าย (爱) ก็มียอดขายเฉียด 15 ล้านตลับ มีชื่อเสียงตั้งแต่อายุยังน้อย ได้รับความนิยมไปทั่วเอเชีย สร้างประวัติการณ์ใหม่

ซูโหย่วเผิง บนร่างกายของเขาล้วนเต็มไปด้วยสัญลักษณ์แห่งความรุ่งโรจน์ กระทั่งทุกวันนี้ องค์ชายห้า ก็ยังเป็นชายในดวงใจของสาวๆยุค 80 ถึงแม้ว่าจะผ่านไปแล้ว 18 ปี ละครเรื่ององค์หญิงกำมะลอที่ซูโหย่วเผิงแสดงนำ ก็ยังคงเป็นหนึ่งในละครที่มีการนำมารีรันออกอากาศในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนของไต้หวันอยู่เสมอ

ถึงแม้ว่าจะเข้าไปอยู่ทำเนียบซุปตาร์ในตำนานแล้ว ซูโหย่วเผิงก็ยังคงเอาชนะตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง จากนักแสดงสู่โปรดิวเซอร์ กระทั่งผันตัวไปเป็นผู้กำกับภาพยนตร์โจ่วเอ่ออย่างงดงาม ยอดขายถล่มทลาย!การเปลี่ยนบทบาทในแต่ละครั้งของซูโหย่วเผิง ล้วนทำให้เขายิ่งเป็นที่น่าจับตามอง ซูโหย่วเผิงทุกวันนี้มีความสงบมากขึ้น ผ่อนคลายมากขึ้น เปลี่ยนจากไกวไกวหู่ในตอนนั้น เป็นดาราที่เป็นตำนานที่สุขุมนุ่มลึก!

ถ้าบอกว่าการกระจายซุปตาร์ในตำนานไปที่ผูเถียน ทำให้แฟนคลับจำนวนมากซาบซึ้งอย่างมาก ถ้าอย่างนั้นแล้วสองวันจากนี้ ศูนย์การค้าจวินโอวหลงผานก็ยิ่งเป็นที่น่าจับตามองในผูเถียน

13
Online Interviews & Updates / [2015-4-27] 人物志 (Entertainment News)
« เมื่อ: มิถุนายน 14, 2015, 04:59:56 AM »

15
ที่มา http://www.taihainet.com/news/finance/hot/2015-05-18/1419009.html#jtss-tsina

ซูโหย่วเผิง หลินซินหรู เรื่องที่ไม่จรรโลงใจ พวกเราไม่พูดกัน

Q:เป็นผู้กำกับครั้งแรกคุณรู้สึกสดชื่นมั๊ย?

  A: เป็นผู้กำกับนี่ลำบากมาก ความบ้าที่ผมเก็บกดมานานก็ถูกปล่อยออกมาตอนนี้แหละ เพราะว่าในกองถ่ายต้องอธิบายบทหลายครั้ง   ผมหวังมาตลอดว่าผลงานเรื่องนี้จะออกมาดีพอ มีความแตกต่างจากภาพยนตร์วัยรุ่นเรื่องอื่นๆ ผมต้องใช้เวลาเพื่อพูดคุยเรื่องบทกับเหล่านักแสดง อาจจะพูดเรื่องที่ไม่ไกลจากบทมากนัก เพราะฉะนั้น ในกองถ่ายผมก็เลยต้องสมบทบาทมากมาย

Q:จากภาพเบื้องหลัง ดูเหมือนว่าคุณจะชอบระเบิดอารมณ์?

  A: ใจจริงแล้วผมแค่อยากให้ทุกคนที่ร่วมทางเดินนี้ ได้รับผลตอบแทนที่ดีกันทุกคน ตอนที่ถ่ายทำนั้น ผมคิดว่าเพราะว่าทุกคนมีพื้นฐานการแสดงและนิสัยที่ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็เลยต้องใช้วิธีที่ไม่เหมือนกัน บางคนก็แรงหน่อย ผมก็ต้องไปยุ่งน้อยหน่อย  เพราะว่าเขาอาจจะต่อต้านได้ บางคนก็ต้องใส่ใจมากๆหน่อย สิ่งที่คุณต้องทำก็ต้องมากหน่อย เพราะว่าด้วยนิสัยของผมแล้ว เมื่อพูดกันเข้าใจแล้ว ผมไม่สามารถอดทนได้ เมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏบนจอแล้ว คิดว่ามันน่าจะดีกว่านี้ แต่ผมกลับไม่ไปช่วยคุณ  ช่วงที่แบ่งแยกว่าไปช่วยหรือเข้าไปแทรกแซงนั้น สำหรับผมแล้วมันคือความกังวล 

  Q:นั่นเพราะคำนึงถึงความกดดันทางการเงิน ก็เลยเลือกนักแสดงใหม่ทั้งหมดเพื่อให้เป็นการง่ายใช่มั๊ย?

  A: เรื่องเงินก็ค่อนข้างมีความกดดันครับ แต่ว่าหลักๆแล้วพวกเราหวังว่าจะสามารถหานักแสดงที่เข้ากับตัวละครตามเนื้อเรื่องได้มากกว่า  

Q:เคยคิดขอความช่วยเหลือจากเพื่อนจากวงเสี่ยวหู่ตุ้ยมั๊ย?

  A: ให้พวกเราแสดงเป็นเด็กโข่งหรือครับ? (หัวเราะ)

  Q:โจ่วเอ่อคือภาพยนตร์เกี่ยวกับวัยรุ่น ก่อนหน้านี้ จื้อชิงชุนของจ้าวเวยก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดี คุณมีความคิดจะเอาชนะเธอมั๊ย?

  A:ผมคิดว่า จื้อชิงชุน ของจ้าวเวยเป็นภาพยนตร์ที่ไม่สามารถมาแทนที่ได้ในวงการภาพยนตร์จีน  มันเป็นภาพยนตร์วัยรุ่นเรื่องแรกๆในวงการภาพยนตร์จีน เพราะฉะนั้นผมคิดว่ามันควรยกขึ้นหิ้งไว้ ไม่ควรนำมาเปรียบเทียบ

Q:ไม่นานมานี้ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทของเพื่อนรักอีกคนหนึ่งของคุณ หลินซินหรู คุณได้พูดคุยเรื่องนี้กับเธอบ้างมั๊ย?

  A: ซินหรูกับพวกเรามีความสัมพันธ์ที่แข็งแรง เพื่อนรักนี่นา แต่ว่าพวกเราไม่คุยกันเรื่องที่ไม่จรรโลงใจกัน เธอเป็นผู้หญิงที่เชื่อถือได้ และร่าเริงคนหนึ่ง

16


ที่มา http://cswb.changsha.cn/html/2015-05/25/content_19_5.htm

วัยรุ่น ใครบ้างไม่เคยเจ็บ ชมภาพยนตร์ โจ่วเอ่อ
เกาฉิวจง

      ภาพยนตร์โจ่วเอ่อ ผลงานการประพันธ์จากผู้ที่ได้รับขนานนามว่า “ตัวอักษรแม่มด” หนังสือของเธอ เต็มไปด้วยประสบการณ์ช่วงวัยรุ่นที่ผ่านไปแล้วของคนมากมาย และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เป็นผลงานการกำกับครั้งแรกของผู้กำกับที่ไอดอลอย่างซูโหย่วเผิง ตอนนี้ยังไม่พูดเรื่องภาพยนตร์ เรามาพูดเรื่องผู้กับกำและผลงานที่สามารถดึงดูดสายตาจากผู้คนก่อนดีกว่า

      ถ้าเทียบกับภาพยนตร์วัยรุ่นในประเทศแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความแตกอย่างมากทีเดียว และก็ไม่ได้ไปทิ่มแทงความรู้สึกในใจของคนดู แต่ว่าใช้ความเรียบง่าย การเรียบเรียงภาพมาบรรยายเรื่องราวการเติบโตเป็นวัยรุ่นที่ไม่เรียบง่ายนัก สิ่งที่น่าจับตามองอย่างยิ่งก็คือความเจ็บปวด และการแก้ตัวของวัยรุ่น

     หลี่เอ๋อ (李珥) นางเอกของเรื่อง ภายนอกนั้นสงบเงียบเรียบร้อย แต่ภายในนั้นกลับมีความคิดต่อต้านตลอดเวลา เธอแอบรักนักเรียนดีเด่นของโรงเรียนอย่างสวี่อี (许弋) ตัวสวี่อีนั้น เป็นหนุ่มน้อยที่ร่าเริง แต่กลับถูกเด็กไม่ดีอย่าง หลีปาลา (黎吧啦) หลอกลวง ทำให้ผิดหวัง ทำให้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาก็กลายเป็นคนซึมเศร้า  ผู้ชายอีกคนหนึ่ง จางย่าง (张漾) หลอกใช้ปาลาให้ไปล่อลวงเพื่อแก้แค้นศัตรูในสายตาของเขาอย่างสวี่อี ต่อมาหลี่ปาลาถูกรถชนเสียชีวิต  เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อนนี้ ทำให้เหล่าเด็กน้อยที่โง่เขลาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว วงจรชีวิตของพวกเขาจึงเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม

     ถ้าพูดถึงสวี่อีที่ร่าเริงและใสซื่อตามบทประพันธ์แล้ว เด็กสาวที่มีชีวิตชีวาอย่างหลีปาลาก็คือสิ่งยั่วยวนของเขา ในช่วงอารมณ์นี้ เขาได้รับความเจ็บปวดอย่างลึกซึ้ง ทำให้เริ่มเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ หลี่เอ่อนั้น ยึดมั่นกับรักแรกอย่างมาก ไม่ว่าสวี่อีจะเย็นชากับเธออย่างไร เธอก็ยังตามตื๊อเขาต่อไป ช่วยให้เขาเดินไปในทางที่ถูกต้อง ความรักของเธอนั้น ช่างเจียมเนื้อเจียมตัวอะไรเช่นนี้ เพียงแค่คุณต้องการ เพียงแค่ฉันต้องการให้  ใจทั้งใจ ก็ให้ได้โดยไม่ลังเลซักนิด

       แต่ผู้หญิงอีกคนอย่างหลีปาลากลับเป็นคนที่ซับซ้อนที่สุด ถึงแม้ข้างนอกนั้นดูหยิ่งผยองกำเริบเสิบสาน แต่ว่าในนั้นกลับอ่อนแอมาก เพราะรักจางย่าง ก็เลยยอมเป็นหมากของจางย่าง จางย่างต้องการความรัก เธอก็จะให้ความรักที่จริงใจที่สุด และดีที่สุดแก่เขา สิ่งอื่นใดล้วนไม่สำคัญ เธอให้ความสำคัญกับมิตรภาพของเธอกับหลี่เอ่อมาก ความรักและความเคารพเล็กๆน้อยๆ ก็สามารถทำให้เธอมีความสุขได้ เธอบอกว่า รักถูกแล้ว เรียกว่าความรัก รักผิดไป เรียกว่าวัยรุ่น

       ด้วยเหตุนี้เอง หลีปาลาก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตด้วยเรื่องของจางย่าง นี่ทำให้จางย่างที่โศกเศร้าและเก็บตัว โทษตัวเองไม่หยุด และก็ทำให้เขาเข้าใจความรักที่แท้จริงของตัวเอง ต่อมาพ่อและแม่เปิดเผยความจริง เขาถึงเพิ่งรู้ว่าเรื่องทั้งหมดนั้นเป็นแค่สิ่งที่เขาคิดไปเองและเข้าใจผิด เขาติดคำขอโทษต่อใครหลายคน  โดยเฉพาะผู้บริสุทธิ์อย่างสวี่อี ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในใจ เป็นบาดแผลหนึ่งที่ยากที่จะเชื่อมกันในชีวิตของวัยรุ่น ต่อมาเขาก็กระโดดลงน้ำไปช่วยชีวิตคนอย่างไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น ก็เป็นอีกหนึ่งการแก้ตัวให้กับอดีตที่ผ่านมา

      หลังจากที่หลีปาลาเสียชีวิต หลี่เอ่อแค้นจางย่างมาก ภายหลังเธอก็ให้อภัยเขาอย่างช้าๆ เธอบอกกับจางย่างที่หน้าหลุมฝังศพของปาลาว่า ก่อนที่ปาลาจะตายเธอรักเขามาตลอด ปาลาคิดเพียงแค่อยากให้เขามีความสุข ที่จริงแล้ว วันที่รถชนวันนั้น ปาลาได้กระซิบบางอย่างที่หูซ้ายของหลี่เอ่อ   ประจวบกับที่หูซ้ายของหลี่เอ่อไม่ได้ยินพอดี ในช่วงเวลานี้ จางย่างรู้สึกโล่งใจอย่างมาก ลมฝนที่กระหน่ำลงมาในช่วงวัยรุ่นนั้น ในที่สุดก็ไม่สามารถทำให้เขาเปียกอีกต่อไป

     ในภาพยนตร์นั้น ซูโหย่วเผิงไม่ได้เลือกดารานักแสดงที่มีอายุมากมารับบทเป็นเด็กวัยรุ่น เขาเลือกนักแสดงหน้าใหม่กลุ่มหนึ่ง คนดูก็สามารถมองเห็นใบหน้าที่สดใสบริสุทธิ์ของวัยรุ่นได้ ใช้วัยรุ่นมาอธิบายวัยรุ่น พวกเขาแสดงความนัยที่ซ่อนอยู่และความในใจของมนุษย์ออกมาได้อย่างจริงใจ  ในช่วงวัยรุ่นของพวกเขา มีทั้งความสนุกสนาน ความเจ็บปวด มีบ้างที่หลงทาง และก็มีการเติบโตอย่างช้าๆและเงียบๆ มีคำกล่าวหนึ่งที่งดงาม “เมื่อทุกสิ่งผ่านไปหมดแล้ว/ฉันรู้/ฉันจะลืมเธอ/ ปลดเปลื้องภาระอันหนักหน่วงในใจ/ได้โปรด เธอได้โปรดให้อภัยฉัน/ชีวิตคนเราต้องพบกับความเจ็บปวดไม่สิ้นสุดและการเยียวยาที่ไม่สิ้นสุดด้วยเช่นกัน/โลก ยังคงเป็น/สวนผลไม้แห่งที่เฝ้ารอการสุกงอมของพวกเรา

17


ที่มา http://ent.sina.com.cn/m/c/2015-05-21/doc-icczmvup2070117.shtml

ซูโหย่วเผิงพูดถึงการเป็นผู้กำกับครั้งแรก:ความรับผิดชอบแฝงไปด้วยความท้าทายและความกดดัน

   สำนักข่าวบันเทิงซินหลาง โอกาสหนึ่งครั้ง หนึ่งทางเลือก ทำให้ซูโหย่วเผิงประสบความสำเร็จในการผันตัวไปเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ ภาพยนตร์เรื่องแรกที่เขากำกับ “โจ่วเอ่อ” ไม่เพียงแต่ทำยอดขายถล่มทลาย ทั้งยังประสบความสำเร็จในการปั้นนักแสดงกลุ่มหนึ่งขึ้นมาอีกด้วย เพื่อเป็นกำลังใหม่ในวงการภาพยนตร์จีน  เบื้องหลังความสำเร็จและความงดงามเหล่านี้ คือความรับผิดชอบของซูโหย่วเผิงในฐานะผู้กำกับ เขากล่าวว่า ความรับผิดชอบนี้ แฝงไปด้วยความท้าทายและความกดดัน หนึ่งปีเต็มๆ ที่เขาบอกเลื่อนงานอื่นๆทั้งหมด ทุ่มสุดตัวในการถ่ายทำภาพยนตร์โจ่วเอ่อ เขายังได้นำความคิดของเขาใส่ลงไปในภาพยนตร์ ทั้งนี้ เขาตีความคำว่า “วัยรุ่น” ได้อย่างงดงาม และนำมันถ่ายทอดสู่ผู้ชม

 ถ่ายภาพยนตร์ ทุกๆความผิดพลาดล้วนเป็นความผิดของผู้กำกับ

  ก่อนที่จะถ่ายภาพยนตร์อย่างเป็นทางการ ซูโหย่วเผิงยอมรับว่า แรกทีเดียว เขาคิดว่าการเป็นผู้กำกับนั้นเป็นงานที่ง่ายมากๆ ไม่มีแรงกดดันอะไรเลย แต่เมื่อเริ่มเปิดกล้องถ่ายทำ เขาถึงพบว่าการถ่ายทำภาพยนตร์ที่แท้จริงแล้วไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดไว้ ตนเองไม่รู้เรื่องอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ก็เลยรู้สึกถึงแรงกดดันอันยิ่งใหญ่   การเป็นผู้กำกับนั้น ต้องจับทุกๆด้าน ต้องทำและควบคุมทุกๆเรื่องน้อยใหญ่ให้ออกมาดีที่สุด ไม่สามารถทำผิดได้แม้แต่นิดเดียว  เพราะว่าถ้าความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ สะสมมากเข้าก็สามารถทำให้เกิดความเสียหายอันยิ่งใหญ่ได้ ซูโหย่วเผิงเชื่อว่า ในการถ่ายภาพยนตร์ ทุกๆความผิดพลาดล้วนเป็นความผิดของผู้กำกับ เขากดดันตัวเองอย่างมาก รับผิดชอบต่อตัวเอง ต่อนักแสดง ต่อผู้ผลิต เพื่อหวังว่าจะสามารถมอบผลงานที่ดีเยี่ยมให้แก่ผู้ชม

  ในขณะเดียวกัน ซูโหย่วเผิงเป็นคนที่สบายๆ แต่ในกองถ่ายเขากลับเข้มงวดและตั้งใจมาก ไม่ยอมให้มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้เลย เพราะฉะนั้นแล้ว ช่วงที่ถ่ายทำอยู่เขาก็จะแก้ไขตลอดเวลา เขาเชื่อว่าความโหดร้ายในการทำงานนั้น เป็นสิ่งที่ต้องมี นี่เป็นความรับผิดชอบที่มีต่อภาพยนตร์และทีมงานทุกคน ดังนั้น เขาบอกบทและสาธิตให้กับนักแสดงใหม่อย่างตั้งใจ ทั้งยังชมพวกเขาด้วยว่ามีความสามารถและความตั้งใจมาก ในฐานะผู้กำกับ และฐานะนักแสดงเก่า  เรื่องที่เขาต้องการทำที่สุดคือการส่งต่อ การมอบโอกาสให้กับคนใหม่ๆ ช่วยเหลือพวกเขา
  สำหรับภาพยนตร์โจ่วเอ่อแล้ว ซูโหย่วเผิงบอกว่าไม่เสียใจซักนิด

   ถึงแม้ว่าช่วงเวลาที่ถ่ายทำโจ่วเอ่อนั้นค่อนข้างกระชั้นชิด แต่ว่าทีมงานทุกคนก็อดทนทำงานภายใต้ความกดดัน ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด สำหรับภาพยนตร์โจ่วเอ่อแล้ว ซูโหย่วเผิงบอกว่าไม่เสียใจซักนิด เพราะว่าช่วงที่เร่งถ่ายทำภาพยนตร์นั้น เขาทุ่มเทและตั้งใจอย่างสุดความสามารถเพื่อให้สำเร็จ สุดท้ายแล้วเมื่อมองดูผลงานที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว และผลตอบรับภาพยนตร์ก็ออกมาดีมาก ซูโหย่วเผิงรู้สึกว่าความลำบากทั้งหมดที่ผ่านไปแล้วนั้น มันคุ้มค่าจริงๆ

   ตั้งแต่โจ่วเอ่อเข้าฉายจนถึงวันนี้ มียอดขายเกือบห้าร้อยล้านแล้ว นี่เป็นภาพยนตร์ที่ค่อนข้างน่าสนใจสำหรับช่วงหกเดือนแรกของปีนี้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย ผู้กำกับซูโหย่วเผิงกล่าวว่า ความชื่นชอบและคำชมของผู้ชมที่มีต่อภาพยนตร์นั้น เป็นแรงกระตุ้นอย่างดีเยี่ยมแก่เขา สำหรับการเป็นผู้กำกับนั้น หนทางยังอีกยาวไกล และยังต้องเรียนรู้อีกมาก

18

ที่มา http://sztqb.sznews.com/html/2015-05/15/content_3225046.htm

ซูโหย่วเผิง มนุษย์ต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดช่วงวัยรุ่นตรงๆ นักข่าวเสิ่นเจิ้น หยิ่นชุนฟาง (尹春芳)
     เขาเคยเป็นไกวไกวหู่ (乖乖虎)แห่งวงเสี่ยวหู่ตุ้ย (小虎队) และก็เป็นองค์ชายห้าจากองค์หญิงกำมะลอ (还珠格格) เป็นตู้เฟย (杜飞) จากเรื่องมนต์รักในสายฝน (情深深雨濛濛) เป็นเตียบ่อกี้ (张无忌)ในเรื่องดาบมังกรหยก (倚天屠龙记) เขาเริ่มจากการเป็นนักร้องยอดนิยม และได้เสี่ยงเป็นนักแสดง ด้วยความโชคดี บวกกับความตั้งใจของเขา ทำให้เป็นนักแสดงที่ดีคนหนึ่ง ไม่นานมานี้ เขาได้ท้าทายตัวเองโดยการผันตัวเป็นผู้กำกับ นำความเจ็บปวดและความสุขในช่วงวัยรุ่นของเขา ถ่ายทอดแก่พวกเราผ่านภาพยนตร์โจ่วเอ่อ เขาก็คือซูโหย่วเผิง วัยรุ่นของทุกคนนั้นไม่เหมือนกัน ช่วงวัยรุ่นเกือบทั้งหมดของซูโหย่วเผิงนั้น หมดไปกับการแสดง และงานในวงการ ช่วงอายุ 17 ปีของเขา แตกต่างจากพวกเรา เพราะฉะนั้น เรื่องราวในภาพยนตร์โจ่วเอ่อ  ก็มีส่วนหนึ่งเป็นประสบการณ์ที่แปลกประหลาดของเขาอีกด้วย แต่ว่า ในฐานะที่เขาเป็นผู้กำกับ เขาได้เลือกเรื่องราวจากหนังสือขายดีมาทำเป็นภาพยนตร์ เขาบอกว่าในเรื่องนี้ สามารถเห็นภาพตอนวัยรุ่น และความเจ็บปวดของตัวเขาเองในภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่กี่วันก่อน ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ซูโหย่วเผิงเป็นการส่วนตัว เกี่ยวกับผู้กำกับ วัยรุ่น และการใช้ชีวิต คีย์เวิร์ดสามคำนี้ ซูโหย่วเผิงก็พูดคุยเกี่ยวกับชีวิตของเขา
คีย์เวิร์ด
ผู้กำกับ
ผู้สื่อข่าว: จากนักแสดงมาเป็นผู้กำกับ มีข้อแตกต่างค่อนข้างมาก คุณทำได้อย่างไร?
ซูโหย่วเผิง:ตอนที่บริษัทกวงเซี่ยน (光线) มาทาบทามให้ผมเป็นผู้กำกับ แรกๆเลย ผมปฏิเสธ แต่ว่าทางนั้นเขาให้สัญญากับผมว่าจะให้การสนับสนุนหลายอย่าง พอฟังเสร็จผมก็คิดว่าเป็นผู้กำกับคงไม่ยากมาก ก็เลยตอบรับไป แต่ว่า หลังจากที่ได้เป็นสัมผัสการเป็นผู้กำกับด้วยตัวเองแล้วนั้นพบว่าการเป็นผู้กำกับ ไม่ได้ง่ายอย่างที่ผมคิดเลยซักนิด ต้องควบคุมให้ดีในทุกๆด้าน ต้องคิดถึงจุดเล็กๆทุกจุด ลำบากมาก แต่ก็ให้ความรู้สึกแห่งความสำเร็จเช่นกัน เป็นกำกับเหมือนกับการทำผลงานศิลปะออกมาชิ้นหนึ่ง ทุกครั้งที่ตะโกนว่า “ฉากนี้ผ่านแล้ว” ก็แสดงว่าใกล้ถึงความสำเร็จไปทุกทีแล้ว สามารถพูดได้ว่าความรับผิดชอบกับความสำเร็จจะมาพร้อมๆกัน 
ผู้สื่อข่าว:คุณคิดว่าสำหรับคุณแล้ว การเป็นผู้กำกับมีความยากหรือความท้าทายมั๊ย? หลังจากถ่ายทำผลงานชิ้นแรกเสร็จ มีความรู้สึกอย่างไร?
ซูโหย่วเผิง:สำหรับผมแล้ว การเป็นผู้กำกับก็นับว่าเป็นความท้าทายนะ เพราะว่ายังไง นี่ก็เป็นการกำกับครั้งแรก ตอนนั้นที่ถ่ายทำอยู่ มีแรงกดดันเยอะมาก จิตใจฮึกเหิมทุกวัน ต้องคิดทุกๆด้านอย่างรอบคอบ เพราะว่าถ้าเกิดข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยๆขึ้นมา ที่พยายามแทบตายนั้น ก็ไม่มีความหมาย ผมต้องคิดบทให้กับบทบาททั้งเจ็ด ต้องอยู่กับเนื้อเรื่องโจ่วเอ่อทุกวัน ผมตั้งใจมากสำหรับการกำกับในหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ หยุดกิจกรรมอื่นทุกอย่าง แต่ผมเพลิดเพลินกับการใจจดใจจ่อทำเรื่องๆหนึ่งมาก
ผู้สื่อข่าว:ผู้กำกับใหม่มักจะมีโครงการหลายๆโครงการให้เลือก ทำไมถึงเลือกโจ่วเอ่อมาเป็นผลงานชิ้นแรก? เป็นหัวข้อเกี่ยวกับวัยรุ่นเหมือนๆกัน ได้ปรึกษาเรียนรู้จากเพื่อนซี้อย่างจ้าวเวยมั๊ย?
ซูโหย่วเผิง:ตอนที่อ่านนิยายโจ่วเอ่อจบ ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้มันลึกซึ้งมาก มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเติบโตของเด็กสาวคนหนึ่ง มีทั้งส่วนที่ลึกซึ้ง และส่วนที่เจ็บปวดเช่น ความตาย การแก้ตัว การให้อภัย เรื่องวัยรุ่นทั่วไปไม่ค่อยมีที่เกี่ยวข้องกับด้านมืดของวัยรุ่น ผมได้เห็นความจริงข้อนี้ และบรรยากาศของเรื่อง ก่อนหน้านี้ตอนที่อัดรายการหนึ่งที่เซี่ยงไฮ้ ได้แนะนำนิยายเรื่องนี้ให้จ้าวเวย หลังจากที่เธออ่านจบ เธอคิดว่ามันยากที่จะเอามาทำเป็นภาพยนตร์  แต่เธอก็แนะนำทีมงานให้ผมอย่างใจกว้าง และก็เป็นนักร้องให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าว:คุณคิดว่าสิ่งที่แตกกันมากที่สุดระหว่างเป็นผู้กำกับกับเป็นนักแสดงคืออะไร คุณชอบเป็นอะไรมากกว่ากัน?
ซูโหย่วเผิง:จากนักแสดงสู่ผู้กำกับ สิ่งที่แตกต่างกันน่าจะเป็น ผมสามารถแสดงความคิดของตัวเองผ่านภาพยนตร์ ภาพยนตร์เป็นการสื่อสารกับผู้ชมประเภทหนึ่ง สามารถนำความคิด หรือว่าวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ถ่ายทอดให้แก่ผู้ชม แน่นอนว่า ความรับผิดชอบต้องมาพร้อมกับความท้าทายและความกดดัน ตอนที่เป็นนักแสดง เพียงแค่ทำส่วนของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ ตอนนี้เป็นผู้กำกับ ต้องคิดถึงทุกด้านอย่างละเอียด ยิ่งเป็นผลงานชิ้นแรก ผมยิ่งเข้มงวดกับการทำงาน  ปกติแล้วในกองถ่ายผมจะรู้สึกว่ากำลังแก้ไขอยู่ตลอด  อาชีพสองอาชีพนี้ ล้วนแต่มีเสน่ห์ในตัวของมันเอง ผมรู้สึกดีที่พวกมันทำให้ผมโตขึ้น
ผู้สื่อข่าว:หลังจากที่โจ่วเอ่อเข้าโรง ถึงแม้ว่ามียอดขายที่ดีมาก แต่ก็มีคำตำหนิเช่นกัน สำหรับคุณแล้ว มันทำให้เกิดความกดดันมั๊ย คุณคิดว่าการเป็นผู้กำกับต้องคอยเอาใจคนดู หรือว่ารอให้มีกระแสก็พอ?
ซูโหย่วเผิง:ผมพยายามทำให้หน้าของตัวเองให้ดีที่สุด ไม่ได้คิดไปขนาดนั้น เป็นผู้กำกับไม่มีข้อจำกัดที่แน่นอนว่าต้องคอยเอาใจคนดูหรือว่าอยู่เฉยๆ ให้มีกระแสมา สำหรับผมแล้วการถ่ายทำภาพยนตร์ก็คือการนำแนวคิดต่อเรื่องๆหนึ่งของตัวเอง มาถ่ายทอดสู่ผู้ชม ไม่เคยคิดว่าเพื่อเอาใจคนดู ตลาดภาพยนตร์หรือเพื่อสร้างผลงานภาพยนตร์ ในมุมมองของผมแล้ว การถ่ายทำภาพยนตร์ก็คือการสร้างผลงาน และสร้างผลงาน
คีย์เวิร์ด
วัยรุ่น
ผู้สื่อข่าว: โจ่วเอ่อเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับวัยรุ่น คุณตีความคำว่าวัยรุ่นอย่างไร
ซูโหย่วเผิง:ขณะที่ถ่ายทำภาพยนตร์ ผมสามารถมองเห็นเงาของตัวเองตอนหนุ่มๆในตัวของโอวหาว เป็นความรู้สึกที่ประหลาด เหมือนกับว่าคนๆหนึ่งมานั่งมองอดีตของตัวเองผ่านตัวละครที่แสดงอยู่ ตอนที่เป็นวัยรุ่น มักจะคิดว่าอยากโตเร็วๆ คิดไปว่าจะมีอิสรเสรี เหมือนดักแด้ที่จะกลายเป็นผีเสื้อ ช่วงวัยรุ่นของทุกคน จะต้องมีทั้งความเจ็บปวดและความงดงามคลุกเคล้าไปด้วยกัน แต่ความเจ็บปวดนั้นจะเจ็บกว่าและหยั่งลึกอยู่ในใจมากกว่าความสุข
ผู้สื่อข่าว: หลังจากที่โตขึ้น ความเจ็บปวดแบบนี้มีคุณค่ามั๊ย
ซูโหย่วเผิง:ต้องมีอย่างมากแน่นอน เรื่องที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตวัยรุ่นก็คือการเติบโต มันไม่ใช่เรื่องไร้สาระ คนเราต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดช่วงวัยรุ่น  ไม่ว่าจะเป็นความลังเล ความสับสน หรือความเจ็บปวด สิ่งพวกนี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตวัยรุ่น เมื่อช่วงวัยรุ่นผ่านไปแล้ว คุณมองย้อนไป คุณจะพบว่าที่แท้กาลเวลาคือพลังที่เราจับต้องไม่ได้ ความเจ็บปวดที่เคยมี ก็จะถูกเก็บไว้ในความทรงจำ ถึงตอนนี้ คุณจะมีอารมณ์ที่ไม่เหมือนเดิม ทั้งรัก เกลียด ก็จะถูกเก็บไว้ในความทรงจำ  เมื่อเติบโตเต็มที่ก็จะเข้าใจสิ่งเหล่านี้เอง หันกลับไปมองสิ่งที่ตัวเองเคยผ่านมา คุณจะรู้สึกว่าตัวเองที่ยุ่งๆตอนนั้น ตัวเองที่เป็นวัยรุ่นไม่ประสีประสาคนนั้น ตัวเองที่กล้ารักกล้าเกลียดคนนั้น ช่างน่ารักเหลือเกิน ช่างเอาจริงเอาจังเหลือเกิน และจะไม่เสียดายเวลาช่วงนั้น
นักข่าว: คุณเคยเป็นไอดอลของ แฟนคลับและผู้ชมมาก่อน ตอนนี้กลายเป็น “คุณลุง” ไปแล้ว เพราะฉะนั้น ในการถ่ายภาพยนตร์โจ่วเอ่อครั้งนี้ คุณทำงานร่วมกับ หยางหยาง โอวหาว และคนอื่นๆ รู้สึกใจแป้วมั๊ย?
ซูโหย่วเผิง: ไม่นะ เป็นหนุ่มแล้ว เวลาผ่านไปก็ต้องเป็นคนแก่ นี่เป็นเรื่องธรรมดา  นักแสดงหนุ่มสาวเหล่านี้ ทำให้ภาพยนตร์มีกลิ่นอายวัยรุ่นมากขึ้น
คีย์เวิร์ด
ชีวิต
นักข่าว: ในภาพยนตร์โจ่วเอ่อ มีประโยคหนึ่งที่ตราตรึงใจผู้คน “ตะโกนออกมาบนถนนในปักกิ่ง ก็ไม่มีใครมองคุณ” ประโยคนี้ไม่ได้เพิ่มความโรแมนติกของคุณลงไปด้วยใช่มั๊ย
ซูโหย่วเผิง: มีครับ  ผมก็เคยไปปักกิ่งนะ ตอนปี 2542 มาถ่ายองค์หญิงกำมะลอที่ปักกิ่ง นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมไกลจากบ้าน ตอนนั้นเสี่ยวหู่ตุ้ยแยกวงแล้ว ผมก็มาเป็นนักร้องเดี่ยว ที่จริงก็เข้าวงการมาสิบปีแล้ว ผู้ชมก็ไม่มีความรู้สึกที่สดใหม่ พูดไม่เพราะก็เป็นนักร้องไร้มารยาท ไม่รู้จริงๆว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ประกอบกับตอนนั้นที่บ้านมีปัญหาด้านการเงิน บริษัทก็ช่วยเพิ่มละครให้ผม  หวังว่าจะช่วยได้อีกแรง องค์หญิงกำมะลอนับว่าเป็นละครโทรทัศน์เรื่องยาวเรื่องหนึ่ง ผมกับจื้อหมิง(志朋) ถูกส่งเข้าไปถ่ายในแผ่นดินใหญ่อย่างไม่รู้ตัว ตอนนั้น ทำให้ต้องคิดหนัก มีจุดหมายของชีวิตและความฝัน  แต่ว่าก็ไม่ค่อยเข้าใจอะไรมากนัก ภายหลังถึงพบว่าที่แท้แล้วบทในภาพยนตร์โจ่วเอ่อที่ผมพูดนั้น ก็คือความรู้สึกในตอนนั้นของผม สำหรับจิตใจของคนๆหนึ่งท่ามกลางโลกอันกว้างใหญ่
นักข่าว: คุณอยู่ในวงการบันเทิง ก็ล้มลุกคลุกคลานมาแล้วหลายปี เส้นทางที่ผ่านมา ประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคืออะไร?
ซูโหย่วเผิง: ประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดน่าจะเป็นการวางตนให้ถูกต้อง เพราะว่ามีชื่อเสียงตั้งแต่อายุน้อย ตอนที่ผมมีอายุน้อยมากก็ได้รับคำชมและเสียงปรบมือมากมาย เป็นศิลปินต้องรักษาจิตใจที่แน่วแน่ตั้งใจไว้ให้ได้ เป็นตัวของตัวเองก็พอแล้ว
นักข่าว: คุณเคยบอกว่าในบางครั้ง คุณต้องเตือนตัวเองไม่ให้พาตัวเองเข้าไปสู่วังวนใดๆ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?
ซูโหย่วเผิง: ที่จริงแล้วไม่มีวังวนอะไรหรอกครับ นี่อาจจะเป็นภาพหลอนประเภทหนึ่ง โดยเฉพาะอยู่ในวงการบันเทิง คุณไม่สามารถที่จะถูกบทบาทตัวละครกำหนดคาแรกเตอร์ของคุณได้ เพราะฉะนั้นผมถึงต้องบังคับตัวเองให้คอยแก้ไขตัวเองตลอดเวลา ไม่ให้ไปหลงใหลกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากนัก คิดเล็กคิดน้อย หรือแก่งแย่งชิงดีกัน แทนที่จะตั้งใจทำงาน แบบนั้นไม่สู้อยู่ไปวันๆ ปล่อยให้ชีวิตเป็นไปตามโชคชะตาไม่ดีกว่าหรือ
ข้อมูลส่วนตัว
ผลงาน: ผลงานชิ้นแรก
กรุ๊ปเลือด: B
ส่วนสูง: 173cm
น้ำหนัก: 65kg
วันเกิด: 11 กันยายน 2516
อาชีพ: นักแสดง นักร้อง โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ
จบการศึกษา คณะวิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยไต้หวัน (台湾大学)
ผลงาน โจ่วเอ่อ: (左耳) เฟยหยวนอู้หร่าว (非缘勿扰) ยอดขุนศึกวีรบุรษตระกูลหยาง (杨门虎将) ดาบมังกรหยก (倚天屠龙记) เถียนมี่ซาจี (甜蜜杀机) เฟิงเซิน (风声) องค์หญิงกำมะลอ (还珠格格) องค์หญิงแสนซน (刁蛮公主) คังติ้งฉิงเกอ (康定情歌)
รางวัล :รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในงานช่อดอกไม้ครั้งที่ สามสิบ รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในงานภาพยนตร์นานาชาติมาเก๊าครั้งที่ สอง


19
12512432_1200x1000_192.jpg" border="0
12512433_1200x1000_192.jpg" border="0
12512434_1200x1000_192.jpg" border="0
12512435_1200x1000_192.jpg" border="0

ที่มา http://ent.qq.com/a/20150505/045273.htm#p=4

5 พฤษภาคม 58 โจ่วเอ่อทะลุสี่ร้อยล้าน ซูโหย่วเผิงเข้าใจช่วงวัยรุ่นที่ผ่านไปแล้ว

สำนักข่าวบันเทิงเถิงซวิ่น(腾讯)รายงาน เมื่อวานนี้ (4 พค) ซูโหย่วเผิงได้นำกลุ่มนักแสดงหนุ่มสาวจากเรื่องโจ่วเอ่อมาโปรโมทที่คุนหมิง ช่วงสัมภาษณ์ ซูโหย่วเผิงบอกว่าเขาได้เอาช่วงวัยรุ่นของตัวเองที่ผ่านไปแล้วมาใส่ไว้ในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย นักแสดงทุกคนก็รู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณสำหรับการชี้แนะ

   เผชิญหน้ากับข้อสงสัย นี่ก็เป็นครั้งแรกของซูโหย่วเผิงเหมือนกันที่ตอบข้อสงสัย เช่นแฟนหนังสือเสียดายที่สวี่อี้(许弋)หายไป ผู้ชมที่สงสัยกับการเปลี่ยนไปของหลี่เอ่อ (李珥) รวมไปถึงผู้ชมที่ไม่เข้าใจตอนเริ่มและตอนจบของเรื่อง และอื่นๆ

สัมพันธ์วัยรุ่น
ซูโหย่วเผิงนำอดีตของตัวเองถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์


   เมื่อถามเกี่ยวกับตัวละครที่ชอบมากที่สุด ซูโหย่วเผิงบอกว่าเขาชอบหลิน (琳) และโหยวทา (尤他) หลินนั้น เป็นผู้หญิงประเภทคมในฝัก ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ แต่โหยวทาเป็นประเภทที่ไปรักใครเงียบๆ เป็นผู้ชายที่รู้ตัวเองดี รู้ว่าเวลาไหนควรถอย ตอนที่นักข่าวถามว่า เขามีท่าทีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างไร ซูโหย่วเผิงตอบอย่างปลงๆว่า “ผมนำอดีตของตัวเองถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์ ภาพขาวดำที่ปรากฏบนจอของปาลา และเฮยเหริน (黑人)ที่ตบโต๊ะแล้วบอกว่ากลับไปไม่ได้แล้ว รูปงานศพของปาลาเป็นตัวแทนของวัยรุ่นทุกคนในภาพยนตร์ เคยทั้งเหลิง เคยทั้งฟุ่มเฟือยใช้เงินเป็นเบี้ย แม้กระทั่งหนีไป เฮยเหรินตบโต๊ะเป็นการย้ำอีกครั้งว่ากลับไปไม่ได้แล้ว เป็นสิ่งที่ผมรู้สึกเสียใจกับช่วงวัยรุ่น แต่มันก็ต้องก้าวต่อไปข้างหน้า ไม่ย้อนกลับมา นี่เป็นทัศนะคติของผมที่มีต่อช่วงวัยรุ่น”

ตอบคำถามที่สงสัย
เคยผ่านเหตุการณ์ที่ได้รับการให้อภัย


   จากมุมมองของผู้กำกับซูโหย่วเผิง ภาพยนตร์วัยรุ่นไม่ใช่เกี่ยวกับเรื่องราวที่เรียบง่ายของวัยรุ่น สิ่งที่เขาให้ความสำคัญก็คือ เนื้อแท้ของวัยรุ่น ภาพยนตร์เรื่องนี้ ซูโหย่วเผิงตั้งใจในการวางพล็อตอย่างมาก ฉากที่ปาลาแต่งหน้าให้เสี่ยวเอ่อตัว (小耳朵) เป็นฉากหนึ่งที่น่าสนใจอย่างมาก ฉากที่เต็มไปด้วยเครื่องสำอาง เป็นการจุดประกายในการอยากเป็นเด็กไม่ดีของปาลา  ผู้ชมและเสี่ยวเอ่อตัวร่วมกันผ่านความในใจอันซับซ้อนไปด้วยกัน เป็นฉากที่ต้องครุ่นคิดอย่างมาก ตลอดจนหลังจากที่ปาลาตาย เสี่ยวเอ่อตัวก็ใช้ชื่อปาลาส่งข้อความหาจางย่าง(张漾)มาโดยตลอด ตอนที่เสี่ยวเอ่อตัวมีไข้สูง ช่วงที่เธอเลอะเลือนมีบุคลิกเป็นปาลา และอื่นๆ มีผู้ชมเข้าใจว่าปาลามีชีวิตอยู่ตลอด และก็มีคนเข้าใจว่าเป็นลักษณะที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งอยากเปลี่ยนเป็นคนไม่ดี เพราะเธอเชื่อว่าต้องทำแบบนี้เท่านั้นถึงจะสามารถได้ในสิ่งที่เธอต้องการ

   ฉากในภาพยนตร์ที่ทำให้ผู้ชมซาบซึ้งมากที่สุดฉากหนึ่ง ก็คือฉากในน้ำ ซูโหย่วเผิงให้บอกขณะให้การสัมภาษณว่า ตนใช้ความสามารถอย่างมากในการถ่ายทำฉากนี้ ไม่ว่าจะต้องดิ้นรนหาโลเกชั่นในแต่ละเมือง และยังมีสภาพแวดล้อมที่ไม่ดีต่อนักแสดง ล้วนแต่แสดงถึงการให้ความสำคัญของซูโหย่วเผิงต่อฉากนี้ “ในมุมมองของผม เวลาที่คนอยู่ในน้ำ จะมีสภาพเหมือนอยู่ในครรภ์มารดา ปิดกั้นเสียงจากโลกภายนอก จิตใจของผู้ชมและนักแสดงจะสงบลงไปด้วยกัน  จางย่างเห็นผู้หญิงที่จมน้ำเป็นปาลา ในน้ำเป็นสัญลักษณ์ของการละทางโลก ปาลาที่บริสุทธิ์นั้น กลับมาแล้ว หลังจากที่ผู้ชมและจ่างย่างรู้สึกยินดีแล้ว กลับต้องพบกับความผิดหวังอันยิ่งใหญ่” ผู้ชมก็จะนั่งเงียบๆอยู่ตรงนั้น มองดูอารมณ์อบอุ่นที่กำลังค่อยๆเกิด ในใจกลับรู้สึกขึ้นๆลงๆ นี่คือการอธิบายการแก้ตัวและการให้อภัยของวัยรุ่นในแบบของผู้กำกับซูโหย่วเผิง ไม่ได้บอกเล่าผ่านฉากที่ไม่สร้างสรรค์ ที่มากที่สุดคือความคิดอันอบอุ่นและสงบนิ่งของวัยรุ่น แผลเป็นจากความเจ็บปวดก็ค่อยๆเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ ลึกและชัดเจน

พูดคุยนอกรอบ
นักแสดงยกให้ซูโหย่วเผิงเป็น “ครูใหญ่”


   ไม่นานมานี้ ทีมงานพบว่าช่วงที่ซูโหย่วเผิงกำกับการแสดงอยู่นั้น อารมณ์จะร้อนมาก เลยขนานนามว่า ผู้กำกับ “อารมณ์ร้าย” ในเรื่องนี้ นักแสดงหลักที่มาแถลงข่าวในครั้งนี้ กลับไม่คิดเหมือนกัน หูเซี่ย (胡夏) รู้สึกขอบคุณอารมณ์ร้ายในการกำกับของผู้กำกับเป็นอย่างมาก เขาบอกว่าต้องมีความกดดัน ถึงจะมีการเติบโต ถึงจะทำให้เขาแสดงเป็นโหยวทา (尤他)ที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ หม่าซือฉุน (马思纯) เรียกซูโหย่วเผิงอย่างสนิทสนมว่าครูใหญ่ เขาดูแล้วคนทั้งกองถ่ายนี้ ไม่เพียงแค่กำกับการแสดง ทั้งยังจัดการเรื่องราวต่างๆในกองถ่ายอีกด้วย นักแสดงหญิงอย่างเฉินตูหลิง (陈都灵) รู้สึกขอบคุณมือของผู้กำกับที่คอยสอนการแสดง ทำให้ช่วงวัยรุ่นของเธอเข้าสู่โลกใบใหม่ที่ไม่เหมือนกับของคนอื่น  แต่ผู้กำกับซูโหย่วเผิงกล่าวอย่างยินดีว่า “เพราะว่าผมเป็นผู้กำกับมือใหม่ เพราะฉะนั้นเลยทุ่มเทมากกว่าผู้กำกับรุ่นแน่นอน ผมก็ยินดีกับความตั้งใจที่เหล่านักแสดงแสดงออกมา ถึงได้ถ่ายทำออกมาเหมือนกับฉากในใจที่ผมคิดไว้ ผมว่าผมโชคดีด้วยครับ”

   มีรายงานว่า ภาพยนตร์โจ่วเอ่อ เข้าฉายได้สิบวัน กวาดรายได้ไปกว่าสี่ร้อยล้าน ว่ากันว่าภาพยนตร์ที่นำเนื้อเรื่องมาจากนิยายเรื่องนี้ ไม่เพียงแต่ถ่ายทำตามเนื้อเรื่องต้นฉบับเท่านั้น ซูโหย่วเผิงยังได้เอาประสบการณ์ของตัวเองใส่เข้าไปด้วย ภาพยนตร์โจ่วเอ่อ ไม่เพียงแต่มีช่วงวัยรุ่นที่ผ่านไปแล้ว ยังมีเนื้อหาของการแก้ตัวและการให้อภัยอีกด้วย สิ่งที่ผู้ผลิตได้รับนั้น ไม่ใช่เพียงแค่ผลงานชิ้นเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังเป็นการให้เกียรติและการยอมรับผู้กับกำคนใหม่อีกด้วย

20
Magazine Photos / 2015-05-14 《名匯Famous》No.09 2015
« เมื่อ: มิถุนายน 09, 2015, 02:59:10 PM »
 

ซูโหย่วเผิง จากเฟิงเซิน风声 ถึงโจ่วเอ่อ 左耳 จนกระทั่งทุกวันนี้ จิตใจของซูโหย่วเผิงมีอิสระมากขึ้น เขาไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งนอกกายแล้ว "ตัวของผมเองไม่ได้ตัดสินว่าการเป็นผู้กำกับเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ดี แต่ผมรู้สึกได้ว่ามึพลังบางอย่างผลักดันเรื่องนี้อยู่ สำหรับกระแสต่อต้านนั้น ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ บางทีมันเป็นโอกาส ที่จะถอยออกมาอยู่เบื้องหลัง ผมคิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถพูดแทนได้หมดแล้วครับ"

หน้า: [1] 2 3 ... 9