แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Chomnath

หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 44
41

 25 ธันวาคม 2554 ซูโหยวเผิงกลับมาเล่นละครย้อนยุครับบทเป็น ฮั่นเซี่ยนตี้ ในงานข้ามปี

อีกห้าวันจะถึงวันปีใหม่ งานข้ามปีของช่องข่าวบันเทิงโซฮุ 
ทีวีดาวเทียมที่ยิ่งใหญ่ก็มาถึงการเตรียมการขั้นสุดท้ายแล้ว

ซูโหยวเผิง นักแสดงภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงของประเทศ 
ทำให้คนตกตะลึงโดยการเลือกนำเพลงเก่ามาร้องในงานข้ามปี

ปี 1997 ซูโหยวเผิงรับบทเป็นองค์ชายห้าในละครตั้งแต่นั้นมาก็ละทิ้งวงเสือน้อยและเงียบไปอยู่พักหนึ่ง

-ตั้งแต่ องค์หญิงกำมะลอ1-2
-เราสองหัวใจเดียวกัน  ถึง
-เดชเซียวฮื่อยี้
-ดาบมังกรหยก 
-วีระบุรุษขุนศึกตระกูลหยาง
-องค์หญิงแสนซน

ซูโหยวเผิงประสบความสำเร็จได้รับรางวัลและได้รับการต้อนรับจากผู้ชมอย่างดี
แต่กลับปฏิเสธการเชิญไปเล่นละครอีกหลายเรื่อง เริ่มขยายตลาดภาพยนตร์
ความพยายามที่ผ่านมา 3 ปี ทำให้เด็กหนุ่มในวันเก่า กลายเป็นชายหนุ่มที่เติบโตมากขึ้น

-ภาพยนตร์ปี 2010 (The Message) บทที่ซูโหยวเผิงได้รับทำให้เขาได้รับรางวัลดาราสมทบชายยอดเยี่ยม
-ภาพยนตร์ปี 2010 ( A Tibetan Love Song  ) ได้รับรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมของมาเก๊า
-ต่อมา(Lost In Panic Room), (Design of Death) รวมถึงที่ตอนนี้กำลังถ่ายอยู่(The Assassins  )

ซูโหยวเผิงและโจวเหวินฟะกลับมาแสดงเป็น ฮั่นเสี้ยนตี้
และยังมีดาราคนอื่นๆ เช่น หลิวอี้เฟย, ยู้มู่หง ,เหยียนนี,
หนีต้าหงร่วมแสดงด้วย เป็นต้น

ซูโหยวเผิงวัย 20 ปี ไฟแรงยังไม่หยุดแสวงหาความก้าวหน้า
ตั้งแต่ร้องเพลง เล่นละคร จนถึงแสดงภาพยนตร์
เปลี่ยนจาก  ไกวไกวหู่ กลายเป็น คนที่มีชื่อเสียง

คืนส่งท้ายปีเก่าซูโหยวเผิงนำทีมงานจากเหอเป่ยไปที่ ฮ่ายโค่ว
เพื่อไปที่สถานีชานตง ร่วมงานข้ามปี 2012 งานนี้หัวข้อของการร้องเต้นคือ
ความเยาว์วัย  ความรัก ความดื้อรั้น ความสนุกสนาน
ซูโหยวเผิงนำความเยาว์วัย ความดื้อรั้นของเขา มาหาความรักและความสุข

ซูโหยวเผิงเข้าร่วมงานข้ามปีของสถานีโทรทัศน์ชานตง
วงเสือน้อยในวันเก่าได้ออกมาท่องเที่ยวในโลกแห่งภาพยนตร์และโทรทัศน์แล้ว

ปลายปี 2011 สถานีต่างเปิดการแข่งขัน  ปีนี้การแข่งขันดุเดือดมาก
สถานีชานตงปีนี้เข้าร่วมเป็นครั้งแรก  งานข้ามปีที่ฮ่ายโค่ว 
สร้างบรรยากาศชายหาดให้โรแมนติกนัดแสดงเฉินหลงจง ,
ซูโหย่วเผิง หนึ่งในนักแสดงที่มีชื่อ มารวมตัวกันที่งานข้ามปีที่ฮ่ายโค่วสถานีชานตง
ก่อนหน้านี้ไม่นานข่าวลือปัญหาการรวมวงของวงเสือน้อย

ซูโหย่วเผิงกล่าวว่า ไม่รู้เรื่องนี้ และเรื่องข่าวลือเสืยงเรียกร้องเรื่องการรวมวง
ปี 2010 ปลายฤดูใบไม้ผลิ การปรากฏตัวของวงเสือน้อยเป็นที่ประทับใจของคนดูเป็นอย่างมาก
หวนระลึกความทรงจำที่ดีของวงเสือน้อยต่อคนดู  อย่างไรก็ตามสามคนก็อยู่คนละบริษัท
การพัฒนาของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน  ดังนั้นการรวมวงของวงเสือน้อยรอไม่ได้

ตั้งแต่ปีที่แล้ว(The Message) เริ่ม  ซูโหย่วเผิงก็เล่นเป็นทหารในหนัง
หนังที่เขาแสดงไม่ว่าจะเป็น box office หรือ โค่วเปย ต่างได้รับความสำเร็จไม่น้อย
และปีนี้ละครย้อนยุค(ปู้ปู้จิงซิน) ยังทำให้อู่ฉีหลง ที่งานแต่งเซี่ยหน่า
สองคนพบกันและคุยเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องร่วมงานกัน

ทำให้คนดูรอ เฉินจื้อเผิงที่หลายปีไม่รับงานก็กำลังถ่ายละครอยู่(ล่วนชื่อว่างจุ่)
แม้ว่าการรวมวงของวงเสือน้อยจะมีปัญหาปกติงานซูโหยวเผิงจะร้องเพลงเพื่อละคร(เฟิงเชิง)
เขาตั้งใจไปเรียนโอเปร่า เวทีส่งท้ายปีมณฑลซานตงทีวีดาวเทียมใหม่จะแสดงความสามารถของเขา
เขาจะอุทิศให้คนดูชื่นชมการแสดงของเขา


42
ที่มา http://thai.cri.cn/1/2006/03/10/21@63540.htm

โหย่วเผิง มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Alec เกิดวันที่ 11 กันยายน ปี 1973 ที่ไต้หวัน ครอบครัวของเขามีพ่อ แม่และน้องชายหนึ่งคน ซูโหย่วเผิงเข้าวงการบันเทิงตอนอายุ 15 ปี เคยเป็นสมาชิกวง"เสี่ยวหู่ตุ้ย" วงดนตรีไต้หวันที่มีชื่อเสียงในเอเซีย เมื่อเดือนธันวาคม ปี 1992 ซูโหย่วเผิงออกอัลบั้มชุดแรก ชื่อwo zhi yao ni ai wo แปลว่า "ขอเพียงแต่เธอรักฉันเท่านั้น" เพราะรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาและเสียงไพเราะ ทำให้ซูโหย่วเผิงได้รับความนิยมจากแฟน ๆ อย่างมาก และขายดีมาก ตั้งแต่ปี 1992 จนถึง ปี 2004 ซูโหย่วเผิงออกอัลบั้มถึง 17 ชุด ได้รับรางวัลดนตรีมากมายทั้งในแผ่นดินใหญ่จีน ฮ่องกง ไต้หวันและต่างประเทศ

นอกจากซูโหย่วเผิงจะได้รับความสำเร็จอย่างมากในวงการดนตรีแล้ว เขายังเข้าวงการการแสดงอีกด้วย ซูโหย่วเผิงเล่นละครโทรทัศน์และภาพยนตร์มากมาย และก็ได้รับความสำเร็จอย่างดีอีกเช่นกัน เมื่อปี1997 ซูโหย่วเผิงเข้าร่วมแสดงละครโทรทัศน์เรื่อง"องค์หญิงกำมะลอ" ฝีมือการแสดงยอดเยี่ยมทำให้เขาได้รับความนิยมอย่างมาก ปัจจุบัน ซูโหย่วเผิงเป็นทั้งนักร้องและนักแสดงที่ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่

<a href="http://www.youtube.com/v/SwyrvlFfpbk&amp;feature=related" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/SwyrvlFfpbk&amp;feature=related</a>

43
How Well do You Know Alec Su? / Re: ข้อความจากลายมือ [ซูโหย่วเผิง]
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2013, 04:57:13 AM »

45
ซูโหย่วเผิง กับชื่อเล่น "ไกวไกวหู่" เด็กดีในสายตาคนอื่น


47
ซูโหย่วเผิง ชีวิตที่ตกสุด พลิกผันมาดังสุด "องค์หญิงกำมะลอ"



48
Dear:SuYouPeng / Re: Alec Su Remember...I Love You
« เมื่อ: ธันวาคม 24, 2012, 10:20:39 AM »


49
Dear:SuYouPeng / Re: Alec Su Remember...I Love You
« เมื่อ: ธันวาคม 24, 2012, 10:20:15 AM »

SincereMag No.109 Dec  2012

“ป๊อปติดใจบทบาทการแสดงของ ‘ซูโหย่วเผิง’ จากเรื่องเดชเซียวฮื้อยี้ที่ช่อง 3 นำมาฉาย อันที่จริงเคยเห็นเขาผ่านๆจากซีรีส์องค์หญิงกำมะลอแต่ไม่ได้สนใจมากนัก มาตกหลุมรักอย่างเต็มเปาก็จากเรื่องนี้ เพราะตอนนั้นปลื้มหลินจื้ออิงอยู่ด้วยซึ่งเขาเล่นคู่กัน ดูไปดูมากลับสนใจโหย่วเผิงมากขึ้นเรื่อยๆ

เลยตามหาข่าวจากนิตยสารต่างๆ เจอเล่มไหนลงก็ซื้อเก็บหมดเลยค่ะ ได้อ่านบทสัมภาษณ์ก็ยิ่งชอบมุมมองความคิดของเขา เลยสร้างเว็บไซด์(http://www.baansuyoupeng.com/) เมื่อปี 2010 โดยที่ตอนนั้นไม่คิดจะเล่นเฟสบุ๊ค เพราะว่าได้รวบรวมข่าวทุกอย่างของซูโหย่วเผิงไว้ในนั้นทั้งหมด แต่เห็นคนส่วนใหญ่นิยมกันจึงอยากประชาสัมพันธ์ให้แฟนๆได้รู้จักผู้ชายคนนี้มากขึ้น เลยสร้างเพจเมื่อปลายปี 2011

สิ่งใดที่ประทับใจในตัวเขาที่สุดหรือคะ? บอกได้เลยว่าทุกอย่าง ทั้งฝีมือการแสดงที่ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกต่างๆผ่านทางสีหน้าแววตาได้อย่างยอดเยี่ยมเก็บทุกรายละเอียด ขนาดจังหวะการหายใจซูโหย่วเผิงยังไม่ปล่อยผ่าน!

ที่สำคัญเขาใส่ใจกับแฟนคลับมากๆ มักจะแวะเวียนทักทายที่ Weibo บ่อยๆ บางครั้งก็มีมุกขำๆหรือมาพร้อมถ้อยคำที่กินใจสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเสน่ห์(เฉพาะตัว) ที่ทำให้เราติดตามและไม่อาจละสายตาไปได้เลย ไม่ว่าจะแฟนคลับเก่าหรือใหม่ต่างก็ประทับใจไปตามๆกัน แถมเขายังร้องเพลงได้ไพเราะ มีน้ำเสียงที่กังวานใสอบอุ่นน่าฟังอีกด้วย ครบเครื่องเลยล่ะค่ะผู้ชายคนนี้ ถ้าอยากรู้จักโหย่วเผิงมากขึ้นหรือจะเข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนเชิญที่เพจได้เลยนะคะ เราอัพเดทข่าวทุกวัน”

50
Magazine Interviews-China / Re: พ.ย.-2012 Top Travel
« เมื่อ: ธันวาคม 05, 2012, 11:33:04 AM »
รูปแบบการท่องเที่ยวที่นิยม

T: ถ้าหากว่ามีเวลาว่าง คุณจะเลือกที่จะพาคนในครอบครัวไปเที่ยวที่ไหน?

S: ผมจะพาคนในครอบครัวไปเที่ยวที่กรุงจากาตาร์ของฟิลิปปินครับ ไปหาที่พักเล็กๆสักแห่ง อยู่สักระยะหนึ่ง ไปหากิจกรรมที่เล่นกันในน้ำได้ ไปคุยเล่นกันเรื่อยเปื่อย ใช้กล้องถ่ายรูปของผม EOS 5D III มาถ่ายภาพบรรยากาศและผู้คน ใช้เวลาอย่างมีความสุขสบายใจ

T: คุณมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ชอบเป็นส่วนตัวในไต้หวันมั้ย?

S: ที่ไต้หวันมีสถาปัตยกรรมที่งดงามมากมาย,มีวัฒนธรรมอันยาวนาน,ขับรถไปเอง,ไม่ก็ขับรถออกไปเที่ยวที่ริมทะเลมันก็ไม่เลวนะครับ. คุณสามารถลองชิมอาหารพื้นเมืองได้ตามรายทาง. เมื่ออากาศเย็นลง, ไม่ว่าจะพาคนรู้ใจหรือคนในครอบครัวมาด้วยก็สามารถที่จะไปอาบบ่อน้ำพุร้อนที่เขาหยางหมิงได้เหมือนกัน.
 
T: คุณชอบที่จะออกไปท่องเที่ยวตัวคนเดียวหรือว่าชอบไปกับเพื่อนพ้องกันล่ะ ?

S: ตอนที่ผมยังเด็กก็ชอบที่จะไปไหนมาไหนคนเดียว,ออกไปเรียนรู้โลกภายนอก.แต่ตอนนี้ถ้าจะไปต้องมีเพื่อนไปด้วย,เพราะจะได้มีคนคุยด้วยระหว่างการเดินทาง,และก็ไม่ใช่ที่จะต้องมานั่งเหงาคนเดียวตลอดการเดินทาง.แน่นอนล่ะ,เพื่อนร่วมเดินทางนั่นแหละสำคัญ,หาคนที่รู้ใจไปด้วยกันสักกลุ่มหนึ่ง,ไม่ก็เป็นพวกที่ชอบ EOS 5D เหมือนๆกัน,นั่นแหละดีเลย.

T: นิตยสาร (ซื่อเจี้ย) ได้กล่าวถึงการแต่งตัวติดแบรนด์***,คุณมีความคิดกับคำพูดตรงนี้ยังไง?

S: การแต่งตัวแบรนด์เนมนี่มันก็ดูทันสมัยดีไปอีกแบบ.แต่มันก็ต้องดูอีกแหละว่าสถานที่ที่เราจะไปน่ะ มีสภาพลักษณะเป็นอย่างไร. ล่าสุดนี้เพื่อนของผมเค้าก็ได้ไปร่วมงาน “มหกรรมการค้ากระเป๋านานาชาติ” , พวกเค้าต้องไปทำการค้าขายกับต่างประเทศอย่างนั่นน่ะการแต่งตัวแบรนด์เนมมันก็ดูเหมาะสมดี,แล้วก็มีเพื่อนผมอีกคนหนึ่งเป็นคนที่พิธีพิถันในการเลือกโรงแรมมาก.เค้าเป็นคนที่ชอบเก็บรายละเอียด,หาโรงแรมดังระดับคุณภาพ,ติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบโรงแรมดัง,ผมก็คิดว่านี้ก็ถือว่าเป็นกลุ่มคนที่ติด “แบรนด์เนม” อีกอย่างหนึ่งนะ.



หมายเหตุ

 
*剑拔弩张 เจี้ยน ป๋า นู่ จาง – การทำให้สถานการณ์ทั้งสองฝ่ายเกิดความตึงเครียด

**如数家珍 หลู๋ สู้ เจีย เจิน – สามารถจดจำทุกสิ่งทุกอย่างได้เหมือนกับจำสิ่งของสมบัติทุกอย่างในบ้านตนได้

***盛装 เซิง จวง – ใช้เปรียบเทียบกับคนที่แต่งตัวด้วยของของแบรนด์เนม หรือของใช้ที่มีราคาแพงหรูหรา

51
Magazine Interviews-China / Re: พ.ย.-2012 Top Travel
« เมื่อ: ธันวาคม 05, 2012, 11:30:27 AM »
เดินทางตามหาสัจธรรม กับหัวใจนักแสวงบุญ

ซูโหย่วเผิง อาจถูกเรียกได้ว่าเป็นพวกบ้างาน เคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง ในระยะเวลาหนึ่งปี 95% ของทั้งหมดที่เค้าทุ่มเทให้กับการทำงาน  “ถึงแม้ว่าเราจะโด่งดังมากมายขนาดไหน แต่มันก็ยังรู้สึกมีอะไรบางอย่างที่ขาดหายไป” ซูโหย่วเผิงรู้สึกปลงในใจ  “คนทุกคนเมื่อมาถึงจุดจุดหนึ่งของชีวิต มันต้องมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข และตอนนี้ผมก็ดำเนินชีวิตอยู่ใน ‘โลกมนุษย์’  เดินทางมาถึงวันนี้ เค้าเรียนรู้ที่จะรู้จักการระงับสติและอารมณ์ให้สงบนิ่ง แล้วเค้าจะนำความสุขกายสบายใจตรงนี้มาเติมเต็มให้กับประสบการณ์การที่ยากจะลืมกับการท่องเที่ยวครั้งนี้.

“ผมคิดมาเสมอว่าการได้ออกไปท่องเที่ยวมันเป็นอะไรที่สุดยอดมากเลยได้เปลี่ยนช่วงเวลา ความจำเจ มีความสุขผ่อนคลายอย่างแท้จริง.” ซูโหย่วเผิง ถึงกับออกปากว่า การได้ออกไปท่องเที่ยวนั้นทำให้เค้าได้เติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไป เมื่อมองมายังสภาพความเป็นไปของชีวิตเรา  “มีสถานที่บางแห่งที่ทำให้คุณรู้สึกว่าชีวิตมันช่างจะสุขอะไรขนาดนี้ มีสถานที่บางแห่งที่ทำให้คุณได้หยุดคิด : ในชีวิตของคนเรานั้นอะไรมันก็ไม่แน่นอนทั้งสิ้น” สัมผัสได้ถึงความซับซ้อนมากมายบนโลกใบนี้ กลับมาสู่ความเป็นตัวตนที่บริสุทธิ์เรียบง่าย การเดินทางนั้นเปรียบได้กับยาวิเศษณ์

ลาภยศชื่อเสียง ความโด่งดังเจิดจรัส ซูโหย่วเผิง ต่างเคยได้รับและมีชื่อเสียงเหล่านั้นมาดั่งเวลาที่ขึ้นสู่จุดสูงสุด ปล่อยวางสิ่งเหล่านั้น ทำให้ตัวเองโล่งสบาย เค้ามักจะเดินทางไปในที่ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักหรือถูกจับจ้องจากผู้คน ความเงียบสงบจากกองถ่าย เหมือนกับเมืองเล็กๆในทวีปยุโรป  “นี่มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนได้มาเรียนต่อที่ลอนดอนเลย”  “ได้มาสถานที่ที่ไม่มีใครจับจ้องนี่แหละถึงเรียกว่าการได้ออกมาท่องเที่ยวอย่างแท้จริง” เค้ามีความสมัครใจที่จะเป็น “นักบุญ”. ชีวิตคนเรานั้นมันต้องลองเปลี่ยนอะไรบ้าง เลี่ยงความวุ่นวายของเมืองใหญ่ เค้ารับรู้ถึงความสุขที่แท้จริงของชีวิตมนุษย์ และก็สามารถที่จะไปตลาดเดินเที่ยวเล่นได้อย่างสบายใจ.

ซูโหย่วเผิงยังมีอีกมุมหนึ่ง คือเป็นพุทธศา นิกชนที่ศรัทธา ในพุทธศาสนา เค้าเคยมี ประสบการณ์ออกไปแสวงบุญไกลถึงอินเดีย มีสถานที่แห่งหลักคำสอนหลายแห่งในเมืองอันไกลโพ้น สถานที่ที่คมนาคมเข้าถึงยาก ถึงแม้การเดินทางข้างหน้า เต็มไปด้วยอุปสรรค ทำให้เราหวนมาคิดถึงตอนที่พระผู้มีพระภาคเจ้าค้นพบสัจธรรม ความลึกซึ้ง กับสถานที่ที่ค้นพบทางแห่งการนิพพานครั้งแรก ซูโหย่วเผิง มีความรู้และคุ้นเคยเป็นอย่างดี**.    “ สถานที่แห่งนั้นมันเหมือนกับมีสนานแม่เหล็กที่มีแรงดึงดูด!”  “ พระโพธิสัตย์มีแรงบางอย่างที่ทำให้คนนั้นเกิดความเลื่อมใสอย่างมาก!” จากคนทั่วสารทิศทั่วทุกมุมโลกมากมายมหาสาร ที่มาเดินเวียนรอบพระพุทธรูปแล้วก้มลงกราบไหว้ นั่งกรรมฐาน มานั่งท่องบทบาลี เมื่อเสียงของระฆังดังกังวานทั่วท้องนภา หลับตาลง จิตใจปล่อยว่าง ทำให้จิตใจเหมือนถูกชำระล้างให้สะอาดจนหมดสิ้น.

ใต้ร่มต้นโพธิ์ โหย่วเผิง เก็บใบของมันไว้เพียงไม่ใบรักษามันอย่างดีนำกลับมาบ้าน นำมันมาเก็บรักษาไว้ การที่เค้าออกไปแสวงบุญในครั้งนั้นในใจของ ,โหย่วเผิง หน้าต่างแห่งแสงธรรมได้ถูกเปิดออกแล้ว.

“ทุกๆ ครั้งที่ได้ออกไปท่องเที่ยวมันคือประสบการณ์ที่หาได้ยากยิ่งของการพักผ่อน อย่างแรกของการเดินทางอย่างแรกคือการถ่ายภาพเก็บเอาไว้.”  คิดไม่ถึงว่า ซูโหย่วเผิง ยังเป้นนักกล้องมือทองอีกด้วย ถ้าหากโอกาสอำนวย ซูโหย่วเผิง จะเลือกเมืองเมืองหนึ่ง ไปพักที่นั่นสักระยะ ใช้ชีวิตให้กลมกลืนกับคนที่นั่น ไม่ก็ไปตามถนนที่คึกคักไปด้วยผู้คนไม่ก็ไปตามถนนที่คนบางตา  ซูโหย่วเผิง จะหยิบกล้องถ่ายรูปออกมา จับภาพของคนในลักษณะสีหน้า ท่าทางต่างๆ รวมถึงทัศนียภาพรอบข้าง เวลาว่างจากการถ่ายภาพยนตร์ เค้ามักจะยกกล้องถ่ายรูปรุ่น EOS 5D III  มาถ่ายรูปใบไม้ที่ผลิแดงในยามฤดูใบไม้ร่วง ตู้จัดแสดงผลงานต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้นกับมอเตอร์ไซค์คู่ใจของเค้า.

“ ชีวิตคนเรานั้นต้องการการฝึกฝนนับครั้งไม่ถ้วน ก้าวเดินต่อไปข้างหน้านั่นคือสิ่งที่เยี่ยมยอด” ผูกเชือกรองเท้าของตัวเองให้แน่นเข้าไว้แล้วถือกระเป๋า ซูโหย่วเผิง กับการกลับมาอีกครั้ง ปล่อยวางในบางสิ่ง เก็บรายละเอียดกับบางอย่าง ตัวตนของเค้า กับชื่อเสียงความโด่งดังได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียว.

52
Magazine Interviews-China / Re: พ.ย.-2012 Top Travel
« เมื่อ: ธันวาคม 05, 2012, 11:29:55 AM »
เสียงแวดวงข่าว เสียงเพลงสียงหัวเราะ ทุกเสียงตราตรึงหัวใจ

แสงแดดยามฤดูใบไม้ผลิได้ผันเปลี่ยนความร้อนของความร้อนในฤดูร้อนไปหมดสิ้น  ทำให้เห็นถึงสวยงามสดใส. ร้องฮัมเพลงอย่างสุขใจ  ในใจนั้นยังคงรู้สึกตื่นเต้นกับการได้ขับรถมอเตอร์ไซค์ออกมาเที่ยวเล่น  จะไปไหนมาไหนก็รู้สึกสบายใจ เมื่อเจอกัน  เค้าจะส่งรอยยิ้มที่ดูแล้วสุขใจ, ทำให้รู้สึกอบอุ่นกว่าแสงแดดในยามนี้.

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ในวัย 39 ปีของเขา  ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังอันแรงกล้า____แล้วไม่ใช่คนที่ชอบสร้างสถานการณ์ให้ดูตึงเครียด*  เค้าเป็นคนที่มีกิริยาอ่อนน้อมถ่อมตนเสมอ ในเวลาทำงาน สามารถสะกดคนดูได้อย่างน่าประหลาด ตลอดระยะเวลา 5 ชั่วโมงในการทำงาน  เค้าไม่เคยที่จะแสดงอาการใดที่บ่งบอกว่าเค้านั้นเหนื่อยล้า แต่กลับกันนั้น เค้าสามารถที่จะทำงานออกมาได้อย่างมีความสุข จนทำให้ทุกๆคนมารวมตัวกันเพื่อที่จะมาให้กำลังเค้าในการทำงาน เค้าเป็นคนคุยเก่ง ขี้เล่น ใบหน้าที่รอยยิ้มไม่เคยจางหาย
 
เป็นคนดังที่ไม่เคยหยิ่งในศักดิ์ศรี การอยู่วงการเค้าจะใช้ความสามารถและความอดทน เพื่อที่จะพิสูจน์  “ซุปเปอร์สตาร์เจ้าบทบาท”  ของคำจำกัดความนี้ พิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่าเค้าก็ทำมันได้ ภาพยนตร์ในปี 2009 (เฟิงเซิง) ที่เค้ารับบทเป็นไป๋เสี่ยวเหนียน   จนทำให้เค้าสามารถที่จะคว้ารางวัลตัวประกอบฝ่ายชายดีเด่น จากงานประกาศรางวัล จินจีไป่ฮัว  ประสบความสำเร็จได้รับการยอดรับจากแวดวงการบันเทิงและสื่อมวลชนต่างๆ  “ในบทบาทมากมายที่ผมเคยได้แสดงมา บทไป๋เสี่ยวเหนี่ยนเป็นบทที่ให้ประสบการณ์และความประทับใจกับผมมากมายเลย และในบทบาทนี้ ผมทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจมากเลยทีเดียว.”  ซูโหย่วเผิง บอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างได้อย่างชัดเจนถึงความยากลำบากในการทำงาน มาถึงวันนี้หวนกลับไปคิด ทุกสิ่งทุกอย่างเค้ายังคงจดจำมันได้ดี.

“จริงๆแล้ว ล่าสุดภาพยนตร์เรื่อง ถงชูเว้ไถ: The Assassins (โจโฉ) ที่เค้ารับบทเป็นจักรพรรดิเซี่ยนแห่งราชวงศ์ฮั่น  ฮั่นเซี่ยนตี้ ก็สามารถที่จะทำให้เค้ามีความประทับใจมากเลยทีเดียว” ซูโหย่วเผิง พูดอย่างเปิดอก บทบาทที่ทำให้ผมประทับใจมันมักจะเป็นบทที่มีความหมาย หรือไม่ก็เป็นบทที่เล่นไม่ได้ง่ายๆเลยทีเดียว  “เมื่อคุณถ่ายทำมันเสร็จแล้วมันจะให้ให้คุณรู้สึกว่ามันลำบากมาก ต้องทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ นี่แหละที่มันจะทำให้คุณจำมันไปตลอดชีวิต" 

จากเรื่อง (คังติ้งฉิงเกอ) ที่ต้องมาใส่เสื้อผ้าแบบพื้นเมือง ที่ต้องไว้ผมทรงโบราณกับปฏิบัติลับล้มล้างอำนาจเผด็จการ จนมาถึงภาพยนตร์เรื่อง (ถงชูเว้ไถ-โจโฉ) เป็นบทที่ต้องเล่นบู๊ ต้องเล่นบทตามที่เค้าได้สตริกไว้ แต่ ซูโหย่วเผิง ก็สามารถก้าวข้ามการทำงานของตนเองไปอีกขั้น โตขึ้น ความเปลี่ยนแปลง  สมกับฉายาที่ว่า “นักร้องก็เด่นนักแสดงก็ไม่เป็นรองใคร” ของซุปเปอร์สตาร์หน้าเก่าคนนี้ กับเค้าในวันนี้ ที่รับบทเป็น (อั่นเสี่ยนตี้) ผู้ซึ่งไร้ความสามารถและน่าสงสารที่ไม่สามารถที่จะปกครองเจียงซานไว้ได้ ที่ทำให้เรารู้สึกสะเทือนใจไปกับตัวละครนี้.

เทศกาลซื๋ออี(วันชาติจีน) ภาพยนตร์ The Assassins (โจโฉ) กับวันลงฉายของภาพยนตร์เรื่องนี้ถึงกับทำให้เค้าไม่ได้พักกับวันหยุดยาวนี้เลย ต้องเดินทางโปรโมทภาพยนตร์ยาวตลอดถึง 4 วัน  ซูโหย่วเผิง ต้องตั้งหน้าตั้งตาทำงานเหมือนดั่งตนเองเป็น “ซุปเปอร์แมน” แต่เค้าก็ไม่เคยออกปากบ่นหรือแสดงความไม่พอใจแต่อย่างใด  “มีหลายครั้งหลายหน ที่ผมรู้สึกว่างานมันเยอะจนแทบจะทับผมตายอยู่แล้ว แต่เมื่อก้าวเข้ามาทำงานในวงการนี้แล้วมันก็คงจะไม่เหมือนคนที่เค้าทำงานทั่วไปอย่างแน่นอน คนอย่างเรามันทำงานกันเต็ม 365 วันไม่มีพัก ไม่มีวันหยุด หยุดคิดถึงคำว่าหยุดพักร้อน ไม่ว่าจะวันไหนเวลาใดกับผมแล้วมันล้วนแต่ไม่สำคัญ เพียงแค่เราต้องให้ความสำคัญกับความสุขของประชาชน ถึงแม้ว่ะต้องเหนื่อยยากลำบากแต่มันก้อคุ้มนะผมว่า ! ”   พูดหมดขนาดนี้ มันรู้สึกเหมือนหัวใจยิ้มได้ไงก็ไม่รู้ แล้วกับกล้องรุ่น EOS 5D III สามารถเก็บภาพขของซูโหย่วเผิงที่เข้าใจอะไรมากขึ้น ในวินาทีนี้ได้.

กับการทำงานสายภาพยนตร์ของเขาดุจอาทิยต์ที่บนท้องนภาในตอนเที่ยง ซูโหย่วเผิง มุ่งมานะบากบั่นกับการทำงานทุกย่างก้าวอย่างไม่ลดละ แล้วล่าสุดนี้เค้าต้องรับหน้าที่มาเป็นผู้จัดละครโทรทัศน์เรื่อง (ไม่รักก็อย่างมากวนใจ) ที่เพิ่งเปิดกล้องได้ไม่กี่วัน

“หนังเรื่องนี้ได้กล่าวถึงบุคคลอีกกลุ่มหนึ่งครองตัวโสด เพราะในปัจจุบันมีอิสระทางความคิดมากมาย มีบุคคลกลุ่มหนึ่งที่เค้าไม่เอาการแต่งงานมาเป็นเรื่องสำคัญในการดำเนินชีวิต ผมนั้นได้แสดงเป็นผู้ชายที่ภายนอกดูเพอร์เฟ็กไปซะทุกอย่าง แต่ว่ามีข้อเสียอย่างหนึ่งด้านความรัก แสดงร่วมกับ ฉินหลัน ผู้หญิงตัวคนเดียวผู้เปี่ยมด้วยพลังศรัทธาในรัก” เมื่อพูดถึงตอนจบว่าจะออกมา happy ending หรือไม่นั้น  ซูโหย่วเผิง ถึงกับอมยิ้ม ไม่พูดอะไรออกมา  “เรื่องตรงนี้ผมยังไม่สามารถที่จะบอกได้! แต่แน่นอนมันต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักอยู่แล้ว พวกเราก็เหน็ดเหนื่อยกับการทำงานเครียดมาเยอะแล้ว ลองมาดูอะไรที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายกันบ้างจะดีกว่า!”

ซูโหย่วเผิงในสายตาของเราเรานั้น คือคนที่มีสายตาแห่งความเชื่อมั่นและรอยยิ้ม เค้าไม่ใช่คนที่ชอบทำตัวเย็นชาและแข็งกร้าว แต่เป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีมีความเป็นสุภาพบุรุษ พวกเราต่างก็ทราบกันดี กับภาพลักษณ์ของ ไกวไกวหู่  ที่มาตราตรึงใจของเราอีกครั้ง ไม่ว่าจะอยู่ในจอหรือนอกจอ หรือว่าจะอยู่ต่อหน้าประชาชนเค้าก็ยังแสดงทีท่าเป็นมิตรและอ่อนน้อมถ่อมตัวเสมอ.

53
Magazine Interviews-China / Re: 2012 Gainer
« เมื่อ: ธันวาคม 01, 2012, 11:58:05 AM »
ถามตอบ

Q, แล้วคุณคิดว่าบทบาทแบบไหนที่คุณแสดงแล้วง่ายที่สุด?

A, บทบาทที่แสดงเป็นเทพบุตรถือว่าเป็นบทที่แสดงได้ดี. จิตใจดี,มีความมุ่งมั่น,รับผิดชอบ.รวมรวมแล้วก็เป็นคนดีอ่ะครับ,บทอะไรแบบนี้ค่อนข้างที่จะง่ายและชอบมากครับ,ค่อนข้างเฟอร์เฟกหน่อย. บทบาทที่ผมได้รับในช่วงนี้ , อย่างเช่น ( เฟิงเซิง ) เป็น ป๋ายเสี่ยวเหนี๋ยน, ( โจโฉ ) เป็น พระเจ้าเหี้ยนเต้ , ด้านนิสัยตัวละครแต่ละตัวนั้นต่างมีความแตกต่างกันออกไป,แต่มันก็มีความใกล้เคียงกับความเป็นจริงของชีวิตคนเรา,มีทั้งด้านจุดอ่อนและข้อบกพร่อง,แต่ถ้ามองจากมุมมองแล้ว,ยังดีกว่า บทบาทที่ “น่ารัก” มีความเป็นคนจริงจริงมากกว่า.

Q, อีกแป๊ปเดียวคุณก็จะอายุสี่สิบแล้ว,ไม่งงบ้างเหรออายุสี่สิบ,มีบ้างไหมที่อายุที่เพิ่มขึ้นตามมารังควานใจ?

A, สักนิดนึงก็ไม่มีครับ,มีอะไรที่จะมากวนใจเราได้.อายุเท่าไหร่ก็เท่านั้น,ก็ดีซะอีก.

Q, แล้วคุณคิดว่าตอนนี้ความคิดของคุณอยู่ที่อายุเท่าไหร่?

A, อายุของความคิดผมนั้นค่อนข้างที่จะซับซ้อน,มีหมดเลย.มีทั้งโง่บ้าง.มีความเป็นเด็กบ้าง,แล้วก็ยังมีความเป็นผู้ใหญ่ในอีกด้าน,แต่ความเป็นเด็กนั้นมีค่อนข้างเยอะหน่อย.

Q, เมื่อเร็วเร็วนี้เรื่อง ( 1942 ) ,คุณแสดงเป็น ซ่งจึเหวิน,คุยกันถึงความรู้สึกหน่อย.

A, ตอนแรกผมได้ยินมาว่าถูกตัดออกไปแล้ว,แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น, ผู้กำกับใหญ่เฝิงเสี่ยวกัง,เป็นคนที่ควรได้รับความเลื่อมใสมาก,ไม่ว่าจะเป็นจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็ก.ยอมทำเพื่อเค้าไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม,ยินยอมทำด้วยความสมัครใจ.

 Q, มาคุยกันถึงความรู้สึกประทับใจทั้งที่ปักกิ่งและที่ไทเปกันหน่อย.

A, ปักกิ่งอากาศไม่ค่อยดี,การจราจรติดขัด,ผู้คนมากมาย,คนที่นั้นเร่งรีบตรงไปตรงมา,เข้ากับคนง่าย. ที่ไทเปคุ้นเคย,สามารถขับรถไปไหนต่อไหนได้.

Q, แล้วที่ปักกิ่งไปที่ไหนก็ไม่ได้เหรอ?

A, ปกติเวลาผมทำงานก็ต้องไปสถานที่ไม่คุ้น.ที่ปักกิ่งที่ไหนผมก็ไปไม่ได้,การใช้ชีวิตมันก็ไม่ค่อยอิสระ.

Q, แล้ววิธีการผ่อนคลายความเครียดของคุณล่ะ?

A, ผมคิดว่าการนอนหลับน่ะมีความสำคัญมากในชีวิตของคนเราเนี่ย,สามารถที่จะแก้ไขเรื่องต่างๆของกายใจเราได้.ส่วนอย่างอื่น,อย่างเช่นไปดื่มเหล้ากับพวกเพื่อนๆไปร้องเพลงกันไปสนุกสุดเหวี่ยง,ก็ไม่เลวนะ. ไปท่องเที่ยว,ไปออกกำลังกายก็ดีไม่ใช่น้อยที่ช่วยลดคลายความเครียดได้,แล้วก็มีการนั่งทำสมาธิ,ทำให้ตัวเองปล่อยวาง,ก็อาจจะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ปล่อยวางจิตใจได้.

Q, แล้วถ้าหากว่าไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง,คุณจะมีแนวทางการดำเนินชีวิตอย่างไร?

A, ออกจากงาน,อยากจะเป็นคนที่ถือศีล,ออกไปท่องเที่ยว,ไปสัมผัสโลกภายนอก,ถ้าไม่มีงานแสดง,ก็อยากที่จะทำวิจัยเกี่ยวกับการฝึกบำเพ็ญกายและใจน่ะ.

Q, ลองดูซิว่าถ้าคุณแก่ตัวไปจะมีสภาพเป็นอย่างไร?

A, มีจิตใจที่เมตตาอ่อนโยน,ทำให้คนรอบข้างมีความสุข,จะออกไปทำกิจกรรมเพื่อสาธารณะประโยชน์ทุกๆวัน.

54
Magazine Interviews-China / Re: 2012 Gainer
« เมื่อ: ธันวาคม 01, 2012, 11:57:28 AM »
( ชีวิตที่มั่นคง เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด )

ตอนนี่ที่ตาเห็นคือ40ไม่ต้องสงสัย,ซูโหย่วเผิงไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกตกใจความผันแปรของวัยหนุ่ม,แต่กลับเข้าใจและรู้ซึ้งถึงการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข.อาจจะเป็นเพราะผ่านร้อนหนาวมามาก,แล้วด้วยอิทธิพลของราศีกันย์,ถึงทำให้ทุกวันนี้มีความสุขกว่าก่อนก่อน. “ผมรู้สึกดีมากมากเลยครับ.ถ้าเทียบกับที่ผ่านมา,ไม่ว่าจะต้องตายดูตัวเองหรือว่าดูสภาพแวดล้อม,จะเป็นช่วงเวลาที่เข้าใจอะไรที่สุด.”

จากเสี่ยวไกวจนมาเป็นผู้ชายที่เจนจบ,ผู้ชมยังไม่รู้และทราบว่าซูโหย่วเผิงนั้นกำลังก้าวผ่านช่วงการเปลี่ยนแปลงตัวเอง. “แสดงบทหนุ่มสดใสในละครโทรทัศน์มันเป็นสิ่งที่ต้องใช้แรงกาย,งานแสดงภาพยนตร์ต้องใช้สติปัญญากำลังสมองและการฝึกฝน.ทั้งหมดนี้ก็คือการสั่งสมประสบการณ์,แล้วหนทางงานของเราก็จะกว้างมากขึ้น. “เพื่อจะได้เป็นหนึ่งในนักแสดงยอดเยี่ยม,ซูโหย่วเผิงนั้นได้เลือกแล้วอย่างเด็ดขาด,แต่มันอาจเป็นทางเลือกที่ต้องเสี่ยง,ลองเลือกบทสองบุคลิกกับบทด้านมืดมาฝึกฝนตนเอง.ถึงแม้ว่าเวลาเค้ายิ้มออกมานั้นเหมือนแสงสว่างที่สดใส,แต่เมื่อม่านฉากนั้นถูกเปิดออก,เล่นบทตามตัวละคร,ทุกบทสะกดใจคนดู. ( เฟิงเซิง ) จากบท ป๋ายเสี่ยวเหนี๋ยนบทเพลง “ เหนี่ยวชิงซือ” ชีวิตดุจสายพิณ,เป็นบทบาทนางเอกชายที่หาได้ยากในรอบ10ปี; ( โจโฉ ) จากบทพระเจ้าเหี้ยนเต้ขับร้องบทเพลง,ซึ่งบทเพลงนั้นบนความเศร้าและความอ่อนแอของที่สุดแห่งการดิ้นรน ; จนมาถึงเรื่อง ( ซาเซิง ) กับบทผู้ล้างแค้น,ความรู้สึกลางๆของวัยเยาว์บนใบหน้าในอดีตแปรเปลี่ยนเป็นมือสังหารที่โหดเหี้ยมได้,ทำเอาใครต่อใครกลัวจนตัวสั่น...................

เค้าก็เหมือนที่จะชอบความรู้สึกที่สอดคล้องกับความเป็นจริงในการถ่ายทำ,ไม่ชอบที่จะเป็นดั่งผ้าขาวที่จินตนาการเพ้อฝันหรือทำบทแกล้งโง่,ในบางเวลาเค้าก็มักจะคิดถึงวันวานไม่ก็มีโลกแห่งจินตนาการเพ้อฝัน.

( การฝึกฌาน )

ทำอย่างไรที่จะเอาความสดใสในวัยเยาว์ไม่เอาไปใช้ล่วงหน้า,ก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาทองนี้แต่เดิมเป็นหัวข้อสำคัญที่ดาราซูปเปอร์รุ่นเยาว์ต้องการที่จะหาคำตอบ.ในศตวรรษที่ 20 ยุคปี 90 ของไต้หวัน.พวกเขาเชื่อว่าทุกคนล้วนแล้วแต่มี “ เทพเจ้าคุ้มครอง ” ปกป้องตัว______หลินจื้ออิ่งมีทั้งรถแข่งและความสามารถด้านหน้าที่การงาน; อู๋ฉีหลงมีทั้งงานละครและภาพยนตร์และยังมีธุรกิจร้านอาหาร ; จินเฉิงอู๋มีบัตรประชาชนของญี่ปุ่น ; และซูโหย่วเผิงล่ะ? ฝึกฌาน.

เอาความที่เป็นคนที่ถูกกักขัง,ไม่อาจที่จะบู่มป่ามตัดสินการเข้าถึงโลกแห่งการฝึกฌาน.แต่เอาการนั่งสมาธิและศรัทธามาเป็นกิจกรรมที่ทันสมัย,เค้าก็คือหนึ่งในคนหมู่น้อยของพุทธศาสนิกชนที่จะบรรลุศรัทธาเลื่อมใส,วัฒนธรรมไต้หวันความยากของความเข้าใจวัฒนธรรมของธรรมชาติความรู้สึกใกล้ชิดและความตื่นตัวอยู่เสมอ.มีส่วนช่วยให้เค้าเอาแรงศรัทธาที่จะเข้าถึงการมองชีวิตทุกวินาที.

“ สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของความสุขของชีวิตเราก็คือการฝึกจิต.จากภายนอกสู่ภายในจิตใจ,ทำให้คุณไดด้กลับไปสู่จุดเริ่มต้นของความสุขสงบ ”. “ สุขสงบ” เป็นสิ่งที่ซูโหย่วเผิงไม่เคยสนใจและพูดถึงที่สุดคำหนึ่ง.แต่มันก็เป็นเพียงแค่นามธรรมเท่านั้น,ที่ทำให้เค้าเปลี่ยนไปจากไกวไกวหู่ที่คุ้นเคย, 20ปีก่อนชื่นชอบในตัวของมาดอนนาร์,ตามหาแรงบันดาลใจของเด็กหนุ่ม,แล้วในวันนี้ยิ่งชื่นชอบเพลงที่สงบสดชื่น,ค้นหาความคาดหวังในตัวของซูปเปอร์สตาร์,แต่ก็ยังคงต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อความแข็งแกร่งของกำลังกาย. “ผมไม่ใช่พี่ชายที่เป็นคนมีจิตใจที่ละโมบ,หลายปีมานี้, ทั้ง95%ของการใช้ชีวิตผม,แล้วยิ่งไปกว่านั้น 98%ของกำลังผมนั้นเอาไปใช้ในการทำงานและการดำเนินชีวิต,การใช้ชีวิตแบบนี้ยังถือว่าไม่สมบูรณ์แบบ.ไม่กี่ปีมานี้ที่เริ่มผมพยายามปรับเปลี่ยนสัดส่วนของการดำเนินชีวิต,ซึ่งตอนนี้เริ่มรู้จักพอเพียง.”


( ศิลปิน )

ปี2012.การทำงานของซูโหย่วเผิงถือว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก,จนสามารถที่จะมีห้องทำงานเป็นของตัวเอง,ผลงานเรื่องแรก ( ไม่รักก็อย่ามากวนใจ ) ซึ่งเค้าเป็นทั้งนักแสดงและผู้จัดในคราวเดียวกัน,สิ่งที่แสดงให้เห็น,ทั้งอู๋ฉีหลงและหลินซินหลู๋,วงการบันเทิงของจีนแผ่นดินใหญ่ได้เพิ่มนักแสดงชายไต้หวันที่มีปณิธานอันแน่วแน่และนี่ถือเป็นเรื่องดียิ่งกว่า,ที่ทำ

ให้เสือน้อยตัวนี้ต้องเข้าการต่อสู้ในชีวิต,หรือว่าผลงานเรื่อง ( ปู้ปู้เหลียงซิน ) ของอู๋ฉีหลงจะกลับมาดังอีกครั้ง, นี่จะเป็นความกดดันให้กับซูโหย่วเผิง? แต่ทางซูโหย่วเผิงคิดว่า,นี่ “มันเป็นพรหมลิขิตอย่างหนึ่ง”, มีทางเลือกให้เลือกสู่หนทางสงบ.แล้วหนึ่งปีก่อนหน้านี้,เค้าก็ไม่เคยมีความคิดแบบนี้มาก่อน. จนเมื่อปี2011 ภาพยนตร์ ( โจโฉ ) ได้ถ่ายทำเสร็จ,บทบาทของพระเจ้าเหี้ยนเต้ที่แสดงได้ค่อนข้างยาก,เค้าจึงอยากจะหาบทชายหนุ่มที่แสดงแล้วรู้สึกผ่อนคลายบ้าง,ทางผู้กำกับล่ายสุ่ยจิงที่ได้ร่วมงานกันมานาน.ผู้กำกับล่ายสุ่ยจิงเห็นว่าควรที่จะลองมาทำงานด้านเบื้องหลังเองดูจะดีกว่า,ด้วยเหตุนี้เค้าจึงเป็นทั้งนักแสดงและทั้งผู้จัดในเวลาเดียวกัน,ความสับสนวุ่นวายกับการเข้าสู่งานเบื้องหลัง.อาจด้วยเหตุนี้,ด้านผู้จัดการซูโหย่วเผิงยังเปิดเผยอีกว่าเค้าไม่เคยที่จะแยกตัวออกจากสัญชาตญาณเลย. “พวกเราต้องรับผิดชอบสร้างผลงานเป็นสำคัญ,งานด้านนี้มีเพื่อนมากมายคอยช่วยเหลือ. แต่ก็อย่าเอาเรื่องเงินมาเป็นเรื่องใหญ่ , ผมไม่ได้เป็นนักธุรกิจการค้า,ผมยังอยากที่จะเป็นนักแสดง,ยังอยากที่จะเป็นศิลปินนะ.” จิตใจต้องเอาชนะทุกสิ่ง,ถึงจะสามารถที่จะเอาสิ่งที่ถือว่าหนักให้เหมือนเบาได้? เป็น “ศิลปิน” คำคำนี้เมื่อพูดมันออกมา,มันทำให้เราเข้าใจถือความหิว,เสี่ยวไกวที่แท้ก็ยังเป็นเสี่ยวไกว.ซึ่งก่อนหน้านี้อาจจะไม่ค่อยเชื่อฟังสมชื่อเท่าไร,จึงถูกขนานว่าเป็นผู้ที่ต่อต้านอายุวันเวลาด้วยการบำเพ็ญจากภายใน.ถ้าหากจะพูดว่าการฝึกบำเพ็ญตนเป็นเพียงบันไดขั้นหนึ่ง,มองไปข้างบน,ไม่เห็นทิศไม่เห็นทางแห่งอนาคต,มองกลับมา,บนโลกนั้นเต็มไปด้วยความรักและความสดใสอ่อนเยาว์ที่ไม่มีวันตาย.

55
Magazine Interviews-China / Re: 2012 Gainer
« เมื่อ: ธันวาคม 01, 2012, 11:56:28 AM »
ซูโหย่วเผิง _______ ผู้ที่ความหนุ่มไม่เคยจางหายไป

เริ่มกันด้วย

หนวดเปรียบเสมือนเครื่องประดับชิ้นหนึ่งที่มหัศจรรย์,ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของคนทั้งหมดไม่สามรถที่เอาภาพของผู้ชายที่ฮอตมารวมกับไกวไกวหู่เข้าด้วยกันได้.ในการช่วยเหลือของเขา,ในโรงถ่ายภาพยนตร์ของซูโหย่วเผิงเพื่อเข้ากับบทที่เข้ากับยุคสมัย,ทุกครั้งที่ส่องกระจก,มักจะเกิดความรู้สึกที่ภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก.เมื่อเสียงชัตเตอร์ถูกกดลงหลังจากเสียงหัวเราะและยังคงบอกอะไรได้หลายอย่าง.ใช่,ไม่มีเปลี่ยน,ยังคงเหมือนกับยี่สิบปีที่แล้วที่ลอยยิ้มที่ดูสดใสนั้นถูกส่งผ่านคลื่นไฟฟ้าไปตามริมทะเลฝากโน้นมาถึงนี่.เสียงหัวเราะที่ฉุดให้คิดในอารมณ์ที่แตกต่างกันในน้ำสียง,เป็นความจงใจที่จะปิดบังอายุ ความเคอะเขินนั้นไม่อาจจะให้อภัยได้เลยเชียวหรือ? อย่าถือสาเลย,สิ่งที่พวกเราให้ความสนใจนั้น,ก็คือความวัยเยาว์ในเสียงหัวเราะที่ไม่เคยเปลี่ยนไป.


( ความทึ่ม มาจากต่างถิ่นในวัยเด็ก )

บทละครหรือหลังากที่ได้รับรางวัลโนเบิลแล้ว,นวนิยายที่เอามาแสดงเป็นบทภาพยนตร์ก็ยังได้รับความนิยม.เมื่อพูดถึงปี 2000 จากเรื่อง ( ดอกฝ้ายขาว ) ,คำตอบที่ได้จากซูโหย่วเผิงคือ “เป็นเกียรติ์มาก”. เค้าได้โพสตรูปไว้รูปหนึ่งในสมัยนั้นทางหน้าเว็ป,ใส่เสื้อโปโลกับชุดทำงาน,เซ็ตผมตั้ง,ทั้งหมดมันเหมือนเด็กที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมทางภาคเหนือของจีนเค้าทำกัน,ถ้าจะให้เอาคำมาเปรียบเทียบในตอนนี้คงเป็น “ทั้งทึ่มทั้งบ้านนอก”. จากภาพยนตร์เรื่องนั้น,เค้ามีความรักที่หลบซ้อนในความเงียบ,และในความเงียบนั้นกลับลอบรักกันเหมือนดอกปุยฝ้ายที่กองเป็นชั้นๆ,เค้าได้ช่วยปกปิดความรักลับของคนที่เค้ารักไว้,ชกจนฟันหักแหลกจนถึงหน้าท้อง อึม......ปลายศตวรรษที่ 20 กับหนุ่มซูโหย่วเผิง,ในความทรงจำของทุกๆคนคือภาพพจน์ของชายโหดเหี้ยมจากหนังจอแก้ว. ในปี 1996  ( ฉิงเซ่อ ) เรื่องราวที่พูดถึงวัยเยาว์ของซูซ่าวเลี่ยน,จุดขายอยู่ที่บทบาทซูโหย่วเผิงและเจิ้งเจียซูนักแสดงนำ,ในโปสเตอร์ของภาพยนตร์ยังให้คำกำจัดความว่า “ไกวไกวหู่ครั้งแรกกับการลิ้มลองบทต้องห้าม” เป็นคำอะไรประมาณนั้น,แต่พระเอกของเราจะเป็นคนใบหน้าก็ฟ้องจะเป็นคนอะไรพันธุ์นั้นได้อย่างไร? เมื่อพูดถึงเสี๋ยวหู่ตุ้ยแยกวงกันต่างคนก็ต่างมีหนทางชีวิตที่แตกต่างกันไป,ทางซูโหย่วเผิงเองก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่จะต้องเดินหันหลังกลับ,แต่จะเก็บความทรงจำที่ดีเหล่านั้นไว้. “ตอนที่ถ่ายทำเรื่อง ( องค์หญิงกำมะลอ ),แล้วหลังจากนั้นก็ได้รับรางวัล,ในตอนนั้นแสดงว่าทุกๆทราบกันดี,มันเหมือนกับเป็นช่วงเวลาที่สำคัญของการทำงานเลย.แต่สำหรับผมแล้วนะครับ,ความลำบากกับการทำงาน,การที่เราจะฟันฝ่าต่ออุปสรรคนานานัปการ,มันกลับจำฝังลึกลงไปในจิตใจ.เพราะฉะนั้นแล้ว,ผมคิดว่าเราก็ไม่สามารถที่จะเอาเกียรติ์ความภูมิใจมาบอกได้ว่าอะไรที่คือสิ่งที่ดีที่สุด.”

แต่ใครก็ไม่อาจลืมในปี1988.ตอนนั้นซูโหย่วเผิงเพิ่งจะอายุ15ปีที่ได้มาร่วมวงเสี๋ยวหู่ตุ้ย,เป็นเส้นทางที่เค้ากับสมาชิกหนุ่มอีกสองคนนับเป็นการประกาศเปิดวงด้านวงการบันเทิงเป็นครั้งแรก.วงเสี๋ยวหู่ตุ้ยเหมือนปุ่มกดเวลาช่วงหลังปี 70,80 ,แต่ซูโหย่วเผิงเหมือนกับมีเหตุผลที่ไม่อยากให้พวกเรากดปุ่มเหล่านั้น. “ คำถามนี้ผมเหมือนจะเคยตอบพวกคุณไปเกือบจะพันครั้งแล้วนะ,ที่ผมพูดได้,นี้มันก็เป็นแค่เพียงความรู้สึกที่มีร่วมกัน,และที่ผ่านมามันก็รู้สึกเป็นเกียรติ์และความภูมิใจ. ” เค้าไม่คิดที่จะร่วมรำลึกความทรงจำครั้งเก่าไปกับพวกเราอีกครั้ง. อาจจะเป็นไปได้ที่เบื้องหลังของความสดใสนั้นไม่เหมือนกับในหนังสือการ์ตูน,ในความเข้มแข็งอดทนของดารานักแสดง,ทำหน้าตาซื่อซื่อมาจากต่างถิ่นของไกวไกวหู่,ในความเป็นวงซูปเปอร์สตาร์,ถูกปต่งแต้มด้วยคำว่า “ไกว” ของเด็กหนุ่ม. เป็นสื่อกลางแทนการร้องเต้นทุกท่วงทำนองที่ต้องฝึกฝนด้วยความลำบากของเสี่ยวไกว,เป็นพรสวรรค์ของเสี่ยวไกวที่สามารถโชว์ความสามารถบนเวที,แต่คนน้อยนักที่จะรู้,แล้วยังมีความหลงไหลในมาดอนน่าร์.ความบ้าระห่ำการผสมผสานระหว่างบทเพลงเสียงสูงของ “ปู้ไกว” , “ปู้ไกว” เป็นผลงานระหว่างที่เรียนอยู่มหาวิทยาชั้นปีที่ 3 แต่ทำงานเพื่อคำว่าศิลปิน.



56
Magazine Interviews-China / 2012 Gainer
« เมื่อ: ธันวาคม 01, 2012, 11:47:27 AM »
http://tieba.baidu.com/p/2013561579

บทสัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง จาก นิตยสาร Gainer  28  พฤศจิกายน 2012


"ผมมีความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชีวิตคือการปฏิบัติภายใต้สิ่วแวดล้อมภายนอก ช่วยให้คุณสามารถหันกลับเห็นความสงบของจิตใจ"

57
How Well do You Know Alec Su? / Re: ผม...[ซูโหย่วเผิง] - รายงานตัวครับ
« เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2012, 08:37:59 AM »


3 ช่วงที่เขาเปลี่ยนลุคตัวเอง

เสี่ยวหู่ตุ้ย 1988-1997

- เรื่องราวโดยสรุป : เข้าวงการอายุ 15 เป็นผู้ที่มีความใฝ่รู้ใฝ่เรียน ถูกขนานนามว่า ไกวไกวหู่ เป็นการเปิดฉากของวงบอย-เสี่ยวหู่ตุ้ย(ป.ล  ไกวไกวหู่ แปลว่า เสือที่น่ารักและเชื่อฟัง)

- คำนิยาม : ไม่มีความทุกข์กังวล ยังไม่รู้ว่าความสูงของฟ้าความหนาของดินมากมายเพียงใด มีเพียงเรื่องเรียนที่ต้องใส่ใจ

ละครโทรทัศน์ 1997-2006

- เรื่องราวโดยสรุป : แสดงเรื่อง (องค์หญิงกำมะลอ) เล่นเป็นองค์ชาย 5 ที่ได้รับความชื่นชอบ เข้ามารับเล่นละครทีวีอย่างเต็มตัว กลับมาทำงานที่ประเทศจีน

- คำนิยาม : หนุ่มหน้าใส ถูกมองว่าตีบทพระเอกจริงๆไม่แตก จนกระทั่ง 2003 ได้มาเล่นเรื่อง (ดาบมังกรหยก) ผลงานของเค้าจึงได้เป็นที่นิยม

ภาพยนตร์ 2006 จนปัจจุบัน

- เรื่องราวโดยสรุป : ทิ้งมาดของซุปเปอร์สตาร์ผู้น่าทนุถนอม ได้รับการยอมรับด้านงานภาพยนตร์ อย่าง (เฟิงเซิง) ที่ทำให้เค้าได้รับรางวัลตัวประกอบฝ่ายชายดีเด่น "Best Supporting Actor" ในงาน ป๋ายฮัว ( Hundred Flower Award )

- คำนิยาม : ทุกฝีเท้าทุกย่างก้าว ความมานะทำให้ถึงจุดหมาย กับเรื่องอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ทำให้ตัวเองมั่นใจนักเรียนมหาลัยไม่ยึดเรื่องใบปริญญากับงานแสดง

ชื่อสกุล : ซู โหย่ว เผิง

อายุ : 39 ปี  เกิดเมื่อ ( ปี 1973 / เดือน 9 / วันที่ 11 )

ส่วนสูง น้ำหนัก : สูง 172 เซนติเมตร / หนัก 60 กิโลกรัม

ประวัติการศึกษา : จบระดับมัธยมที่ โรงเรียน เจี้ยนจง , จบระดับมหาวิทยาลัยไต้หวัน คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาเครื่องกล

ประวัติ : อายุ 15 เข้าร่วมวงกับ อู๋ฉีหลอง, เฉินจื้อเผิง  [วงเสี่ยวหู่ตุ้ย] เข้าวงการ ผลงานที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม เมื่อยุบวงก็หันมาทำงานด้านละครทีวี , งานแสดงภาพยนตร์ ,และในตอนนี้ก้ยังมีผลงานด้านผู้กำกับหนังเอง


ผลงาน :

- ละครทีวี : องค์หญิงกำมะลอ, มนต์รักในสายฝน  เป็นต้น

- งานภาพยนตร์ : เฟิงเซิง ,  The Assassins (โจโฉ)  เป็นต้น

- ผลงานเพลง : สุขสันต์ปีใหม่ , แมงปอแดง เป็นต้น

เคยได้รับรางวัล : 2010 จากภาพยนตร์เรื่อง (เฟิงเซิง)  ได้รับรางวัลตัวประกอบฝ่ายชายดีเด่น, และ (คังติ้งฉิงเกอ) รางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมจากงานสุดยอดภาพยนตร์ระดับนานาชาติที่มาเก๋า

เคยเป็นข่าวกับ  : หลินซินหยู , จ้าวเหว่ย

ค่าตัว :

ค่าตัวจากแสดงละครทีวีทุกตอนที่แสดง 30 หมื่นหยวนจีน (ประมาณ 140 หมื่นหยวนเงินไต้หวัน)

ค่าตัวจากร้องเพลงทุกเวที 70 หมื่นหยวนจีน ( ประมาณ 327 หมื่นหยวนเงินไต้หวัน )

P.S. ถ้าเป็นเงินไทย คูณด้วย 5.6 บาท จากเงินหยวนจีน



58
บทสัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง จาก นิตยสาร TVBS รายสัปดาห์  20 พฤศจิกายน 2012



หนวดเครา+กล้ามเนื้อเป็นมัดมัด เพิ่มความ MAN ให้ซูโหย่วเผิง

ถึงเวลาปรับเปลี่ยน ( คุณลุง ) อายุซูโหย่วเผิง นานมากแล้วที่เค้าห่างหายจากคำว่าไกวไกวหู่ จิตวิญญาณของเค้ายังคงดื้อรั้นดึงดันที่จะทำตามความต้องการของตัวเค้า ไม่ว่าจะผ่านมามากมายหลายบทบาท.แต่นักเรียนที่ขยันและตั้งใจมักจะมีความมุ่งมั่นและใส่ใจเสมอ และเค้ามักจะอินกับบทที่ได้รับ เตรียมพร้อมกับการรวมวงอีกครั้งของเสี่ยวหู่ตุ้ย เค้าก็คิดว่าทั้งหมดมันก็อาจมีของดีที่ว่า........

มาทำงานที่กองถ่ายแบบนิตยสารเวลานัด,ความเป็นผู้นำและแบบอย่างของซูโหย่วเผิง ในมืออย่างน้อยมีก๋วยเตี๋ยวหอยนางรมถือเอาไว้สิบชาม กับคนที่เดินตามหลังถือแกงเผ็ดเลือดเป็ดมาเต็มสองมือ เมื่อนั่งลงแล้ว ซูโหย่วเผิงก็แสดงมารยาทแก่คนที่อยู่ในกองถ่าย เพื่อที่จะขอทานอาหารเสร็จก่อนแล้วค่อยมาคุยเรื่องทำงานกัน.

หลังจากได้กลับมาทำงานที่ไต้หวันเค้าก็หวังที่จะได้กินอาหารที่คุ้นเคยของที่นี่,เมื่อมองดูเค้าทานก๋วยเตี๋ยวคำโตๆ ดูดูแล้วไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือดาราดัง เพื่อให้เป็นการไม่เสียเวลาทำงาน เค้าจึงรีบทานมันให้เร็วยิ่งขึ้น รีบจนเหงื่อแตกผลั่กๆ แล้วยิ่งไปกว่านั้นคือลุกขึ้นยืนทาน และไม่ลืมที่จะทักทายคนในกองถ่ายที่ยืนอยู่ข้างๆ เค้าบอกว่าอยู่ที่เมืองจีนไม่ได้กินของอะไรอย่างนี้มานานมากแล้ว,สิ่งที่ไม่อาจทำให้ผมลืมมันได้เลยก็คือของอร่อยๆที่ไต้หวันนี่แหละครับ... ( จริงๆแล้วบางครั้งผมก็จะกลับมาที่ไต้หวัน,กลับมาก็หลายครั้งนะครับ.เพียงแต่ไม่มีใครรู้เท่านั้นเอง,ยังมีคนคิดว่าผมเป็นคนจีนเลย....และวันผมก็ให้คนอ้อมไปซื้อของกินจากร้านนี้มาให้เลย มันมีความสุขจริงๆเลย! )

ไม่ชอบหนังฝรั่ง อย่างที่สุด

ทุกครั้งที่ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง เค้ามักจะไม่ลืมที่จะพูดถึงเรื่องของอร่อยในไต้หวัน มาดังที่เมืองจีนผลงานต่างๆทั้งหมดก็เป็นละครและภาพยนตร์ แป๊ปแป๊ปเดี๋ยวคนก็ลืม ก่อนที่เค้าจะมาเป็นไกวไกวหู่ เค้าเป็นเพียงนักเรียนจากเจี้ยนจง เด็กที่รักการอ่านเดินทางเข้าสู่วงการบันเทิง บทบาทที่เค้าแสดงก็สะกดใจคนที่ได้ชม แต่ (เสี่ยวหู่ตุ้ย) กับภาพลักษณ์ของเค้านั้นสวมมานานมากแล้ว ภาพลักษณ์นี้กับซูโหย่วเผิงเค้าคิดว่า มันเป็นทั้งแรงสนับสนุนและเป็นทั้งอุปสรรคสำหรับเค้า.

(เริ่มแรกกับบทบาทเรื่อง (องค์หญิงกำมะลอ) ผมกับหลินซินหยูไม่ได้เรียนมาทางด้านสาขาการแสดงด้วยกัน แล้วผลที่ได้คือหนังเรื่องนี้ดังเป็นพลุแตก แล้วผมก็ได้มีโอกาสมารับบททางการแสดงอีกมากมายส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรัก และในบางครั้งผมก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธรับบทที่ต้องแสดงบทบาทรักดูดดื่มเหมือนในหนังฝรั่งได้ ผมชอบที่จะได้รับบทบาทที่มันท้าทายไม่เหมือนคนอื่น จนกระทั่งได้มารับเล่นเรื่อง ( เฟิงเซิง ) เรื่องนี้อาจเรียกได้ว่าต้องอาศัยความสมบุกสมบันในการทำงานเป็นพิเศษ ผมเป็นดารานักแสดงที่ชอบลองสิ่งใหม่ๆ (นักแสดงที่มากด้วยความสามารถ) ไม่ว่าบทไหนผมก็จะใช้ความพยายามที่จะให้ตนเองเป็นหนึ่งเดียวกับมันให้ได้ อาจด้วยเหตุผลนี้ มันจึงทำให้ผมเหนื่อยมาก)

ไกวไกวหู่ไม่ทิ้งความมุ่งมั่น ฝึกฝนจนเป็นพ่อหนุ่มหุ่นเฟริม

เพื่อให้สมบทบาท ซูโหย่วเผิงจึงยอมเล่นบทเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวก็ชายเดี๋ยวก็หญิง เค้ายอมรับว่า ต้องทำให้ร่างกายมีกล้ามเนื้อดูเฟริมสมบทบาท ทำอย่างนี้อยู่ครึ่งปีกินแต่อาหารที่ให้โปรตีนสูง ในแต่ละวันต้องไปเก็บตัวอยู่ที่ฟิตเนต จนสามารถทำให้ตัวเองมีหน้าอกที่บึกบึน หน้าท้องมีซิกแพค ( คงจะนึกภาพกันไม่ออก ถ้าจะให้เห็นกันจะจะ เค้ายังโชว์รูปจากในมือถือของเขามาเพื่อเป็นการยืนยันด้วย) ถึงแม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ยังถ่ายทำไม่เสร็จ แต่กลับทำให้เห็นว่า ซูโหย่วเผิงนั้นมีจิตวิญญาณและความพยายามสูง.

ในตอนนี้ซูโหย่วเผิงได้เปลี่ยนสีผิวของตัวเองด้วยการอาบแดด หนวดเคราก็ปล่อยโดยไม่ค่อยให้การดูแล ในตอนนี้เค้าแทบดูไม่ออกเลยว่าคือไกวไกวหู่ เค้าพูดแกมขำว่า ตอนนี้ผมก็เป็น ( คุณลุง ) ด้วยอายุแล้ว กลับไปมองอดีตของเสี่ยวหู่ตุ้ย มันก็ทำให้รู้สึกอ๊ายอาย ถึงแม้ว่าเสี่ยวหู่ตุ้ยจะกลับมารวมวงอีก ถึงยังไงเค้าก็ไม่คิดที่จะเปลี่ยนความคิดของเค้าไปง่ายๆ แต่หวังว่าจะมีการวางแผนงานใหม่กับเรื่องนี้ ( ความทรงจำมันก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง สองปีที่ผ่านมาทุกคนพูดถึงเรื่องนี้ ผมไม่อยากทำ นั่นมันก็จะทำร้ายจิตใจใครหลายๆคนที่รู้สึกดีกับวงเสีี่ยวหู่ตุ้ย.....ผมพูดจริง   ถ้าหากว่ากลับมารวมวงกันใหม่แล้วร้องเพลงเก่าๆ ภาพลักษณ์มันต้องออกมาไม่ดีแน่ แต่ทางบริษัทก็มีความจริงใจ พวกเขาอยากทราบข้อแน่นอน เลยให้คนมาคุยพวกเราสามคน ผมหวังว่าเรื่องนี้มันควรจะจบได้แล้ว....)  ซูโหย่วเผิงปฏิเสธที่จะพบสื่อถึงเรื่องที่เค้าไม่เห็นด้วยกับการคืนวง แต่เมื่อก่อนปลายปีที่แล้วซูโหย่วเผิงปฏิเสธสามงานแสดง แล้วอยากรู้ว่า ( กำหนด ) มันจะเป็นอุปสรรคของการกลับมารวมวงของเสี่ยวหู่ตุ้ยหรือไม่.

ความพอใจ ที่ได้มาถ่ายภาพยนตร์ที่ไต้หวัน

อู๋ฉี่หลง เพื่อนรัก หลินซินหยู ทยอยกันเปลี่ยนตัวเองไปเป็นผู้จัดภาพยนตร์(ละครโทรทัศน์) ซูโหย่วเผิงปีนี้ได้เริ่มลงทุนสร้างหนัง มาเป็นผู้จัดอย่างเต็มตัว คิดไม่ถึงว่าละครเรื่องแรก (ไม่รักก็อย่างมากวนใจ) จะได้เสียงตอบรับที่ดีมาก ได้คะแนนความนิยม ซูโหย่วเผิงถึงกับยิ้มร่า เป็นผู้จัดเอง ในความคิดผมไม่ได้คาดฝันไว้ มันกลับมีผลตอบรับอย่างเกินคาดขนาดนี้ ( เคยมีคนมาคุยกับผมถึงเรื่องหน้าแล้ว.....ที่จริงที่ผมเป็นผู้จัดเองนี่ไม่ใช่เพราะอยากได้เงินเยอะๆ แต่เป็นเพราะว่าผมอยากที่ใช้คำพูดและคำสั่งซะมากกว่า เรื่องอื่นผมไม่ค่อยถนัด ก่อนหน้านี้เรื่องสึนามิผมก็ได้ให้เงินสมทบไปก็หลายร้อยล้านหยวนอยู่ แต่การทำภาพยนตร์ เป็นงานที่ผมรัก สามารถที่จะทำหนังดีๆสักเรื่องหนึ่งได้เนี่ยมันเป็นเรื่องที่น่าดีใจมากเลย) ซูโหย่วเผิง ยังเผยอีกว่า ได้ทำสัญญากับหนังเรื่องหนี่งที่ไต้หวันไว้แล้ว (เรื่องนี้ทำให้ผมรู้สึกดีใจมากเลย เพราะว่า ผมสามารถที่จะใช้เวลาช่วงนี้ทำงานอยู่ที่ไต้หวัน ).

ทิ้งท้าย.... ( คำหวาน ) ปล่อยไก่

ซูโหย่วเผิงใช้เวลาส่วนใหญ่ในการทำงานที่ประเทศจีน ได้เรียนรู้ความแตกต่างของคนจีนของคนจีนสองฟากฝั่ง สั่งสมประสบการณ์ที่ได้ประสบพบเจอด้วยตนเอง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมไปกองถ่าย ผมคิดว่าอาจเป็นเพราะทางทีมงานนั้นเปิดโอกาสให้ผมได้มีเวลาว่างที่จะสามารถมานั่งดื่มชาและหาของทานเล่นได้ พอทางทีมงานมาเจอผมเข้า ทำหน้าตาตื่นแล้วพูดกับผมว่า : ( ว้าว! คุณนี่ดีจริงๆ! ขอบคุณคุณมากๆนะ! ซาบซึ้งใจมากเลย! ) ผมยังคิดอยู่ว่ามาพูดจาไพเราะและแสดงความซาบซึ้งใจทำให้ทีมงานดีอกดีใจถึงขนาดนี้เนี่ย คิดไม่ถึงว่า ผมสังเกตเห็นได้จากสีหน้าของอีกฝ่ายว่ายังงงงงและไม่น่าเชื่อถือในคำพูด  (อ้าว ! ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่าล่ะ? ) ซูโหย่วเผิงเริ่มคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ตาเห็นแล้วล่ะ. ( ฉัน......ผิดไปแล้ว.....ที่ทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจใช่ไหม? ) อีกฝ่ายพูดขึ้นว่า. ( ไม่เป็นไร......คุณน่ะทำดีแล้วนะ! ฉันน่ะดีใจมากเลยจริงๆ! )

ต่อมา คนที่ทำงานอยู่ข้างๆก็ปล่อยก๊ากกัน แล้วก็มีใครก็ไม่รู้วิ่งเข้ามาพูดว่า: ( คุณซูโหย่วเผิง  พวกเราที่นี่น่ะ ( คำหวาน ) สองคำนี้น่ะ ก็เปรียบเสมือนการที่เอามีดมากีดกีดใจคุณอย่างเหี้ยมโหด มันจะทำให้คุณรู้สึกเจ็บแปร๊บเลยล่ะ! )

59
Online Interviews & Updates / Re: [12.11.05]台湾苹果日报:乖乖虎娃娃脸屡遭退货
« เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2012, 01:23:16 PM »

60
Online Interviews & Updates / Re: [12.11.05]台湾苹果日报:乖乖虎娃娃脸屡遭退货
« เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2012, 01:23:02 PM »

หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 44