แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - Chomnath

หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 7
41
Interviews & Video Clips / 2003 MVP Model Valuable Play
« เมื่อ: มีนาคม 06, 2011, 09:06:46 AM »
บทสัมภาษณ์ซูโหย่วเผิง

   "MVP MODEL VALUABLE PLAY"

จากรายการชิงชุนจี้ซื่อปู้ ปี 2003 


<a href="http://www.youtube.com/v/49_3TZysIMo" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/49_3TZysIMo</a>

2003 台湾MVP青春记事簿——苏有朋
รายการชิงชุนจี้ซื่อปู้




42
(1)http://blog.sina.com.cn/s/blog_4fad2fec010175g0.html?tj=1
(2)http://blog.sina.com.cn/s/blog_65dedaef0100nui5.html?tj=1
(3)http://gb.cri.cn/27564/2010/12/09/108s3084547.htm
(4)http://finance.ifeng.com/money/wealth/star/20100429/2125925.shtml
(5)http://yule.sohu.com/20091124/n268423359.shtml

4fad2fecx96fcfee5fb99690.jpg" border="0
65dedaeft96e15e0f8723690.jpg" border="0

คืนวันที่ 7 ธันวาคม 2010  โหย่วเผิง อยู่ในงานภาพยนตร์สากล ณ. เมืองม๋าเก๊าครั้งที่ 2 ได้รับตุ๊กตาทองฝ่ายชายยอดเยี่ยมอันดับ 1 รางวัลอันทรงเกียรติในชีวิตของเขา

ซูโหย่วเผิงกับความหมายของการยืนหยัด ในวันเสาร์ที่ 11 ธันวาคม ปี 2010 เวลาบ่าย 14.32 น.

พูดถึง ซูโหย่วเผิง กลัวว่าท่านผู้ชมน้อยมากที่จะไม่รู้จักเขาเลย ท่านผู้ชมที่อายุมากหน่อยจนถึงปัจจุบันยังไม่เคยลืมในช่วงเวลานั้นของ “ไกวไกวหู่ “ ผู้นั้น เพื่อนๆ  “ คนรุ่นอายุ 90 “ ยังมีหลายคน เป็นไปได้ ที่เคยชมดูต่างก็รู้จักเขา เรื่อง องค์หญิงกำมะลอ  แล้วพวกผู้ชมหนัง-ละครทั้งหลายที่เคยหลงใหลชื่นชอบ ในเวลาไม่กี่ปีนี้ควรจะเฝ้าสนใจดูแลเขา


ท่านผู้ชมที่เคยรู้จัก ในปี 1988 ซูโหย่วเผิงได้โด่งดังเป็นพุแตก จากวง "เสี่ยวหู่ตุ้ย"  ได้เข้าสู่วงการบันเทิง ปี 1997 ได้แสดงละครเรื่อง (องค์หญิงกำมะลอ)  ปี 2009 ได้แสดงหนังเรื่อง The message อาชีพทางด้านการแสดงของเขาสามารถแบ่งเป็น 3 ระดับขั้นอย่างชัดแจ้ง ความสมหวังราบรื่นยังห่างไกลที่จะกล่าวถึงได้ มีเพียงลมๆแล้งๆซึ่งผ่านมาหลายปีแล้ว ความขยันขันแข็งของตัวเขาเองยังโด่งดังมากว่า 20 ปี จนกระทั่งเวลาใกล้ๆนี้ได้รับตุ๊กตาทองฝ่ายชายยอดเยี่ยมในงานภาพยนตร์สากลเมืองม๋าเก๊าอย่างแน่นอน พฤติกรรมแท้จริงของเขาซึ่งผู้คนยังเคยรู้จักเขาแล้วจึงเห็นความหมายของ คำว่า "ยืนหยัด" นี้


ซูโหย่วเผิง คือนักแสดงคนหนึ่งที่พวกเราชื่นชอบมาก เพราะว่าไม่เพียงเขาคือ “ไกวๆหู่” ใน “วงเสี่ยวหู่ตุ้ย” เพราะว่าไม่เพียงเขาทำการบ้านอย่างดีเลิศ ในปีนั้นเป็นผู้สอบเข้ามหาวิทยาลัยอันดับที่ 5 ของไต้หวันทั้งประเทศ เพราะว่าไม่เพียงแต่เพลงของเขา และไม่เพียงเขาได้แสดงบทบาทเข้ามานั่งถึงจิตใจคนอีกสิ่งสำคัญกว่านี้ความรักอันยิ่งใหญ่ของเขากับบทบาทการแสดงได้เข้าถึงจิตใจผู้ชมอย่างลึกซึ้ง และยิ่งสำคัญกว่านี้เขามีจิตใจที่เมตตา ชอบการกุศล ความเข้าใจการแสดงยังไม่เพียงพอ แต่ว่าผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ได้ตีพิมพ์ลงข่าวเกี่ยวกับการร่วมกิจกรรมการกุศลของเขา คงไม่ใช่เรื่องเท็จแน่นอน


เป็นนักแสดงนั้น เขาแสดงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมกับพลังอันยิ่งใหญ่ของตัวเอง เรียกร้องผู้คนกระทำการกุศล ไม่คิดว่าตัวเองเป็นดาราที่ยิ่งใหญ่ แต่คิดว่าการกุศลสมควรที่จะได้รับการแบ่งปัน ให้แก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกันตัวเขาเองแอบไปช่วยเหลือคนอย่างมากมายแบบเงียบๆ เรื่องเหล่านี้นักข่าวไม่เคยตีพิมพ์ลงข่าว ผู้คนทั่วไปล้วนเป็น “ผู้ชื่นชอบ ซูโหย่วเผิง “ บุคคลต่างๆมากมายที่เคยรับการช่วยเหลือ ได้ปรากฏพบเห็นเขาทำจนเหงื่อโชกท่วมตัวหนทางการกุศล เขาได้นำพาบุคคลผู้ชื่นชอบ(FC) มุ่งหน้าก้าวสู่หนทางระดับชุมชน




งานแสดงภาพยนตร์สากล ม๋าเก๊า ครั้งที่ 2 จาก A Tibetan Love Song ในบท “ หลี่ซูเจี๋ย” บทเดียวได้รับรางวัลนักแสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยม นี่ก็คือเขาได้รับรางวัลตุ๊กตาทองครั้งแรกตั้งแต่เข้าสู่วงการภาพยนตร์ ถึงแม้ว่าส่วนหนึ่งนักแสดงได้รับรางวัลตุ๊กตาทองชิ้นนี้ไม่สามารถเทียบเท่ากับ ไก่ทองคำ, ม้าทองคำ, รูปทองคำ, บุคลิกงาม, เป็นต้น แต่รายการรางวัลไม่ใช่อยู่กับเรื่องเล็กใหญ่ อยู่กับการสนับสนุนและใจมุ่งมั่น เชื่อว่าเขาจะขยันทำเพื่อตัวเองต่อไป และเพื่อผู้ชมสนับสนุนชื่นชอบในตัวเขา


ซูโหย่วเผิง ปีนี้อายุ 37 ได้เป็นดาราขวัญใจ นับว่าชีวิตได้อยู่ระดับต้นของวงการแล้ว เพียงแต่โดยฐานะของนักแสดงมีพลังคนหนึ่งเผชิญกับผู้ชม อายุเท่านี้ยังไปได้อีกไกล แล้วหนทางของเขายังไปอีกไกล หวังว่าใจที่มีเมตตาการกุศลของเขา หนทางตั้งแต่นี้เป็นต้นไปมีแต่เพิ่มขอบเขตกว้างใหญ่อย่างไม่มีขีดจำกัด การแสดงซึ่งมีบทบาทที่แตกต่างกันไป ผู้คนทั้งโลกล้วนยกย่องยอมรับ หลายมานี้ ขณะผู้คนเอ่ยปากชมถึงเขา ไม่เพียงที่เห็นคือความทระนงของ “คุณชายสามแห่งตระกูลหู่”  นั้น ยังสามารถได้เห็นถึง “ซูโหย่วเผิง” ด้วย

43
Interviews & Video Clips / 1995 Star Little Tigers Still Brilliant Concert
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2011, 11:16:19 AM »
<a href="http://www.youtube.com/v/nXZp2Gb1NsQ&amp;feature=related" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/nXZp2Gb1NsQ&amp;feature=related</a>



04-เม.ย.-1995 Star Little Tigers Still Brilliant Concert   


 

คอนเสิร์ต อำลา เสี่ยวหู่ตุ้ย
ปี 1995


 





(1) Red Dragonfly 紅蜻蜓 Hong Qing Ting
(2) Butterflies Fly 蝴蝶飛呀 Hu Die Fei Ya

http://www.youtube.com/watch?v=m8ae_eCaEFg

【Talking】

http://v.youku.com/v_show/id_XNDY5NzUwMjg=.html


เฉินจื้อเผิง : สวัสดีทุกท่านครับ ในค่ำคืนวันนี้ พวกเราทุกคนก็สามารถมาร่วมกันที่หน้าเวที
ได้ มาชมการแสดงของเราทั้งสาม.. เอ้ ซูโหย่วเผิงคุณสบายดีไหม

อู่ฉีหลง     : นานแล้วที่ไม่ได้เจอกัน

เฉินจื้อเผิง  : สวัสดีอู่ฉีหลง สวัสดีซูโหย่วเผิง

ซูโหย่วเผิง : สวัสดีอู่ฉี่หลง สวัสดีเฉินจื้อเผิง รูปทรงไม่เลวนะ(เสื้อ)

เฉินจื้อเผิง  : รูปทรงของคุณก็ไม่เลวเหมือนกันนี่
 
ซูโหย่วเผิง : แน่นอน

เฉินจื้อเผิง : ไม่หรอก ที่จริงทุกครั้งที่พวกเราขึ้นเวที อู่ฉีหลงจะเป็นผู้ที่ทักทายกับแฟนๆ
แต่ครั้งนี้ เพราะว่า พวกเราจะมองว่าใครที่ขึ้นเวทีแล้วแสดงได้ดี ใครจะเป็นคนแรก
พวกเราตกลงกันตั้งนาน สุดท้ายได้มติ


อู่ฉีหลง : ใช่ ถูกต้อง

เฉินจื้อเผิง : มติที่ตกลงกันก็คือ เสื้อผ้าของใครที่เยอะที่สุด ของใครน้อยที่สุด
ฉะนั้นเสื้อผ้าของผมนั้นสวยมากและยิ่งใหญ่เป็นพิเศษ


อู่ฉีหลง : ฉะนั้นแล้ว

เฉินจื้อเผิง : ฉะนั้นแล้วขอพวกเราให้เวลาผมสักสามนาที ผมจะเปลี่ยนเสื้อผ้า

อู่ฉีหลง : คุณจะเปลี่ยนเสื้อผ้าต้องถามซูโหย่วเผิงว่าเขาอนุญาตหรือเปล่า ขอร้องเขาก่อนดีไหม

** พออู่ฉีหลงพูดจบ โหย่วเผิง ก็เดินออกไปข้างๆ โดยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้..แล้วเฉินจื้อเผิง ก็เดินตามไปหา **


เฉินจื้อเผิง : ขอล่ะ

** โหย่วเผิง หันไปถามผู้ชมก่อน แล้วค่อยมาตอบเฉินจื้อเผิง **

ซูโหย่วเผิง : จะให้เขาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไหม เอาล่ะ เพื่อเห็นแก่หน้าแฟนๆคุณก็ไปเปลี่ยนได้

เฉินจื้อเผิง : ที่จริงแค่เพียงพวกเราให้ผมแค่สามนาที ผมจะให้พวกเราโลกทั้งใบ
 




44
http://blog.sina.com.cn/s/blog_61d369660100nku6.html



18 พฤศจิกายน 2010 ซูโหย่วเผิงยังคงเชื่องแบบนี้ จิตใจเบื่อหรือยัง ?


ทุกๆครั้งเวลามองเห็น ซูโหย่วเผิง แล้วต้องคิดถึง หลินจื้ออิง ไม่เพียงเพราะว่าพวกเขาเคยเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่ง แล้วก็เพราะบางคนมีหน้าตาคล้ายกัน----วัยหนุ่มสาวหน้าตาเหมือนเทวดา(จางปู้เหล่า) หน้าตุ๊กตาแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยผ่านวงการบันเทิง ขณะ (อู๋ฉีหลง) ได้ก้าวถึงสู่จุดสุดยอด ก็ไม่มีใครเหนือกว่าเขาอีก แล้ว

(ซูโหย่วเผิง) เมื่อไม่กี่ปีมายังคงได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นเป็นครั้งที่สอง ไม่ว่าบริษัท หัวอี้ แต่ไหนแต่ไรมาล้วนไม่ทราบว่าการเข้ารอบชนะคือความหมายอะไร ซูโหย่วเผิงในหนังใหม่เรื่อง (คังติ้งฉิงเกอ-A Tibetan Love Song) แสดงบทแอบซ่อนช่วยเหลือได้มองเห็นเป็นลายมือปากกาของ บริษัทหัวอี้ เช่นในหนัง (หวินสุ่ยเอี๋ยว) ลือกันน้ำอยู่เหนือเมฆ หรือ สียั่วเซียน- Vivian แสดง พฤติกรรมฝีมือการแสดงต่อความรู้สึกเข้าทะลุปรุโปร่งการปรองดองและแปลกประหลาด


ทหารแอบซ่อนช่วยเหลือในหนัง A Tibetan Love Song บังเอิญ ยังสามารถมองเห็น ซูโหย่วเผิงอีกด้านหนึ่งโผล่ออกเป็นเด็กผู้ชาย หรือว่าหน้าตุ๊กตาทำแปลกประหลาดพิกล ขณะเดียวกันกลายเป็นเสียงเล่าลือไม่ยอมแก่ บางครั้งจะถูกสงสัยไม่พอต่อใบหน้าที่ละอ่อน และแล้ว สมองว่องไวจากต้นจนจบ การพูดจาเหมาะสมของ ซูโหย่วเผิง ช่างชัดเจนมาก เรื่องโครงการอนาคตตัวเองก็ทราบดีอยู่ในอก หลังจาก ซูโหย่วเผิง เข้าสู่วงการ แสดงบทบาทผู้ชายที่แสนดี รักเดียวใจเดียวมาโดยตลอด แต่ว่าไม่กี่ปีมานี้ เขาทำลายทะลุเอกลักษณ์แบบไม่ขาดสายต้อนรับการท้าทาย..ต่อสู้ ผมอยากก้าวหน้าในหน้าที่ เพื่อเป้าหมายที่ดีและเป็นกำลังที่ดีของค่ายคนหนึ่ง ซูโหย่วเผิงพูดอย่างไม่ปิดบัง เรื่องคือ เขาเคยลองลิ้นชิมรสบทบาทอีกชนิดที่แตกต่างกัน เหมือนในทีวีหนัง Re Ai ผู้ป่วยเป็นโรคประสาท ซูหมิงเทา ในหนัง The Message บทร้องเพลง ไป๋เสี่ยวเหนียน ผมหวังว่าสามารถฝึกฝนเรียนรู้โดยตลอด และมีความก้าวหน้ามาโดยตลอด


สามารถดูออก เขากำลังทดลองใช้บทบาทเล่ห์เหลี่ยมกลลวงเหล่านี้บ้างเพื่อให้ทุกคนเอาอดีตของเขาทั้งหมดโยนทิ้ง(ลืมอดีตเก่าๆภาพลักษณ์ที่ดี) ความเคยชินผู้คน “ไกวๆหู่” ไม่เพียงแต่ไม่เชื่อง ทั้งยังในกระดูกแท้จริงพุ่งสะเทือนสาเหตุคิดการกบฎทางใจ ต้นเหตุเริ่มแรกสุดมาจากวงเสี่ยวหู่ตุ้ยเรื่มจากเพลง ไจ้เจี้ยน-ลาก่อน อำลาวงเสี่ยวหู่ตุ้ย เหตุผล เฉินจื้อเผิง จะไปเกณฑ์ทหาร เสี่ยวหู่ตุ้ย จำใจยอมแยกย้าย

ผู้กำกับ MV จ้ายเจี้ยน อำลา เพื่อให้ mv สมจริงให้ทุกคนร้องไห้ เหมือนกำลังจะเลิกลาจากกันหวังว่า ซูโหย่วเผิง สามารถอยู่หน้ากล้องมีอารมณ์รู้สึก “แต่ว่าผมก็ร้องไห้ร้องไม่ออก คนที่เหลืออยู่ล้วนร้อนใจมาก มีบางคนหาของขวัญที่ส่งมาจากแฟนเพลงชื่นชอบของแต่ละชนิดแฟนเพลง มีบางคนพลิกเขียนแบบประทับใจมาจดหมายแฟนเพลง ช่วยผมมีอารมณ์” ซูโหย่วเผิง ยิ้มน้อยๆและกล่าวกว่า “เพราะว่าทุกคนล้วนรู้สึกต้องแยกย้าย แยกย้ายจากกันเป็นเรื่องที่เศร้าใจเรื่องหนึ่ง คุณควรร้องไห้อย่างง่ายๆนะ ปัญหาคือ ผมรู้สึกว่าชีวิตคนเรื่องรวมเรื่องแยกเป็นเรื่องปกตินะ ทำไมต้องร้องไห้ด้วย


“จริงๆผมยึดหยุ่นมาโดยตลอด จึงพูดได้ว่ามิใช่คิดขบถทางใจ ก็มิใช่เป็นเด็กเชื่องมากอย่างแน่นอน” ซูโหย่วเผิงใช้คำพูดเร็วมาก สำนวนชัดเจน “แต่ว่าผมพูดตลอด พูดตลอดก็ไม่มีใครเชื่อ ดังนั้นผมก็แสดงเป็น ไป๋เสี่ยวเหนียน แบบสบายใจ เริ่มต้นจากศูนย์ ไม่สนใจภาพลักษณ์ที่ดี ไม่สนใจ ไกวๆหู่ เด็กดีเชื่อฟัง---ทุกคนไม่ใช่ไม่เชื่อผมคิดกบฏทางใจไหม ? ดีละ อย่างนั้นผมทำให้พวกคุณดู ครั้งนี้เชื่อแล้วใช่ไหม” เรื่องคือ เขาพูดถึงท่าทางละม่อมและนิ่งเล็กน้อยของเขา

ซูโหย่วเผิงตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ไม่เคยคิดห่วงภาพลักษณ์ “จริงๆผมไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้เท่าไหร่ มันก็คือแจกันดอกไม้ คุณดูที่จออินเตอร์เนต บางครั้งลือว่าตัวเองสูงส่ง ผมก็ไม่ได้ออกมาโต้แย้งข่าวลือ ผมไม่ใส่ใจสิ่งนี้ คิดอยากแสดงบทบาทพิเศษเพราะหวังว่าผู้กำกับสามารถยอมรับผม” ในที่สุดรู้สึกว่าบุคลิกภายนอกของ ซูโหย่วเผิง มีการโกหกหลอกลวงมาก กล่าวคำพูดแบบนี้ เหมือนกับหน้าตาวัยเด็กไม่เหมาะสมเลย แต่เขายังคงกล่าวเรื่องคำพูดที่โบราณมาก “เข้าวงการ 20 กว่าปีแล้ว ความชำนาญล้วนเป็นความช่ำชอง ผมไม่อยากคิดแสดงอะไรผู้ชายหล่องามอีก แต่จริงๆแล้วผมไม่เคยคิดตามหา เปลี่ยนแปลงบุคลิกภายนอกเดี่ยวๆ มีคนจงใจให้ ผมไม่ได้จงใจ ผมก็แสดงบทบาทนี้ ไม่ได้รังเกียจถึงภาพลักษณ์ ผมเพื่อบทบาท คุณอยากพูดอะไรก็พูดไป



ในที่สุดได้ค้นพบแนวหนังที่ตัวเองต้องการ-ได้สนุกสนานกับการแสดง

ช่วงเยาว์วัยก็มีชื่อเสียง เป็นนักร้อง-นักเรียน เป็นแบบอย่างที่ดีของเยาวชน โด่งดังไปทั่วเอเชีย รุ่งโรจน์แบบนี้ ซูโหย่วเผิง ตั้งแต่อายุ 15 ปีเข้าสู่วงการบันเทิงความต่อเนื่องมาอย่างไม่ขาดสาย จนกระทั่งผู้คนต่างกล่าวถึงเขา ถึงอย่างไรยังคงไม่อิสระหวนคิดขึ้นมา ใบหน้าอ่อนวัยของหน้าตาหนุ่มๆ ปล่อยให้เวลาผ่านไป แต่ถึงอย่างไรยังคงไม่อดกลั้นนำเอาวัยหนุ่มไม่ราบรื่นมารำลึก จากในส่วนสมองลบล้างในส่วนที่ลึกออกไป


บัดนี้ ซูโหย่วเผิง อายุ 30 ปีต้นๆแล้ว นับแล้วผลงานที่ผ่านมายาวยังกะหางว่าว ความเดิมๆนึกว่าเป็นแรมเดือนแรมปีขึ้นๆลงๆของเขา สามารถทำให้ตัวผมได้ เล่าความชำนาญของชีวิตอย่างหรูๆเป็นช่วงเป็นตอน และนิยายรักความทุกข์เวทนาที่พูดออกมาไม่ได้สับสนกัน แล้วเขายังคุยเรื่องบุพเพสันนิวาส ธุรกิจ ความรักใคร่ ดำรงชีพ มากกว่า.......ทุกสิ่งในโลกนี้ช่างสับสนตามที่เขามองเห็นมา ล้วนเกิดจากบุพเพสันนิวาสในอดีต ดับด้วยบุพเพในอดีต บุพเพเมื่อมาถึงแล้ว ก็คือน้ำมาถึงคูคลองแล้ว


ผมเชื่อว่ามีบางสิ่งถูกลิขิตมา ผมไม่รู้สึกว่าตัวคนเดียวสามารถอาศัยแรงคนก็คิดอยากจะทำอะไรก็ทำอำไรได้ นี่คือทัศนคติของผม เปรียบเทียบผมได้ตามกรรมบุพเพสันนิวาส(ดวง..โชคชะตา) แต่ผมรู้สึกว่าการกระทำความเพียรขยันก็มิใช่ถูกทั้งหมด แต่ผมรู้สึกว่ามีผลสนองตอบรับบางอย่างคือแรงคนที่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ผมไม่สามารถบังคับผลกรรม ตัวคุณเองเพียงแต่สามารถใช้เพียรพยายาม แต่แท้จริงผลกรรมมิใช่ตัวผม ใช้ขยันหมั่นเพียรก็สามารถกำหนดได้” เขาอธิบายสภาพลักษณะการดำรงชีพของตัวเองแบบนี้

คลั่งไคล้มากๆของหนังเรื่อง ((เฟินเซิน)) หลังจากผ่านพ้นไป ซูโหย่วเผิงเหมือนกับชอบฉายารูปโฉมตัวเองพร้อมทั้งไม่คู่ควรกับบทบาท สับสนหลงใหล หรือบทบาทหยาบกระด้างเช่นนั้น ปล่อยให้ ซูโหย่วเผิงสำรวจรู้สึกการแสดงหนังสนุกสนานแล้ว ไม่คู่ควรในคู่ควรถึงจะเป็นตัวเขาที่ชื่นชอบ การสมภาษณ์ก่อนหน้านั้นหลายครั้ง เขาแสดงถึงตอนนี้ ยิ่งหันเหเปลี่ยนทิศทางถ่ายหนัง “ละครจอทีวีและความรู้สึกของนักผลิตสร้างภาพยนตร์ยังคงไม่เหมือนกัน ปริมาณหนังละครจอทีวีจำนวนมหาศาล คนรุ่นหลังเป็นการทดสอบความอดกลั้นอดทนและกำลังกายของคุณ ไม่มีวิธีอื่นเหมือนภาพยนตร์ละเอียดลออเช่นนั้น เพื่อหนึ่งนาทีทุกคนจะรู้ว่าแข็งแกร่ง ละครหนังจอทีวีจึงเป็นไปไม่ได้ ละครหนังจอทีวีไม่ปรากฏละเอียดสวยงาม

ง่ายนักของสิ่งที่มา รสชาติของผมถูกหนัง The Message ยกระดับสูงขี้นแล้ว ต่อไปหวังว่ามีโอกาสสามารถรับสร้างผลงานภาพยนตร์แบบนี้ แต่ว่า เขาไม่สามารถเที่ยวบังคับขอให้ชัดเจน “เวลานี้ยังไม่ถึงเวลาที่ผมเลือกผู้กำกับ ผู้กำกับดีเลิศหลายคน ตัวเองหวังว่าแสดงบางเรื่องบุคคลที่ล้มลงมากกว่า เช่นบทนักสืบบ้าง บทโรคกลัดกลุ้มบ้าง อุปสรรคคติธรรมทางใจน่าจะแสดงดี ในใจทุกคนล้วนมีก้อนๆนั้น ผมก็มี มีโอกาสไปเอาแบบนี้มาปรากฏก็ยิ่งดี


โหย่วเผิงพูดประมาณว่า เค้าอยากเปลี่ยนแปลง อยากรับบทใหม่ๆ เช่นโรคจิต คนบ้า หรืออะไรก็ได้ที่ไม่ซ้ำบทกัน แต่ถึงเข้าจะโด่งดังจากเรื่อง the message เค้าก็คือดาราตัวเล็กคนนึง ซึ่งยังไม่สามารถเลือกบทได้ ยังไม่สามารถเลือกผู้กำกับได้ แต่ขอให้ทางผู้จัด หรือผู้ยื่นบท คงจะให้โอกาสเค้าได้รับสิ่งใหม่ๆ)

อายุ 36 ปีของ ซูโหย่วเผิง แต่แรกได้ถอนตัวออกจากเอกลักษณ์ของการเป็นพระเอกมานมนานแล้ว ใบหน้าดำมืดได้เขียนเต็มไปทั่วสภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นผู้ชายเวลาอันควร เคยถาม ซูโหย่วเผิง ทำไมตอนนี้ได้ถ่ายหนังจึงสุขุมดีกว่า ซูโหย่วเผิงกลับถามว่า “สมมุติตอนนี้ผมยังเหมือนในปีนั้นน่ารักบริสุทธิ์ผุดผ่อง นั่นควรจะน่าเกลียดไหมละ ? มีคนส่วนมาก เรื่องความทรงจำของ ซูโหย่วเผิง ยังหยุดอยู่กับที่ในวงเสี่ยวหู่ตุ้ย - ไกวๆหู่  เรียกลมเรียกเมฆที่เริ่มครั้งแรก ถึงเวลาอันควร นำพาให้ ซูโหย่วเผิง ไม่เพียงแต่การเปลี่ยนแปลงบุคลิกภายนอก ยิ่งกว่านั้นคือสภาพทางจิตใจอย่างหนึ่ง


ผมรู้สึกว่าตัวผมอายุผ่านมา 30 ปี ก็เรียนรู้หลักการใช้สภาพจิตใจไปดูเรื่องราวที่ให้อภัย ผมรู้สึกแล้วแต่โชคชะตาลิขิต ไม่ให้พันติดกันอีก แต่ละอย่างล้วนมีคุณค่าของสิ่งนั้นยังหลงเหลืออยู่ ทรรศนะการมองที่ไม่เหมือนกัน ก็ต้องมีรับไม่เหมือนกัน ขณะวัยเยาว์ของ ซูโหย่วเผิง เรื่องดนตรีคลั่งไคล้เร้าใจเกือบจะยึดครองชีวิตคนทั้งหมด แม้แต่เป้าหมายการเริ่มแสดงหนัง ล้วนทำเพื่อการหาเงิน ภายหลังสามารถหวนรำลึกร้องเพลงอีกครั้ง แล้ววันนี้ จากธุรกิจของเขา ดนตรียังคงค่อยๆจางหายไป ต้นเหตุเพราะ นักร้องต้นแบบระยะเวลาคุ้มครอง ธาตุแท้มีขีดจำกัด แล้วกำลังชีวิตของนักแสดงคนหนึ่งสามารถอยู่ยาวนานกว่า “การเปลี่ยนแปลงสามารถเปลี่ยนแปลงได้” สภาพลักษณะชีวิตคน ผู้กระทำได้มีเพียรพยายามแล้ว ยอมรับไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ยิ่งคือความใจกว้างและเปิดเผยอย่างหนึ่ง








45

9 ธันวาคม  2010 คมดาบกายสิทธิ์นำออกมาลับคม (ความตื้นตันใจของฉันหลังจากโหย่วเผิง ได้รับรางวัลผู้แสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยม)

เอ่ยถึง ซูโหย่วเผิง ไม่มีผู้ชมผู้ใดที่ไม่รู้จักเขามีน้อยมาก เกี่ยวกับเสี่ยวไกวๆคนนั้นในวงเสี่ยวหู่ตุ้ย องค์ชายห้า ในหนัง (องค์หญิงกำมะลอ) เรื่องนั้น ฮวยบ่อข่วย ในหนัง (เดชเซี่ยวฮื่อยี้) เรื่องนั้น จางอู๋จี้ ในหนัง (ดาบมังกรหยก) เรื่องนั้น เขาแสดงบทบาทมากเกินไป แล้วเข้าถึงใจคนอย่างลึกซึ้งมากเกินไป ก็เพราะเป็นเช่นนี้ เปลี่ยนรูปโฉม คือเขาตั้งแต่ได้แสดง (มนต์รักในสายฝน)จึงเริ่มที่จะตีบทตีกระจุย





ก่อนหน้านั้นแสดงเรื่อง (เฟิงเซิง) เขาได้ครองมงกุฎมาตลอดโดยถูกขนานนามเป็น “พระเอกละครหุ่นต้นแบบ” ที่จริงเขายังไม่พอใจการกับเรียกนามเช่นนี้ มิฉะนั้นจะไม่มีหนังเรื่อง((เฟิงเซิง) บทสวยงามเยี่ยมฉากหนึ่งใน ไป๋เสี่ยวเหนียน เขาเข้าใจอย่างลึกซึ้งละครจำลองต้นแบบอย่างมีจำกัด รวมทั้งถ้าฝีมือการแสดงไม่สามารถตีบทแตกได้ การพัฒนาอนาคตนั้นจะทำให้ยิ่งมายิ่งแคบ ทำให้ตัวเองถูกครอบจองจำโซ่ตรวน ทำไมจึงได้เป็นลักษณะนั้น

มากล่าวถึงเกี่ยวกับผู้ชายวัย 37 ปี เขาไม่เหมาะที่จะเป็นละครหุ่นพิมพ์ต้นแบบที่แท้จริง หรือไม่ก็เพราะว่าเขาได้คิด ต้องตีบทแตกของตัวเองให้ได้ หรือไม่ก็เพราะว่าเขายังไม่พอใจสถานการณ์ปัจจุบัน ท้าทายกับตัวเอง พวกเราจึงจะ 10 หรือ 20 ปีมา ที่ผ่านๆมายังรักชอบเขา โฝงเสี่ยวกาง กล่าวว่า เขาอยู่ในเรื่อง (เฟินเซิน) แสดงเป็นหุ่นพิมพ์ต้นแบบ “แตกปริแล้วเปลี่ยน” เป็นผู้มีพลัง ดังนั้น เขาได้อาศัยบทแสดง ไป๋เสี่ยวเหนียน จึงได้รับรางวัลช่อดอกไม้ผู้แสดงประกอบฝ่ายชายยอดเยี่ยม ไก่ทองคำรุ่นที่ 19 นี่เป็นการยืนยันกำลังพลังจากหนังเรื่อง (เฟินเซิน) ถึงเรื่อง (Lost In Panic Room) จากหนังเรื่อง (A Singing Fairy ) ถึงเรื่อง (คังติ้งฉิงเกอ-A Tibetan Love Song  )

ศิลปการแสดงยิ่งเห็นยิ่งชำนาญ ทำให้ทุกๆสายตาจ้องมอง คุณสามารถดูออกเรื่อง ((เฟินเซิน)) และ ((มี่สื้อ-lost) ล้วนมีจุดสงสัย (สวินเจี่ยหลิวซันเจี่ย-a singing fairy) และ (คังติ้งฉิงเกอ) หลักใหญ่ล้วนเป็นภาพยนตร์ทำนองเพลง


การแสดง (คังติ้งฉิงเกอ) ยิ่งทำให้เขาลืมยาก เพราะว่าทุกๆวันกองถ่ายหนังได้ถ่ายหนังอยู่พื้นที่เขต คังปา มณฑล สื้อชวง (แสฉวง) เขตพื้นที่คังปามีระดับทะเลความสูงเฉลี่ยแล้ว 3000 เมตรขึ้นไป เพราะฉะนั้นทีมงานมากมายมีผลสะท้อนอยู่บนที่ราบสูง พอดี โหย่วเผิง ก็ตัวร้อนเป็นหวัด ดังนั้นทุกวันสับสนไปมา ถ่ายหนังครั้งหนึ่งเกือบจะถูกหินก้อนใหญ่ทับทำร้าย ฟังแล้วก็รู้สึกร้อนอกร้อนใจ


เขตคังในหนึ่งวันปานั้นมี 4 ฤดู เดี๋ยวก็หิมะลงเดี๋ยวก็ฝนตก ไม่มีทางทราบภูมิอากาศล่วงหน้า ทำให้ทีมงานละครยิ่งเพิ่มลำบากมากขึ้น ฉันไปโรงหนังเคยดู (คังติ้งฉิงเกอ) หนังรอบแรกก็มีผู้ชมเทน้ำเทท่า เดิมทีคือทีมงานละครออกแบบ ต่อมาจึงรู้ว่าหิมะลงจริงๆ ครั้งนี้คิดไม่ถึงประสบการณ์การแสดงลำบากมาก จึงกลายเป็นนักแสดง ซูรางวัลตุ๊กตาทองของพวกเรา


วันที่ 7 ธันวาคม ในงานเทศกาลภาพยนตร์มาเก๊า ครั้งที่ 2 โหย่วเผิง อาศัย เรื่อง (คังติ้งฉิงเกอ) แสดงเป็น หลี่ซูเจี๋ย บทหนึ่งจึงได้รับรางวัลนักแสดงฝ่ายชายยอดเยี่ยม นี่คือ โหย่วเผิง ตัวเองล้วนไม่เคยทราบล่วงหน้าเลย แน่ละ ครึ่งวันก่อนของงานภาพยนตร์มหาวิทยาลัยนักศึกษา โหย่วเผิงอาศัยในบทบาทเรื่อง (มี่สื้อจือปู้เข่อเก้าเหริน-Lost In Panic Room) ได้รับรางวัลนักแสดงฝ่ายชายค่านิยมสูงสุด ปีนี้ โหย่วเผิงยังคงได้รับค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ หรือเพราะว่าคือปีขาล แรงเสน่ห์ของพยัคฆ์น้อย(ไกวๆหู่)ไม่สามารถต้านทานได้ เหมือนเสือติดปีกมังกรเหินฟ้า



คมดาบกายสิทธิ์ได้ถูกลับเสมอ ดอกเหมยหอมหวนอาศัยความหนาวเย็นได้มาอย่างลำบาก ความสำเร็จไม่มีใครจะราบรื่นสมหวังมาตลอด โหย่วเผิง ก็เป็นบุคคลเช่นนั้น เขาเคยผ่านเวลาวิกฤตเกือบจะล้มละลาย และเคยอยู่ต่างประเทศล้มป่วยลงน่าถอนหายใจ เขาเคยผ่านการหยุดเรียนของการกดดันวิจารณ์ ก็เคยผ่านความรุ่งเรืองบนเวที เริ่มใหม่ยืนอยู่บนเวที เขาเข้าใจเพลงนั้นของ ((เจินสี) รักและถนอม ยิ่งรู้ความหมายอย่างลึกซึ้งของตัวเอง เขาจะทะนุถนอมโอกาสบนเวที ก็จะทะนุถนอมทุกบทบาท ตั้งใจมุ่งมั่นแสดง เขาจะเงียบขรึมทำการกุศล หวังว่าบริจาคประถมศึกษา ให้เด็กๆซื้อของใช้ฝึกฝนและของใช้พลศึกษา นำพาพวกเด็กๆทำการละเล่นหรือเล่นเกมส์ เรียกพวกเขาร้องเพลง


เขากล่าวว่า ผู้ให้คือดีกว่าผู้รับถือเรื่องเป็นผู้มีบุญกุศล ทำใจดีต่อคนเบื้องล่าง เขาก็กล่าวว่า เรื่องความไม่แน่นอนคือโชคดี เขายังกล่าวว่า ความล้มเหลวไม่มีการยืนหยัดถึงที่สุด ก็ไม่มีครึ่งทางความสำเร็จก็ล้มเลิก“เวลาเดือนปีกล่าวได้ว่าการลงนามสัญญาและเก็บภาพล้วนจะถูกลบลืมเลือน ใครไม่เรียนไม่เสียน้ำตาผู้นั้นก็คือบุคคลโง่ นี่คือเนื้อหาใน (กู้สื้อ) นิยาย ผลงานประพันธ์ (ครูหลี่จือเหิน) คือผู้มีพระคุณครูบาอาจารย์ของ ซูโหย่วเผิง ฉันคิดว่า โหย่วเผิง ต้องเข้าใจคำพูดเหล่านี้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้น เขาเข้าใจกายยืนหยัดตำแหน่งของตัวเอง ก็เข้าใจว่าหนทางอนาคตจะก้าวเดินอย่างไรเช่นกัน





46

9 ธันวาคม 2010 ในหนึ่งปี ซูโหย่วเผิง อาศัยอะไรจึงได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง 3 ครั้ง

สิ่งของมีการเก็บเกี่ยวช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ผลิ แล้วคนละ ก็มีการเก็บเกี่ยวฤดูหนาว ปลายปีก็มาถึง ร่าเริงยินดีคึกคัก มากล่าวเกี่ยวกับตัวบุคคล ปลายปีการทำงานมากที่สุดยังต้องสรุปยอดความหวังและเหลียวหลังดู ดาราเช่นเดียวกันก็ไม่ยกเว้น ปลายปีเหลียวหลังดูดูรางวัลรายการมากมายมาแจกจ่ายและสรุปยอด ก็ต้องมีบางคนสุขบางคนทุกข์ ใช่แล้ววันนี้ต้องกล่าวถึง ดารา ซูโหย่วเผิง ร่าเริงมากกว่าความทุกข์อย่างแน่นอน เพราะว่าปีนี้ ซูโหย่วเผิงได้กวาดรางวัลแสดงชายยอดเยี่ยมหมดเรียบ ก็แค่รางวัลรายการอย่างเดียวก็ได้เชิดหน้าชูตาแล้ว

มากล่าวถึงเป็นบุคคลธรรมดาคนหนึ่ง ก็คือท่านผู้ชมที่ยังสนใจ ซูโหย่วเผิง มาโดยตลอด ในเรื่องส่วนตัวได้สนใจข่าวสถานการณ์เล็กๆน้อยๆของดาราโดดเด่นท่านนี้แล้วสรุปยอดในการกระทำส่วนตัว ไม่สามารถห่างจากอักษร 4 คำ คือ

“เปี้ยน” - เปลี่ยนแปลง

“หั่ว” - ไฟ

“เล่ย” - น้ำตา

“สี่” - ดีใจ


4 ส่วนนี้ เป็นองค์ประกอบขึ้นให้ ซูโหย่วเผิง ได้มีธุรกิจการแสดงที่ไม่ธรรมดา ทำไมจึงใช้อักษร 4 คำนี้มาสรุปยอดธุรกิจของ ซูโหย่วเผิง เพียงแต่เป็นคำกล่าวของตระกูลบ้านหนึ่ง วุ้นเส้นอย่าตี เห็นแก่แขกผู้มาเยือนจึงให้อภัย

พูดก่อน “เปี้ยน” - เปลี่ยนแปลง จริงๆต้องกล่าวคำเปลี่ยนแปลง ก็เพราะควรเอ่ยถึงปีที่แล้วหนังเรื่อง The Message   ซูโหย่วเผิงได้เปลี่ยนรูปโฉมครั้งใหญ่ โดยหุ่นต้นแบบพระเอกแปลงร่างกลายเป็นตัวละครร้องเพลง แล้วเหวี่ยงรูปร่างอรชรอ่อนช้อยทิ้ง เปลี่ยนเล่นแสดงหนังจอโรงรูปแบบสง่างาม นี้คือการลอกคราบของธุรกิจการแสดง ซูโหย่วเผิง แปลงโฉมการกระทำถึงสุดยอด ก็คือการแสดงอาชีพบนป้ายศิลารายทาง จากนี้มาดู ซูโหย่วเผิง เริ่มแรกได้เอาหุ่นพิมพ์ต้นแบบห่อหุ้มไว้ลืมไปเลย เขาได้เสร็จสิ้นการบินก้าวกระโดดธาตุแท้การแสดงท่านหนึ่ง เรื่องธรรมดาในปีนี้บทบาทผลงานหลายเรื่องของเขาแตกต่างกันไป ทั้งดีใจตกใจแบบไม่ขาดสาย


นี่ก็ขยายความถึง “หั่ว” - ไฟ ในปีนี้ ซูโหย่วเผิง มีหนัง 4 เรื่องต้องเป็นพระเอกหนังอย่างแน่นอนออกฉาย แบ่งเป็น


(สื้อเก้อชิวปี่เท่อ-The four cupids) ในบทผู้ชายกลัวแต่งงาน

(สวินเจ่าหลิวซันเจี่ย- A Singing Fairy) ในบทตามหาทายาทหลิวซานเจี๋ย

(มี่สื้อจือปู้เข่อเก้าเหริน-Lost In Panic Room) ในบทผู้มีวิชาความรู้ประสาทบ๊องๆ

(คังติ้งฉิงเกอ-A Tibetan Love Song) ในบททหารปลดปล่อยเสรีความรักลึกซึ้งแน่นเฟ้น



หนัง 4 เรื่อง 4 อย่างอุปนิสัยต่างกัน นักแสดงชายท่านหนึ่งในหนึ่งปีมีผลงานแสดงติดต่อมิดชิดแน่นๆอย่างนี้ออกฉายโรง นอกเหนือจากกล่าวอย่างชัดเจนว่า ซูโหย่วเผิง ยังมีไฟแล้ว คิดไปได้ถึงคำประโยคอื่นซึ่งได้ส่งมาบรรยายถึงระดับจ้องมองเขา แน่นอน หว่านเมล็ดยิ่งมาก ผลเก็บเกี่ยวจึงสามารถเก็บเกี่ยวมากยิ่งขึ้น

เพราะเหตุนี้ พวกเรามองดู “เล่ย” - น้ำตา ของ ซูโหย่วเผิง ใช่แล้ว ลูกผู้ชายมีน้ำตาอย่าไหลออกง่ายๆ นักแสดงท่านหนึ่งอยู่ต่อหน้าผู้ชมนับล้านอย่างโจ่งแจ้ง แสดงดีใจปลื้มจนน้ำตาไหล เวลานั้น ซูโหย่วเผิง มีความรักใคร่ อารมณ์ความรู้สึกของน้ำตาชนะการยึดถึอคติธรรม เขาร้องไห้แบบสนใจเบื้องหลังจำต้องความทุกข์ออกอีกแจ้งความดีใจของน้ำตา ต้องรู้ว่าเขาแสดงบท “ไป๋เสี่ยวเหนียน” เขาได้ดิ้นรนต่อสู้กับตัวเองตั้งเท่าไร ตระเตรียมฝึกฝนการงานอีกเท่าไร


ปีนั้นเขาได้พลาดโอกาสหลายครั้ง ตัวอย่างเช่นเป็นนักแสดงไต้หวัน จากเริ่มต้นถึงท้ายสุดเขาเห็นความสำคัญของรางวัลม้าทองคำที่พลาดมือไป ทุ่มเทออกมากมาย สวรรค์ตอบสนองประทานคนขยัน ไม่เพียงแต่น้ำตาของ ซูโหย่วเผิง ยังคงเป็นจริงที่ไหลออกมาควรมีคุณค่า นี่ก็ถึงปลายปี


ซูโหย่วเผิง “สี่” - ดีใจ แท้จริงในปีนี้ ซูโหย่วเผิง “ได้รับรางวัลงานภาพยนตร์ช่อดอกไม้ไก่ทองคำรุ่นที่ 19 hunder flowers awards (รางวัลช่อดอกไม้ภาพยนตร์ ต้าโจ้ง (สาธารณะชน) รุ่นที่ 30)”  ก่อนล่วงหน้ารางวัลนักแสดงประกอบฝ่ายชายยอดเยี่ยม เคยได้รับรางวัล 2 ครั้งมาจากภาพยนตร์รางวัลดีเลิศ อีกกรณีหนึ่ง ในเดือน กันยายน เขายังได้รับ “นักแสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยมจากงานภาพยนตร์ ม๋าเก๊า ครั้งที่ 2” เรียกได้ว่าเป็นมงคลใหญ่


กล่าวรายละเอียดในที่นี้ ซูโหย่วเผิง ครั้งนี้ “ รางวัลตุ๊กตาทองนำแสดงฝ่ายชายจากงานเทศกาลภาพยนตร์มาเก๊า” เขาอาศัยภาพยนตร์จังหวะเพลงหนังเรื่อง (คังติ้งฉิงเกอ) แล้วได้ครองมงกุฎรางวัลนักแสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยม ถ้าหากคุณเคยดูหนังเรื่องนี้ คุณจะรู้สึกว่ารางวัลนี้มิใช่ของ ซูโหย่วเผิง แล้วใครจะได้ ความสำเร็จในหนังเขาแต่งตัวเป็นทหารปลดปล่อยเสรีแอบช่วยเหลือคน ซูโหย่วเผิง เข้าใจท่าทางความสง่างามแบบทหารซื่อตรง รวมทั้งใจดีบริสุทธิ์ต่อนางเอก เพราะเหตุนี้แต่แรกจึงมีเทพนิยายความรักตอนหนึ่ง ในหนังไม่ว่า ซูโหย่วเผิง แสดงบทเป็นทหารรับผิดชอบจริงจัง ยังเป็นเรื่องรักแบบรางๆและปกป้องรักจนเกิดรักกัน รวมทั้งสุดท้าย ซูโหย่วเผิง แสดงอย่างหนักแน่นไม่เกียจคร้านทำให้เฝ้ารอคอยอย่างทุกข์ใจจนน้ำตาไหล สามารถกล่าวได้ว่า นี่คือ ซูโหย่วเผิง ใกล้ๆนี้หล่อพิมพ์รูปลักษณ์อย่างสมบูรณ์จนแสดงบทบาทมีสีสันของหนึ่งในนั้น


แน่นอน ไม่ว่าอักษร 4 คำ ได้สรุป ยังเป็นบุคคลหนึ่งได้รับข่าวดีรางวัล “ผู้แสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยม” นี่เป็นเรื่องมากล่าวถึง ซูโหย่วเผิงล้วนเคยผ่านประวัติศาสตร์ทั้งนั้น หรือว่าปีนั้นเขาไม่ได้กระทำอารมณ์แท้จริงสักนิดในรายการ “รางวัลม้าทองคำยอดเยี่ยม”ที่ไม่พึงพอใจ และแล้ว

ต่อมาเป็นการยืนยันฝีมือการแสดงของ ซูโหย่วเผิง ที่ได้ยอมรับของนักศืกษาสายวิชาชีพ มากล่าวเรื่องนักแสดงคนหนึ่ง ขอเพียงแต่ขยัน ทุกสิ่งล้วนสามารถเป็นไปได้ ซูโหย่วเผิง ก็เป็นเช่นนี้ เขาขยันทำดี ไม่ได้ผลเก็บเกี่ยวจึงขยันต่อไป เมื่อมีผลเก็บเกี่ยวแล้ว หัวเราะแล้วร้องไห้แล้วลืมแล้ว หนทางก็ต้องก้าวเดินต่ออีก




47
2010 Alec ทำไม"ครอบงำจิตใจ" กับบทบาทโรคประสาท ?
http://www.chinadaily.com.cn/hqyl/dsoumeirihan/2010-11-22/content_1254568.html


รางวัลช่อดอกไม้ไก่ทองคำครั้งที่ 19(Hundred Flowers Awards)  ซูโหย่วเผิง อาศัยหนังเรื่อง The Messag บทบาท ไป๋เสี่ยวเหนียน ชนะขาดลอย  เซี่ยถิงฟง ฝงเหยี่ยนเจิง เฉินเต้าหมิง เป็นต้น ซึ่งเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ได้รับรางวัลประกอบฝ่ายชายยอดเยี่ยมไปครอง 

ชื่อเสียงเกียรติยศอันนี้ทำให้เขาเป็นที่ยอมรับของมวลชน สู่ความสำเร็จในครั้งนี้  ซึ่งรางวัล Hundred Flowers Awards  เป็นรางวัลแห่งเกียรติยศอีกเวที


เมื่อไม่กี่ปีนี้ จากสัมภาษณ์ ซูโหย่วเผิงได้กล่าวว่า เขาจะลองลิ้นชิมรสบทบาทที่แตกต่างกัน ค้นหาสิ่งใหม่ๆ บทบาทดีๆที่แตกต่างให้ถึงเป้าหมาย แท้จริง ที่แล้วมา ซูโหย่วเผิง ได้แสดงเป็นดาราต้นแบบ(ภาพลักษณ์ดี) เช่นหนังจอมยุทธ์มากมาย แต่ว่าบุคคลในละครเหล่านั้นล้วนสมบูรณ์มากเกินไป มาเทียบเหมือนละครงิ้ว แบบนี้ลงไปนานๆ ไม่เบื่อก็เอียน จากเขาดูๆมา บุคคลธรรมดาในชีวิตจริงๆอีกด้านหนึ่งจึงจะมีแสงตะวัน ก็มีในใจอีกด้านหนึ่งมืดมิด แล้วเลือกบทบาทแบบนี้ยังคงใหม่สด แล้วยังมีใจท้าทายต่อสู้ บนความเป็นจริง ซูโหย่วเผิง ก็ทำตามแบบนี้ ยิ่งบทบาทไม่ใช่ธรรมดายิ่งอยากจะแสดง



หนังเรื่อง The Message แสดงเป็น ไป๋เสี่ยวเหนียน

จอภาพยนตร์  ณ. ปัจจุบันนี้ จอมยุทธ์ผู้กล้า วีรบุรุษ ท่านชายเต็มไปหมดกลายเป็นภัยวิบัติ แต่บทบาทเหล่านี้สดใสเจริญตา ง่ายต่อท่านผู้ชมเบื่อหน่าย  กลับกันบทบาทที่ไม่ใช่ตัวเอก แต่สามารถผลิกคาร์แรกเตอร์ใหม่ๆนี้ เป็นสิ่งที่น่าค้นหา

นักแสดงหลายท่านห่วงใยบทบาทชนิดนี้ให้ตัวเองตีกระทบด้านลบ ยิ่งต้องห่างๆออกไป แต่ว่า ไม่กี่ปีมา ซูโหย่วเผิง ได้รับแสดงบทบาทมิใช่ตัวเอกหลายเรื่อง แล้วยังคงมีโรคทางจิตเยอะมาก เช่น

The Message ตัวแปลกประหลาด “ไป๋เสี่ยวเหนียน”
Re Ai  คลั่งไคล้รัก  ได้เป็นโรคประสาททางจิตตอนวัยหนุ่ม
Lost In Panic Room  นักเขียนนวนิยายชายมีบ้านที่มีข้าวของไม่เรียบร้อย อื่นๆ

และแล้วเขาชอบความสุขแบบนี้ไม่ใช่แบบนั้น เวลาถ่ายหนังเรื่อง re ai ซูโหย่วเผิง เคยเปิดอกพูด ผมมีใจเจตนาทำ ขณะเวลาเริ่มแรกแสดงหนังเรื่องนี้ เพราะว่าเจาะเข้าหนังลึกเกินไป เขาเกือบทำให้ตัวเองเป็นบ้า คุยถึงแสดงรับเชิญในหนังเรื่อง (อ้ายฉิงจั่วอิ้ว-Fit Lover ) ความรักบริวาร “เลือกความสวยเด่นจนคลุ้มคลั่ง” เล่นบทบาทแบบนี้ เหมือนมนุษย์ฟ้าเปรี้ยง ซูโหย่วเผิงเรียกเขาว่า “แบบไม่หยุดเหมือนมนุษย์ฟ้าเปรี้ยง” ปล่อยให้คนคิดไม่ออก หลายคนแย่งกันแสดงบทบาทตัวเอก มี ซูโหย่วเผิง ผู้เดียวเลือกผลงานแบบมือเหมือนถูกของร้อน (คงประมาณ ไม่ชอบบทดีๆ แต่อยากได้รับบทที่โหดเลวดี)



องค์หญิงกะมะลอ, ดาบมังกรหยก เป็นได้ออกฉายละครแบบสดๆร้อนๆ ปล่อยให้ ซูโหย่วเผิง ดำเนินโด่งดังต่อไป ไม่เพียงแต่ว่า ซูโหย่วเผิง พลิกรูปลักษณะกลับด้านแสดงบทบาทมิใช่ตัวเอก สาเหตุก็คือ เมื่อก่อนเคยแสดงบทบาทเยอะแยะ เช่นจอมยุทธ์ ตัวเอกคนดีมีใจรักแบบลึกซึ้ง ไม่เพียงแต่ว่า ล้วนแต่แยกออกห่างวงล้อมตัวเอกไม่ได้ บทบาทเหมือนตะวันวิ่งฟ้าเปรี้ยงของวันนี้ นักแสดงอยากจะพัฒนา จำต้องเดินเส้นทางอีกสายหนึ่งไม่ใช่เส้นหนทางตัวเอก ทำจนตัวของตัวเองพลิกกลับไปกลับมา ผู้มีโรคทางจิต ก็คือบทบาทพิเศษคนหนึ่ง ต้องแสดงจิตใจเหมือนรูปแบบลักษณะเหมือนมิใช่เรื่องง่าย หลังจาก ซูโหย่วเผิง เข้าถึงความสำเร็จแสดงบท ไป๋เสี่ยวเหนียนแล้ว ยิ่งเพิ่มความแน่ใจแล้ว

เขาตัดสินใจไม่ใช่แสดงบทบาทตัวเอก ตัวเขาเองจึงเลือก “ถูกทางแล้ว” ไป๋เสี่ยวเหนียน บทบาทนี้รอคอยมานานแล้ว อีกทั้งเขาไม่ชอบบทบาทซ้ำไปซ้ำมา เห็นว่าการทำซ้ำไม่มีความหมาย ควรทำเปลี่ยนแปลง เรื่องทำไม “ใจกระตือรือร้น” บทบาทโรคประสาท ซูโหย่วเผิงกล่าวว่า จริงๆทุกคนล้วนมีธาตุจิตด้านหนึ่ง ผมจะต้องสนใจระวังเจาะขุดลึกๆอีกหน่อย




หนังเรื่อง Re Ai คลั่งไคล้รัก แสดงบท ซูหมิงเทา

ตั้งแต่ “วงเสี่ยวหู่ตุ้ย” เข้าสู่วงการจนถึงปัจจุบัน ซูโหย่วเผิง ได้รางวัลนับไม่ถ้วน แรกเริ่ม ล้วนได้รับรายการรางวัลด้านดนตรีมากมาย ต่อมาอยู่วงการทีวีค่อนข้างเยอะ

เช่น “นักแสดงยอดเยี่ยม 10 ท่านหนังละครทีวีแห่งปี”
“นักแสดงชายหนังละครท่าทางสง่าที่สุด”
“รางวัลบินก้าวกระโดดที่สุด”

รายการรางวัลต่างเป็นต้น ณ . ตอนนี้ ซูโหย่วเผิงได้เปรียบเทียบ ชอบแสดงหนังใหญ่(จอเงิน) มากกว่า  เรื่องภาพยนตร์มีความสนุกชื่นชอบเป็นพิเศษ ผมรู้สึกว่าภาพยนตร์เป็นศิลปะนักแสดงในเรื่องอาชีพหนึ่ง ต้องแสดงให้ดีมิใช่ง่ายๆ ไม่กี่ปีมานี้ เขาทำลายทะลุเป้าเอกลักษณ์อย่างไม่ขาดสายเพื่อต้อนรับการท้าทายต่อสู้ ความห่วงใยถูกกำหนดลักษณะเป็นพี่ชายเพื่อนบ้านของนักโฆษณา แสดงบทโรคประสาทก็ดี แสดงมิใช่ตัวเอกก็ดี ที่จริงในที่สุดเขาคิดอยากเป็นพรรคผู้มีจอมพลัง

ผมหวังว่าสามารถอยู่ในการฝึกฝนเรียนรู้มาโดยตลอด ก้าวหน้าต่อไปโดยตลอด ขณะนั้น เพื่อถ่ายภาพยนตร์ให้ดีขึ้นเรื่อง  Re Ai  ในหนังโรคประสาท ซูหมิงเทา เขาเจาะจงเดินทางไปโรงพยาบาลบ้าสัมผัสชีวิตจริงๆ กับผู้เป็นโรคประสาทเข้าสัมผัสอย่างใกล้ชิด ระหว่างจอเงินและจอแก้ว ซูโหย่วเผิงเปรียบเทียบโน้มเอียงไปสู่คนรุ่นหลัง ได้ปรับปรุงมา 2 ปี ฝึกฝนเรียนรู้ เคล็บลับใหม่

ซูโหย่วเผิงได้แสดงหนัง Lost In Panic Room แสดงบทเป็นนักนวนิยายชาย

อยู่วงเสี่ยวหู่ตุ้ยต้องต่อสู้ดิ้นรนมากว่า 20 ปี ซูโหย่วเผิงก็นับว่าเป็นดาราชายที่มียี่ห้อเก่าแก่ เพียงแต่มีใครบ้างที่รู้ จากปีนั้นถูกตั้งได้รับตำแหน่งคนดีเชื่อฟัง แล้วในที่สุดอยากเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านั้นกลายเป็นคนใหม่ (อยากทำในสิ่งที่ตัวเองค้นหา) หลายปีนี้ทำไมลำบากและยาวนานทุกก้าวได้โตขึ้น แล้วตอนนี้ การชิงดีชิงเด่นในวงการเพลงกลายเป็นอดีตไปแล้ว

วงการภาพยนตร์เป็นทิศทางเดินปัจจุบันต่อไปไม่สิ้นสุด  Hundred Flowers Awards  ครั้งนี้ได้รับการตัดสินนักแสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยม ธุรกิจนักแสดง ซูโหย่วเผิง ก็คือคนนักแสดงคนใหม่ที่วงการภาพยนตร์จะต้องจารึกไว้บน แผ่นฟิล์ม




48
Interviews & Video Clips / 2010 Five Star Night Talk
« เมื่อ: ธันวาคม 29, 2010, 05:45:17 AM »
<a href="http://www.tudou.com/v/t08CtWDefLY/&amp;resourceId=0_04_05_99/v.swf" target="_blank" class="new_win">http://www.tudou.com/v/t08CtWDefLY/&amp;resourceId=0_04_05_99/v.swf</a>

รายการ Five Star Night Talk

บันทึกเทป :  17 มีนา 2010

ออกอากาศ ; 15 ก.ค.2010
 

สถานีโทรทัศน์ช่อง BTV 北京



49
  ซูโหย่วเผิง   จิตเดิมมีใจเมตตาเป็นนักการกุศล

30 - เมษายน - 2010

http://finance.ifeng.com/money/wealth/star/20100429/2125925.shtml
http://www.time-weekly.com/story/2010-04-29/106805.html




         เด็กผู้ชายคนนั้นได้ค่อยๆ เดิน ค่อยๆไปไกล   “เสี่ยวหู่ตุ้ย” เมื่อก่อตั้งปี 1988 เขาอายุยังน้อย   อายุ 15 ปี    ในราตรีฤดูใบไม้ผลิปีนี้(เทศกาลตรุษจีน)หวนกลับสู่เวทีขณะนั้น   พวกเรารู้สึกตื้นตันใจ “ผู้ชายอายุ 40”

       สำหรับความทรงจำของพวกเราที่มีต่อเขาภายใต้เวทีนี้   เสือเชื่อฟัง,  องค์ชายห้า ,  เตียบ่อกี้ ,  ไป๋เสี่ยวเหนียน . ได้มีชีวิตชีวา   กระโดดโลดเต้น   แสดงเหมือนจริง   สะกดผู้คน   ต่อมา  เขาต้องการให้พวกเราลืมทีละเรื่อง   เพราะท้ายสุดให้มีแต่ชื่อของเขา  “ซูโหย่วเผิง”  

         บัดนี้ เขา ได้เริ่มถอดรูปแบบพระเอกสดใสแสนดีออกแล้ว   ในสายตามีความเชื่อมั่นและแน่ใจมากกว่าหนึ่งส่วน    รอยยื้มบนใบหน้ามีจืดชืดและเวิ้งว้างมากกว่าหน่อย   เสียงมีสภาพการณ์เปลี่ยนแปลงไปและนุ่มนวลหน่อยๆ

       วัยรุ่นกล้าท้าทวนความฝันสิ่งนี้    นักสร้างกุศลจิตเดิมมีใจเมตตา   เวลานี้ยังคงเป็นนักท่องเที่ยวที่เด่นสง่า    มีหลักอันครบถ้วนสมบูรณ์ของนักแสดง







        อ่านประวัติของเขา   พวกเราได้เข้าอกเข้าใจหรือไม่.......มีสิ่งของสิ่งหนึ่ง  เรียก ซูโหย่วเผิง

    “ เชื่อง “   ก็คือฝึกฝนขัดเกลา

    “นานมาแล้วผมไม่มีแบบ  ต้นแบบวัยรุ่น  อยู่บนเวทีต้องหล่อเท่ “    เมื่อนักข่าวสัมภาษณ์  (จากหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ยุคทันสมัย-บอกกล่าวเพื่อสุขภาพ )  ซูโหย่วเผิง  ก็เปิดอกพูดความรู้สึกที่ได้รับในราตรีฤดูใบไม้ผลินี้(เทศกาลตรุษจีน)

“เสี่ยวหู่ตุ้ย” ขึ้นเวทีโชว์ตัวจรัสจ้าในราตรีฤดูใบไม้ผลิปีนี้(เทศกาลตรุษจีน)    พวกเขาทั้งร้องทั้งเต้น    ผู้ชมในเวทีก็คล้อยตามแบบกระโดดโลดเต้นขึ้นมา    ดึงดูดทั้งเวทีร่วมร้องเพลงอย่างเอิกเกริกโกลาหล   ยิ่งมีผู้คนปิติยินดีจนน้ำตาไหล

        ใช่แล้ว    ไม่มีใครสามารถหยิบเอาความทรงจำมาแทนที่ “เสี่ยวหู่ตุ้ย” ใน ช่วงเวลาวัยหนุ่มตอนนั้น    พูดแบบไม่ไว้หน้า   นั่นเกือบจะไม่มีคู่ต่อสู้ของช่วงเวลาวัยหนุ่ม     นิยายของการฝึกฝนขัดเกลาเงาคุณผมร่วมรู้กันแล้ว
       
         เกี่ยวกับการซ้อมแสดงรวมตัวกันครั้งนี้   lซูโหย่วเผิง เปิดอกบอกกับ เฉิน ว่า   พอเริ่มก็รู้สึกแปลกถิ่น   เวลา 10 กว่าปีในที่สุดทั้ง 3 คนเจอหน้ากันน้อยมาก   ปกติเพียงแต่บังเอิญ   ติดต่อข้อความสั้นๆ   แต่ว่าพอดนตรีดังขึ้น   ความรู้สึกเหล่านั้นก็หวนกลับคืนมา   เช่นเดียวกับท่านผู้ชม   เขาคลับคล้ายหล่นเข้าไปในอุโมงค์

       เริ่มแรกการซ้อมแสดง   มีเรื่องหนึ่งสอดแทรกเข้ามา  เมื่อดูจากชื่อเสียงของภาพรวมของซูโหย่วเผิง    สถานีโทรทัศน์ยางซื่อ  จึงได้ยื่นข้อเสนอให้เขายืนอยู่ตรงกลาง   แต่ถูกทางบริษัทตัวแทนปฎิเสธอย่างสิ้นเชิงทันที   เพราะ “ เอกลักษณ์ความคลาสสิคของ “เสี่ยวหู่ตุ้ย” จริงๆ เรื่องนี้ไม่ต้องปรึกษาหารือเลย   ย่อมต้องดำรงรักษารูปแบบเดิมไว้”

       พลิกโฉมดูรูปถ่าย“เสี่ยวหู่ตุ้ย” ในปีนั้น   หลายคนจำได้รูปลักษณะ”เสือเชื่อฟัง”  อันบริสุทธิ์ใน “เสี่ยวหู่ตุ้ย” ของ ซูโหย่วเผิง ยังคงเหมือนเดิม   ใบหน้าหล่อคมเหมือนแสงจรัสจ้า   อุปนิสัยฉลาดว่องไวสดใส   ลักษณะท่าทางอ่อนโยนสุภาพ   ไม่อายเลย เป็นนักเรียนซึ่งมาจากโรงเรียน ม. ปลายเจี้ยงจงกับมหาวิทยาลัยไต้หวัน
     








       
.......แต่ว่า   “เสือเชื่อฟัง”   ให้กระเป๋าใบใหญ่มากแก่ผม   ทุกคนต่างหวังว่าได้เห็นทั้งเล่นแสดงบนเวทีได้   ทั้งเรียนหนังสือเก่งของ ซูโหย่วเผิง………….

        ได้เขียนหนังสือเบื้องหลังและเรื่องราวของ เสี่ยวหู่ตุ้ย 3 คน โดยอดีตผู้จัดการศิลปินผู้ทรงคุณวุฒิอันล้ำลึกแห่งไต้หวัน คุณซ่งเหวินซ่าน  ระยะใกล้ๆ นี้ออกหนังสือเปิดเผยว่า.....ปีนั้นเนื่องจาก ซูโหย่วเผิงยอดกตัญญู   ทางบ้านเข้มงวด   การเรียนการบ้านหนักมาก   รายการแสดงมากมายเพียงแต่มองเห็น อู๋ฉีหลง    เฉินจื้อเผิงทั้ง 2 เสือ   ดังนั้นบริษัทคิดดูแล้วเอา ซูโหย่วเผิง เปลี่ยนตัวออกไป    จากนั้นต่อมาเอาตัวสำรองที่เลือกเรียบร้อยแล้ว   

“ผมไม่ต้องการถอนตัวออก”   ซูโหย่วเผิง   อดกลั้นน้ำตาซึมในขอบตา   ในตากระพริบน้ำตานั้นได้กลิ้งไปมา   “การเรียนของผม  ตัวผมเอง  ขอแบกรับเอง    ลำบากแค่ไหนผมคนเดียวรับผิดชอบไหว”


       เมื่อแรงกดดันธุรกิจและการเรียนหนักหน่วง   ซูโหย่วเผิง ไม่รู้สึกเจ็บปวด    เจ็บปวดจริงๆ คือมาจากความเศร้าสลดทางใจ......ต้นแบบที่เข้าสู่วงการมา 6 ปีคนหนึ่ง   ความรู้สึกสดชื่นของเขาไม่มีแล้ว   อนาคตจะทำอะไรหนอ   เพื่อปลดปล่อยตัวเอง   ค้นหาทิศทางอนาคต   ซูโหย่วเผิง ตัดสินใจตัดขาดธุรกิจการแสดงร้องเพลงซึ่งเจริญรุ่งเรืองอยู่   เพียงตัวคนเดียวไปศึกษาต่อที่อังกฤษ   เพราะไปศึกษาต่อที่เมืองนอกเป็นความใฝ่ฝันของเขา   เขาย่อมเป็นเช่นนี้กล้าไปไล่ตามความใฝ่ฝัน










50
Stage Play / ปฐมบทแห่งศิลปะการแสดง
« เมื่อ: ธันวาคม 11, 2010, 11:54:02 AM »
Thanks, http://tieba.baidu.com/f?kz=789239457

Scent Of Love...Scent of Chrysanthemum









51
หยิบบทความดีเลิศให้แก่ญาติพี่น้องมิตรสหายแบ่งปันรับรู้

21 - เมษายน - 2010


นักเรียนคนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ไทเป  ผลคะแนนการเรียนดีเด่น  แต่ด้านมนุษย์สัมพันธ์แล้วเป็นนักเรียนอย่างไงๆอยู่

ตั้งแต่เล็กเขาก็คือแก้วตาดวงใจของคนในบ้าน   คุณพ่อรักมาก   คุณแม่เอ็นดู
 
       แต่ว่ามีบางเรื่องเป็นรอยประทับที่ไม่สามารถลบออกได้ ยังอยู่ในสมองของนักเรียนมัธยมต้นคนนี้ 






 
       เขามีน้องชายคนหนึ่งอายุน้อยกว่าเขา 6 ปี   น้องชายมีขื่อว่า โหย่วเหวิน    ชื่อเล่น ซืออี้    พ่อแม่คาดหวังว่าน้องชายของเขาด้านวิชาการสามารถก้าวหน้าขึ้นไปอีกหนึ่งชั้น
   
      ในบ้านของเขามีทั้งหมด 4 คน   คุณพ่อ  คุณแม่  น้องชาย   และตัวเขา

     เนื่องจากเด็กคนหนึ่งมีอายุ 15 ปี  ใครจะรู้ว่าอนาคตอีกไม่นาน   ในชีวิตของเขาได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่    แต่ว่าบางเรื่องรู้แล้วก็ใช่ว่าคือ ความโชคดี   เส้นทางข้างหน้า คือ ดีหรือร้ายล้วนไม่มีใครรู้

       ตอนที่เขาจบมัธยมต้น   เห็นในทีวีช่องสถานีโทรทัศน์หัวซื่อ รับสมัครผู้ช่วยพิธีกร   จึงเกิดความสนใจ
เขาบอกกับคุณแม่ว่า   เขาอยากไปสมัคร
 
        แต่แล้ว   เนื่องจากประสบการณ์การทำงานก็ไม่มี   เขาไม่รู้จะกรอกใบเรื่องประวัติอย่างไง  ได้ให้คุณแม่ในฐานะเป็นครูช่วยเหลือเขา   อีกทั้งยังต้องปิดบังคุณพ่อไว้   เพราะยังไม่มีประสบการณ์ในเรื่อง การงาน  ซึ่งคุณแม่ก็ได้มาช่วยดูตรงจุดนี้ รวมทั้งยังช่วยปิดบังไม่ให้คุณพ่อรู้เรื่องการสมัครนี้

         คุณแม่นั้น  นับแต่ให้กำเนิดเขาออกมาแล้วก็ไม่ได้ไปทำงาน   อยู่แต่ในบ้านเป็นแม่บ้านที่ดีดูแลเอาใจใส่เลี้ยงลูก   ดูแลเอาใจใส่ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้าน   และคนในบ้านรวมทั้งตัวเขาล้วนไม่ชอบเก็บกวาด   แต่ว่าคนที่เหมาะอยู่ในบ้านคือ ผู้หญิง   เธอสามารถบังคับตัวเองให้ไปทำหน้าที่นี้ได้   นอกจากคุณแม่แล้ว  ไม่มีใครทำงานบ้านได้เลยสักคน

         นับแต่เขาเกิดมา  คุณแม่ได้มาทำหน้าที่แม่บ้านเต็มตัวดูแลเอาใจใส่เขาอย่างใกล้ชิด  รวมทั้งทุกสิ่งทุกอย่างในบ้าน เพราะทุกคนในบ้านรวมทั้งเขาไม่เคยเก็บกวาด   งานนี้เหมาะสำหรับผู้หญิงในบ้าน  เป็นคุณแม่คนเดียวที่ทำหน้าที่นี้

                                                               
   
   

52
ซูโหย่วเผิง  ภาพยนตร์โฆษณาใหม่ล่าสุด

ออกฉายที่สถานีโทรทัศน์ ยางซื่อ และสถานีโทรทัศน์ หูหนาน

15 ม.ค.2010  หนังโฆษณา “ ลี่ยุ่นมี่มี่โต้ว”  ปี 2010 

คือ โอกาสทองทำรายได้ดีมากที่สุด










53


บทความวิพากษ์วิจารณ์ : หอมดอกเบญจมาศ


ฉันดูหอมดอกเบญจมาศ
ได้เห็นข้อความนี้ในคอม เมื่อเปิดออกมาดู ตัวเองกลับตกใจ
คิดไม่ถึงว่าตอนนั้นตัวเองได้เขียนเยอะขนาดนี้ เพียงแต่ไม่ได้เรียบเรียงให้ดีๆ
ส่วนมากเป็นความรู้สึกในที่เกิดเหตุ บ้างอันเป็นการพูดคุยถึงเนื้อหาของละครในคอลัมน์
ดูไปแล้วรู้สึกไม่เป็นระเบียบ อย่างไรก็ตามฉันเองก็รู้สึกว่าได้ใช้เวลาในการเขียนก็ไม่น้อยเหมือนกัน
แต่ยังไม่ได้แถลงการณ์อย่างเป็นจริงเป็นจัง เพราะขณะที่จะเตรียมทำการวิพากษ์วิจารณ์นี้ให้เสร็จนั้น
เป็นช่วงที่ได้รับข่าวว่าคุณแม่ป่วยพอดี หลังจากนั้นแปดเดือน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือดูแลแม่
จนลืมเรื่องนี้สนิทเลย

ตอนนี้จะมาเรียบเรียงมันยากจริงๆ หลายอย่างจำไม่ได้แล้ว จะให้จำการแสดงเล็กน้อยบนเวทีนั้นมันยากมาก

54
การทัศนาจรที่โรแมนติคของคนคนหนึ่ง


บทความ บทบรรยาย ถึงเหตุการณ์ที่ประทับใจ จากการดู "หอมดอกเบญจมาศ"

การทัศนาจรที่โรแมนติคของคนคนหนึ่ง


(1) ระยะห่างของสองจุด


เปิด เครื่องเทป แล้วปรับเสียงให้ดังที่สุด ให้เพลง Helen Reddy ได้ลอยล่องไปมาอีกครั้งหนึ่ง ฉันเหมือนกับว่าได้อยู่ที่ เหม่ยฉี อีกครั้งหนึ่ง เงียบสงบท่ามกลางกลิ่นหอมของดอกเบญจมาศนั้น นี่เป็นการทัศนาจรที่โรแมนติคหอมอีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้กับความฝันอยู่ด้วยกัน มันกลมกลืนกันอย่างสวยงามมาก

มีครั้งแรกมากมาย ขณะที่ได้ก้าวลงจากรถยนต์ในวินาทีแรก ในใจมีความรู้สึกที่แปลก ครั้งแรกที่มาเซี่ยงไฮ้ ครั้งแรกที่ดูละครพูด ครั้งแรกได้อยู่ร่วมกันในเมืองเดียวกันกับโหย่วเผิง ครั้งแรกที่ได้เห็นซูโหย่วเผิงกับตาตัวเอง.....

จากการที่นั่งรถยนต์ ถึงที่หมายเร็วกว่ารถไฟ ฉะนั้นครั้งนี้ก็ได้เลือกที่จะเดินทางกับรถยนต์ ในขณะที่รถยนต์ได้วิ่งสู่ซุปเปอร์ไฮเวย์นั้น ในใจนั้นก็รู้สึกว่ารถยังไม่เคยเลี้ยวซ้ายขวาเลย ครั้งนี้มีความรู้สึกว่า ที่จริงฉันกับซูโหย่วเผิงเป็นจุดสองจุดของเส้นที่มีความห่างกันเท่านั้นเอง ได้มองออกไปเห็นราวกั้นที่ได้ผ่านตาตัวเองไป ฉันรู้ว่า ระยะความห่างนั้นยิ่งอยู่ยิ่งใกล้เข้าทุกที

ขอบคุณ (หอมกลิ่นเบญจมาศ) ให้ฉันได้มุ่งไปสู่ทิศทางของใจตัวเอง...

55
Articles&Interviews[Xiao Hu Dui] / 2010 Yongyuan De Xiao Hu Dui(The Little Tigers's Forever)
« เมื่อ: ตุลาคม 06, 2010, 04:58:37 AM »
ผู้ผลักดันศิลปินมือทอง คือ ผู้เดียวที่ประพันธ์
“เสี่ยวหู่ตุ้ย : เรื่องความสำเร็จ รวมตัว อำลา  ดีใจ  เสียใจ”
อมตะเสี่ยวหู่ตุ้ย


http://www.baansuyoupeng.com/xiao%20hu%20dui_2010%20Yongyuan%20De%20Xiao%20Hu%20Dui.html

http://blog.sina.com.cn/s/blog_65dedaef0100hvhm.html#comment1

http://yule.sohu.com/s2010/djjtxhd/index.shtml

http://tieba.baidu.com/f?kz=722707140

http://www.tianya.cn/publicforum/content/funinfo/1/1736420.shtml

http://www.baansuyoupeng.com/xiao%20hu%20dui_2010%20Yongyuan%20De%20Xiao%20Hu%20Dui.html

เว็บไซต์-บ้านซูโหย่วเผิง

65dedaeft82ad2a8ed50e690.jpg" border="0
65dedaeft82ad2cfb1310690.jpg" border="0
65dedaeft82ad2f585de1690.jpg" border="0
65dedaeft82ad30f8a90b690.jpg" border="0
65dedaeft82ad32ff4cbf690.jpg" border="0
65dedaeft82ad36c06a61690.jpg" border="0
65dedaeft82ad3828b29c690.jpg" border="0

56
บทสัมภาษณ์ในนิตยสาร ฉบับวันที่ 29 พ.ย. 2003 



"โหย่วเผิงได้เขียนหนังสือเล่าถึงเรื่องราวอดีต ปีนั้นเกือนจะไปตายต่างแดน"




โอกาสที่ได้พบโหย่วเผิงนั้นไม่บ่อยนัก

แต่ว่าครั้งนี้พิเศษหน่อย ไม่ใช่เป็นเรื่องการแสดงหรือการร้องเพลงของเขา แต่เป็นหนังสือ “ชิงชุนเตอฉางสั่ว- วันเวลาสมัยวัยหนุ่ม” ที่เขาเขียน หนังสือเล่มนี้ได้หวนถึงสุขทุกข์ในอดีตสมัยเป็นนักเรียนของโหย่วเผิง การเขียนนั้นน่าตื่นเต้นมากๆ และด้วยเหตุเพราะหนังสือเล่มนี้ การสนทนาของผมกับโหย่วเผิงนั้นได้ทะลวงกาลเวลา กลับไปถึงสมัยเรียนและสมัยเสี่ยวหุ่ตุ้ยของเขา

นักข่าว : หนังสือเล่มนี้กับเล่มก่อน (หว่อไจ้เจี้ยนจงเตอยื่อจื่อ)ที่คุณเคยเขียนนั้น เป็นเล่มเดียวกันหรือเปล่า?

โหย่วเผิง : ใช่ แต่เล่มนี้ได้เพิ่มเนื้อหาใหม่ๆ เข้าไปบ้าง  ปีที่แล้วสำนักพิมพ์ของไต้หวันอยากจะพิมพ์อีก  ฉะนั้นคิดถึงในจีนก็อยากจะผลิตและจำหน่ายด้วย  ได้ข่าวว่าในจีนมีของเลียนแบบด้วย  ผมได้กลับไปหาอดีตอาจารย์ที่เจี้ยนจง  พวกเราได้คุยถึงเรื่องต่างๆ มากมาย ล้วนได้เพิ่มเข้าไปในเล่มใหม่นี้  เนื้อหาบางอย่างนั้นฉบับไต้หวันจะไม่มี   ตอนนั้นเวลาที่ได้เขียนหนังสือเป็นช่วงเรียนมหาลัย  ได้เขียนระลึกถึงอดีตสมัยมัธยมของผม

นักข่าว : ทำไมถึงคิดอย่างจะเขียนหนังสือเล่มนี้?

โหย่วเผิง : เป็นการเรียกร้องของสำนักพิมพ์ อาจเป็นเพราะพวกเขาคิดว่าประสบการณ์ในช่วงนั้นของผมนั้น  เป็นประโยชน์ที่จะแบ่งปันให้กับคนอื่น จริงๆ แล้วผมไม่ได้มีความคิดมากมายขนาดนั้น  ผมไม่เคยคิดอยากจะพิมพ์ออกมาอย่างนี้ หรืออยากเป็นนักเขียน แท้จริงความจำผมไม่ดีเลย  เวลาผ่านไปนานก็จะลืมเอง  ยังดีตอนที่พวกเขาให้ผมเขียนนั้นผมเรียนมหาลัยปี 1 หรือปี 2  หากว่าตอนนี้ให้ย้อนคิดนั้นคงจำอะไรไม่ได้เลย

นักข่าว : ช่วงเวลาที่คุณเรียนนั้น อะไรเป็นสิ่งที่สุขที่สุด  กับสิ่งที่ทุกข์ที่สุด?

โหย่วเผิง : ก่อนจะเข้าไปเป็นสมาชิกเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นเป็นเด็กหนอนหนังสือ การเรียนดีมาก มีความสุขในการท้าทายอันดับของห้องเรียน  มีความสุขที่สามารถชนะคนอื่น  ม.4 เมื่อได้เข้าเป็นสมาชิกเสี่ยวหุ่ตุ้ย  การเรียนก็เริ่มถดถอย  นั่นนับว่าเป็นวันแห่งความทุกข์ของผม


คุณพ่อเคยค้านผมเรื่องเข้าวงเสี่ยวหู่ตุ้ย

นักข่าว : การที่คุณแม่สนับสนุนคุณเข้าเสี่ยวหู่ตุ้ย เป็นเพราะนิสัยที่เงียบๆ ของคุณ?

โหย่วเผิง : เพราะว่าผมเป็นหนอนหนังสือ ไม่รู้เลยว่าสังคมข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง จริงๆแล้วสมัยอยู่มัธยมต้น  ก็มีความฝันเป็นดารา ดาราในดวงใจผมคือ มาดอนน่า  ยังมีวงและเหล่าดาราหนุ่มสาวของญี่ปุ่น   ผมก็เลยไปสมัครเป็นผู้ช่วยรายการ  ตอนหลังก็ได้เป็นสมาชิกเสี่ยวหู่ตุ้ย  แต่คุณพ่อได้คัดค้าน  คุณพ่อเป็นหัวอนุรักษ์นิยม  อายที่ผู้ชายจะเอาหน้าตาไปหากิน ท่านคิดว่าลูกเป็นเด็กที่เรียนเก่ง  น่าจะไปสอบเข้าเรียนมหาลัย  คุณแม่เป็นคนความคิดกว้าง ท่านรู้ว่าผมชอบดนตรี  ท่านก็ได้มีเงื่อนไขกับผม  อย่าให้งานมากระทบต่อการเรียน ตอนนั้นมีรายการหนึ่งชื่อว่า “ชิงชุนต้าตุ้ยคั่น”  เวลาของรายการจะอยู่ช่วงเที่ยงวันเสาร์ คุณแม่เป็นคนที่เนียน  ก็ได้คิดวางแผนที่จะดูรายการนี้กับคุณพ่อ แล้วพูดว่า “รายการนี้ไม่เลวเลยนะ ภาพลักษณ์ดีมาก” คุณพ่อก็พยักหน้า จากนั้นดูไปดูไปก็เห็นว่า โอ้ ลูกเราอยู่ตรงนั้น หลังจากนั้นคุณพ่อก็เริ่มเห็นด้วย

นักข่าว : แต่ว่ามันก็กระทบต่อการเรียนคุณนะ

โหย่วเผิง : ใช่ ตอนมัธยมต้นนั้นผมได้ที่ 1 ตลอด น้อยครั้งที่ได้ที่ 2  เมื่อขึ้นมัธยมปลายแล้วน้อยมากที่หลุดพ้นจากอันดับท้ายๆ

นักข่าว : ตอนนั้นดูเหมือนว่าไม่มีเวลาทำการบ้านเลย?

57

5 ก.พ. 2010  โหย่วเผิงเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับเสื้อผ้าบุรุษยี่ห้อ EGOU ซึ่งเป็นสินค้าใหม่

เริ่มจากวัยแตกหนุ่มไกวๆหู่ในเสี่ยวหู่ตุ้ย จนถึงวันนี้ได้กลายเป็นขวัญใจของหญิงสาวนับหมื่นแสน จากสุดหล่อองค์ชายห้าในเรื่อง(องค์หญิงกำมะลอ) ถึงไป๋เสี่ยวเหนียนในเรื่อง(เฟิงเซิง) พวกเราไม่เพียงแต่ชื่นชมยกย่องความขยันพากเพียรในบทต่างๆของโหย่วเผิง จากการเปลี่ยนแปลงบทต่างๆของเขานั้นทำให้เราทั้งหลายเห็นถึงตัวตน ความคิดอุดมคติ และทัศนะที่เฟอร์เฟคของเขา รวมทั้งความสามารถที่การเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวซึ่งเขาเป็นผู้ใหญ่จริงๆ นี่ก็เป็นสิ่งที่ทางยี่ห้อ EGOU ได้มีเงื่อนไขและต้องการให้ทันสมัยกับยุคนี้ สโลแกนของ EGOU คือ  “เลิศล้ำทันสมัย ทะลวงตัวเอง”  ซึ่งเป็นสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายต่างได้มาร่วมงานกันโดยไม่ได้นัดหมายกัน และการเซ็นสัญญาของเขากับทาง EGOU นั้นก็ได้ดำเนินไปด้วยความราบรื่น


บริษัทเสื้อผ้าคังโจวได้มีการเปิดตัวแถลงข่าวอย่างเป็นทางการที่โรงแรมหัวเหม่ย และได้เชิญดารานักแสดงไปร่วมงานเซ็นสัญญานี้ด้วย ทั้งยังได้เชิญพรีเซ็นเตอร์ที่สังกัดยี่ห้อ EGOU มาร่วมงานนี้ด้วย

ในงานแถลงครั้งนี้ โหย่วเผิงได้รับคำถามจากทางสื่อและนักข่าวว่า ทำไมถึงเลือกเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับยี่ห้อEGOU เขาบอกว่าเขาชื่นชอบในยี่ห้อของ EGOU เป็นอย่างมาก ตามที่ทราบมาว่า ปี 2010 เป็นปีแห่งการขยายตัวของเครื่องแต่งกายชาย  EGOU และทางบริษัทก็ได้มีการทุ่มเงินมหาศาลในการขยายงานนี้ และพวกเราล้วนเชื่อมั่นกันว่า ชุดแต่งกายชาย EGOU ที่โหย่วเผิงเป็นพรีเซ็นเตอร์นั้นจะสามารถขยายเป็นที่นิยมของลูกค้าสูงขึ้น และจะนำความตื่นเต้นมาสู่ลูกค้า

58

3 กุมภาพันธ์ 2010  “เสี่ยวหู่ตุ้ยเป็นความภูมิใจของเราในช่วงเวลาหนึ่ง “ โหย่วเผิงได้พูดในเว็ปไซต์

จากสถานีโทรทัศน์ซานตง ทางบริษัทหลงซื่อเทียนเซี่ยได้จัดฉลองเทศกาลตรุษจีน 2010  และจะมีการอัดรายการที่ศูนย์สถานีซานตงในวันที่ 1 ก.พ โหย่วเผิงที่ห่างจากเวทีไปนานก็ได้หวนกลับมาอีกครั้ง ได้ร้องเพลง(เป้ยเปา) (ไต้เจออ้าย) สองเพลงที่เป็นเพลงเก่า และเขาได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ดี สิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่ภาคภูมิใจ หรืออุปสรรค์ ทุกคนล้วนได้เดินเคียงข้างผมมาจนถึงวันนี้ จะขอขอบคุณทุกคนจากใจจริง”

บุคลิกเป็น ไป๋เสี่ยวเหนียน

โหย่วเผิงที่ได้มาร่วมงานในเมื่อวานซืนนั้นดูเขาไม่มีภาพของความหนุ่มอย่างอดีตแล้ว แต่งสูททั้งชุด รองเข้าหนังและเนทไทดำ ดึงความทรงจำของทุกคนไปในตัวของไป๋เสี่ยวเหนียน แม้กระทั่งพิธีกรยังแซวว่าเขามาในภาพของไป๋เสียวเหนียน เรื่องเฟิงเซิงเป็นเรื่องพิสูจน์ฝีมือการแสดงของเขา สำรับเรื่องนั้น ผู้ชมได้ดูแล้วก็มีคำชมต่อเขามากมาย โหย่วเผิงเองก็กล่าวว่า “คิดไม่ถึงเลย”

วันคืนของเสี่ยวหู่ตุ้ย ภาคภูมิใจมาก

ด้ร่วมงานแสดงฉลองตรุษจีนของยางซื่อ ทำให้เสี่ยวหู่ตุ้ยกลายเป็นจุดโฟกัสของทุกคนโดยปริยาย โหย่วเผิงพูดตรงๆว่า “มีข่าวเขียนว่าตอนที่พวกเราเจอกันใหม่ๆนั้นดูเหมือนคนแปลกหน้า มันเป็นไปได้ไง? เสี่ยวหู่ตุ้ยเป็นสิ่งที่เราภาคภูมิใจมาก ปีนี้ทุกคนได้มารวมกัน บางเวลาอาจมีความรู้สึกที่แย้งนิดๆ แต่ขณะที่รวมซ้อมการแสดงนั้นเหมือนเวลากำลังไหลย้อน แต่เมื่อกลับไปถึงที่พักก็มีความรู้สึกปกติ แต่ตอนนี้ผมไม่ใช่ไกวๆหู่ แต่เป็นโหย่วเผิงแล้ว” ตามที่โหย่วเผิงกล่าว ตอนนี้ที่ซ้อมช่วงหนึ่งนั้น แต่ละคนต่างก็กำลังปรับอารมณ์ของตัวเอง อีก 9 วันก็ถึงวันรวมตัวกัน ซ้อมกันแสดง

โหย่วเผิงเปิดเผยว่า ขอเพียงเวลากับโอกาสเหมาะ เสียวหู่ตุ้ยยังจะมีการปรากฏในอีกหลายแง่มุม เพื่อจะสนองความต้องการของแฟนๆ

59


31 มกราคม 2010: ไกวๆหู่ ซูโหย่วเผิง เสน่ห์แห่งประสบการณ์ที่สะสมนับสิบปี

เว็ปจีน : ข่าวจากปิงไห่เกา “เมื่ออ่านข่าวที่สื่อเขียนในแต่ละวันก็เหมือนกับกำลังดูหนังซีรี่ย์ แท้จริงมันก็เป็นเรื่องที่ปกติธรรมดาเอง” ไม่มีใครคิดถึงว่า จากข่าวของสื่อที่ลงอย่างโหมกระหน่ำมากมายในช่วงเทศกาลตรุษจีนของเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้น แต่ทั้งสามกลับมองเป็นเรื่องธรรมดาปกติ

หลังจากที่แยกทางกัน 15 ปี ก็เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว และเสี่ยวหู่ตุ้ยก็ได้มีการรวมตัวกันบนเวทีอีกครั้ง “ทางฉีหลงได้กล่าวว่า หากว่าเวลาและโอกาสเป็นใจ ในคืนแสดงนั้นทุกคนจะเห็นท่าตีลังกาหลังของเขาอีกครั้ง”

ขณะที่เป็นตัวแทนให้สื่อสัมภาษณ์นั้นทางฉีหลงก็ได้พูดไปไม่กี่คำ “คุณก็ทราบ ตอนซ้อมการแสดงนั้นผมเองก็ยังกังวลว่าพวกเรายังจะซี้กันอยู่หรือเปล่า แต่ว่าทันใดที่เสียงดนตรีดังขึ้นมา ผมได้เข้าใจว่า ชั่วชีวิตของผมไม่เคยลืมเนื้อเพลงเหล่านี้เลย”

เรื่องที่เกี่ยวกับจะมีงานโชว์ต่อหลังจากคืนตรุษจีนนั้น ทางฉีหลงกล่าวว่า การรวมตัวครั้งนี้เป็นเพียงให้แฟนๆสัมผัสถึงความอบอุ่นของพวกเรา สำหรับเรื่องอนาคตทั้งสามจะมีการร่วมแสดงบนเวทีพร้อมกันหรือไม่นั้น เหตุที่แต่ละคนก็มีหน้าที่การงาน บวกกับเวลาว่างที่แทบจะหาไม่ได้เลย ทางผมเองก็ไม่กล้าที่จะรับรองว่าจะมี แต่มีสิ่งเดียวที่สามารถยืนยันได้เลยก็คือ รายการในคืนวันตรุษจีนนั้นจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังแน่นอน”

เป็นอย่างนั้นจริงๆ สำหรับความทรงจำที่มีต่อเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้น งานคืนตรุษจีนเป็นเพียงการเริ่มต้นก้าวแรกเท่านั้น  ก็เหมือนกับที่ฉีหลงได้กล่าวไป “หากว่าเป็นไปได้ พวกเราก็ยังหวังว่าหลังปี 90  แล้ว จะขออยู่อีก 20 ปี ไม่รู้จะได้หรือเปล่า?”


โหย่วเผิง : วันเวลาทำให้มีเสน่ห์มากขึ้น

หากจะพูดถึงคนที่ดังต่อเนื่องที่สุดที่หลังจากที่ทั้งสามคนแยกทางกันแล้ว คนนั้นน่าจะเป็นโหย่วเผิง 20 ปีก่อน เขายังเป็นแค่เด็กที่ไร้เดียงสา ไม่มีทุกข์โศก มีชีวิตเด็กหนุ่มที่ไร้ความกังวล 20 ปีผ่านไป ความหล่อที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของเขาในวันนี้ทำให้เราลืมภาพลักษณ์ในอดีตของเขาไปหมดแล้ว ในบรรดาสามคนนั้น เขาเป็นคนหนึ่งที่หลังจากแยกทางแล้วมีหน้าที่การงานที่ราบรื่นที่สุด ไม่กล้าบอกว่าเป็นนักแสดงนัมเบอร์วัน  อาจจะพูดได้ว่าเขาเป็นนักแสดงนัมเบอร์ทรูเลยก็ยังว่าได้ โดยเฉพาะบทของไป๋เสี่ยวเหนียนในเรื่องเฟิงเซิง สามารถพูดได้ว่าเป็นฝีมือประสบการณ์ที่เขาสะสมนานนับสิบปีแล้วมารับเล่นบทนี้ได้อย่างดีมาก

คำพูดที่สำคัญ การจะแสดงบทไป๋เสี่ยวเหนียน ต้องมีประสบการณ์กว่า 10 ปี

ในเส้นทางการแสดงของโหย่วเผิงนั้นนับว่าประสบความสำเร็จ ด้านเพลงดนตรี หลังจากที่ได้บินเดี่ยวหลังปี1993 เขาได้ออกอัลบั้ม(หว่อจื่อเย้าอายหนี่) กับ (เติ่งเต้าน่าอี้เทียน) จากนั้นก็ทะยอยออกอีกหลายอัลบั้มอาทิ  (เจินสี่เตอเป้ยเปา) (ชาจิ่งเอ๋อก็) (เฟิงเซิงหยี่เซิงทิงซูเซิง) (หนี่ไคว้ปู๋ไคว้เล่อ) เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จากผลงานที่โดดเด่นของโหย่วเผิงและฉีหลงทำให้พวกเขาสองคนได้รับฉายา “๔ ราชาน้อย”จากทางจิงเฉิงอู่และหลินจื้อชิง เพื่อจะให้เหมือนกับ “4 ราชาน้อย หรือ 4 จตุรเทพ ฮ่องกง” ของฮ่องกง แต่ตอนนี้เมื่อดูผลงานของพวกเขาแล้ว ตอนนี้น่าจะเป็นเป็น “4 ราชาใหญ่”

อธิบายเพิ่มเติม
4 จตุรเทพน้อยไต้หวัน มี หลินจื้ออิง, ทาเคชิ, อู๋ฉีหลง, ซูโหย่วเผิง



ด้านงานการแสดง : แสดงเพลงก็ได้มีผลงานที่ไม่เลวให้กับทางแฟนเพลงเหมือนกัน เช่น
องค์ชายห้าในเรื่อง องค์หญิงกำมะลอ เขาได้กลายเป็นคนที่ทุกคนต่างรู้จัก
ต่อจากนั้นในบทของ “จิงเหยาจี้” ที่แสดงจากนักร้องเป็นนักแสดง
จากนั้น ได้รับบทของเตียบ่อกี้ในเรื่อง กระบี่ฟ้าดาบมังกร
และซูเสี่ยวหมิงในเรื่องเราสองหัวใจเดียวกัน 
ตู้เฟยในเรื่อง มนต์รักในสายฝน ดูแล้วผลงานการแสดงของเขานั้นไม่น้อยเลยทีเดียวเชียว


จนถึงปี 2009  จากบทไป๋เสี่ยวเหนียนในเรื่องเฟิงเซิงนั้นฝีมือการแสดงของเขาได้รับการยอมรับเป็นอย่างมาก เป็นฝีมือที่ส่ำสมกว่า 10 ปี เขาได้ลบล้างภาพลักษณ์กว่าสิบปีของเขาไปอย่างหมดสิ้น วันนี้ที่ให้เราเห็นคือชายหนุ่มที่หล่อเหลาเป็นผู้ใหญ่ไปแล้ว

คำพูดสำคัญ : ข่าวฉาวเรื่องความรักไม่ค่อยมี เก็บเป็นความลับ

เมื่อเทียบกับความรักที่ร้อนแรงของฉีหลงแล้ว เรื่องราวความรักของโหย่วเผิงนั้นแทบจะไม่มีกลิ่นให้ดมเลย ดาราสาวที่เคยร่วมงานกับโหย่วเผิง เช่น จ้าวเว่ย, หลินซินหยู และไฉ่หลินก็เคยมีข่าวเหมือนกัน แต่จนวันนี้โหย่วเผิงเองก็ไม่รับว่าพวกธอเป็นแฟนกับเขา

ปี 1993 หลังจากที่ถ่ายเรื่ององค์หญิงกำมะลอเสร็จ โหย่วเผิงเคยรับต่อหน้าสื่อว่าจ้าวเว่ยเป็นแฟนสาว ทั้งยังบอกอีกว่า หากจ้าวเว่ยไม่มีแฟนหนุ่ม ตัวเขาจะออกตัวจีบแน่นอน ทำให้คนอื่นหยุดคิดไม่ได้ว่า เป็นจ้าวเว่ยที่ปฏิเสธการจีบของโหย่วเผิงหรือเปล่า หลังจากนั้น โหย่วเผิงก็มาดีกับซินหยู ทั้งยังมีคนเคยเห็นพวกเขาจับมือถือแขนในที่ลับตา แต่ทั้งสองก็ยังปากแข็งบอกว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นแค่เพื่อนที่ดีคนหนึ่ง ในปากของโหย่วเผิง กับจ้าวเว่ยเหมือนเพื่อนเล่นโดยไม่คิดอะไร แต่กับทางซินหยูนั้น เธอไม่ใช่เป็นหญิงที่ทุกคนมองที่สุภาพอ่อนโยน เธอเป็นคนที่มีความคิด อ่อนนอกแข็งใน สามารถเรียกได้ว่าเป็นพี่ได้เลย”

ตอนที่ให้สัมภาษณ์นั้นโหย่วเผิงเคยรับว่ามีแฟนนอกวงการ แต่สุดท้ายเลิกกันเพราะไม่ค่อยมีเวลาให้แก่กัน “ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาให้กับความรัก  ฝ่ายหญิงอยากจะได้รับการใส่ใจดูแลเป็นอย่างมาก ต้องการผมดูเล แต่ผมทำไม่ได้ ผู้หญิงที่ผมเคยชอบ ล้วนเป็นผู้หญิงที่แตกต่างกัน ก็เคยชอบพนักงานสาวของร้านอาหารแห่งหนึ่ง แต่เหตุที่ผมต้องถ่ายละคร กลับไปไม่ได้ เลยทำให้ต้องเลิกกันไป เธอก็นับว่าเป็นคนที่ไม่เลวเลยทีเดียว รอจนผมกลับไปแล้วค่อยบอกเลิกกัน หลังเลิกแล้วค่อยมีรักใหม่” นี่เป็นคำของโหย่วเผิง มีรักหลายครั้ง แต่ที่นานที่สุดก็แค่สองสามปี รักกระท่อนกระแท่น แต่ไม่เคยมีใครมาร่วมอยู่ด้วย


มิถุนายน 2006 โหย่วเผิงได้ไปซื้อของกับสาวนิรนามคนหนึ่งที่ฮ่องกง เมื่อตรวจสอบเบื้องลึกแล้วทราบมาว่า สาวรายนี้ชื่อ เอมมี่ซึ่งเป็นทนายส่วนตัวที่เคยร่วมงานกันมากว่า 5 ปี ตามที่ทราบว่าความรักของพวกเขาได้เริ่มต้นที่โหย่วเผิงถ่ายเรื่อง ฉิงติ้งอ้ายฉิงไห่(รักข้ามขอบฟ้า)  แต่รักครั้งนี้ก็หาจะลงเอ่ยกันได้


คำพูดสำคัญ : การกุศล
ภาพลักษณ์งานการกุศลดีมาก


สิ่งที่โหย่วเผิงแตกต่างจากฉีหลงและจื้อเผิงก็คือหลังจากที่เขาแยกทางกันแล้วก็ได้ร่วมงานกับทางมูลนิธิการกุศล เคยรับตำแหน่งเป็นทูตแห่งการปกป้องเด็กและเยาวชนของฮ่องกงและ ทูตของมูลนิธิเด็กปัญญาอ่อนปักกิ่ง หลายปีมานี้ยังออกงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติต่างๆ งานการกุศล ได้สร้างภาพลักษณ์ตัวอย่างที่ดีให้แก่สังคม

17  กันยายน 2005  โหย่วเผิงได้ร่วมงานกับทางมูลนิธิเยาวชนจีน ได้ก่อตั้งมูลนิธิโหย่วเผิง ในขณเดียวกันทั้งยังได้ร่วมงานกับทางไปรษณีย์โดยการทำสแตมป์ขายกว่าสามพันชุด รายได้ทั้งหมดสมทบทุนมูลนิธิโหย่วเผิง ทั้งยังได้ก่อตั้งโรงเรียนซีว่างโหย่วเผิง


(คำพูดจากใจ) ใครว่าผมปฏิเสธการรวมตัวอีกครั้ง

ขั้นตอนการรวมตัวครั้งนี้ของเสี่ยวหู่ตุ้ย จะมีข่าวเล็กข่าวน้อยตลอดเวลา ข่าวหนึ่งในนั้นคือไม่ค่อยเต็มใจในการรวมตัวกันเท่าไหร่ บอกว่าโหย่วเผิงเป็นคนที่ไม่ค่อยเห็นด้วย สำหรับเรื่องนี้ โหย่วเผิงก็ได้อธิบายผ่านทางผู้จัดการส่วนตัว “ข่าวลือนั้นมีมากจริงๆ เหตุเพราะตอนนั้นสถานียางซื่อได้เสนอมาแค่ความคิดคร่าวๆ ไม่ได้มีรายละเอียดมาด้วย บวกกับทั้งสามคนก็กำลังยุ่งอยู่ ยากที่จะหาเวลามารวมกัน และเหตุผลที่ไม่แน่นอนในตอนแรกก็มีเยอะเหมือนกัน สำหรับโหย่วเผิงนั้น เขานั้นไม่มีความลังเลหรือไม่ยอมใดๆเลย เพราะว่าทุกคนก็รู้ดีว่าคืนตรุษจีนนั้นเป็นคืนแห่งการอวยพร ไม่มีเหตุผลใดๆบอกว่าไม่อยากเข้าร่วม และหากว่าไม่ไปทางแฟนๆก็คงจะผิดหวัง”

ทั้งข่าวที่มีการเสนอบอกว่าตอนที่เสี่ยวหู่ตุ้ยแสดงนั้น ให้ทางโหย่วเผิงที่มีหน้าที่การงานที่โดดเด่นกว่าคนอื่นยืนตรงกลาง ทางผู้จัดการบอกว่าการจัดตำแหน่งนั้นไม่มีความหมาย “ เสี่ยวหู่ตุ้ยเป็นการหวนระลึก เป็นความคลากสิค พวกเขาจะปรากฏในภาพของความทรงจำในอดีต การที่มีข่าวเรื่องตำแหน่งนั้นไร้สาระมากๆ ฉันมองว่าการงานของเขาทั้งสามคนก็ดีด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่มีการพัฒนาที่ต่างกันออกไป ฉีหลงก็เปิดร้านอาหารและธุรกิจเขาก็ดีมาก ทางด้านจื้อเผิงงานละครเวทีของเขาก็แสดงได้ดีมาก ฉันเองก็เคยไปดูมาแล้วสองครั้ง

สำหรับปี 2010  จะมีการทัวร์คอนเสิร์ดในนามของเสี่ยวหู่ตุ้ยหรือเปล่านั้น ทางผู้จัดการบอกว่า “พวกเรายินดีที่จะทำความสุขให้กับทุกคน แต่การจัดคอนเสิร์ดนั้นการสร้างคลากสิกอีกครั้ง ต้องมีเวลาเตรียมการประมาณ 1 ปี และทางพวกเขาสามคนต่างก็เซ็นสัญญากับบริษัทที่ต่างกัน มีตารางเวลาที่ไม่เหมือนกัน ฉะนั้นคอนเสิร์ดทัวร์นั้นดูแล้วอาจเป็นไปได้ยาก หากว่าเป็นงานการกุศล ฉันคิดว่าก็น่าจะเป็นไปได้”


60
Interviews & Video Clips / 2004 Kang Xi Lai Le
« เมื่อ: สิงหาคม 31, 2010, 10:24:29 AM »
Thai Sub

https://www.youtube.com/watch?v=3U0YRlW_heA

康熙來了 2004-05-17 有朋自遠方來 蘇有朋
[Thai Sub] 20040517 รายการ คังซีไหลเล่อ - ซูโหย่วเผิงมาเยี่ยมจากแดนไกล
https://www.youtube.com/watch?v=Wj_blSO9upw

รายการ คังซีไหลเล่อ : 17 พฤษภา 2004
จากสถานีโทรทัศน์ CTI :: จงเทียนจงเหอ :: TV ไต้หวัน
https://www.facebook.com/baansuyoupeng/posts/915329651911213?pnref=story.unseen-section

13726814_915329518577893_4003304006656343435_n.jpg" border="0
13728915_915329548577890_6736818473787091943_n.jpg" border="0
13782131_915329521911226_4537716976865234936_n.jpg" border="0
13782277_915329511911227_3019833708395236356_n.jpg" border="0

หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 7