แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - Alec Love Me

หน้า: 1 ... 18 19 [20] 21
381
Magazine Interviews-China / 2007 Big Star China Autopictorial
« เมื่อ: สิงหาคม 01, 2010, 09:42:43 AM »
Big Star China Autopictorial  7 กรกฏาคม 2007


อายุ 15 , ในวัยที่ทางด้านจิตใจปัญญาที่ยังไม่สมบูรณ์ครบถ้วนก็ได้เข้าสู่จุดสุดยอดของชีวิตก่อน ได้เผชิญวันแห่งความรุ่งโรจน์ด้วยตัวเอง จากนั้นก็เริ่มแสดงแบบเป็นจริงของ(The Truman Show) ไม่ว่าจะเป็นบนเวที่หรือนอกจอ ล้วนชอบสวมหน้ากากไปแสวงหาเลนส์กล้องที่มีทุกหนทุกแห่ง

เขาได้ไว้หนวดคราว เอาผิวตากแดดจนเป็นสีน้ำตาลแก่ เมื่อยิ้มขึ้นมาข้างตาปรากฎลายย่นที่เห็นได้ง่าย ทำให้ใบหน้าอย่างเด็กๆแสดงออกถึงการไม่ประกอบของการที่ได้ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน วัยรุ่นที่คลุมเคลือในอดีตถูกกาลเวลาเปลี่ยนแปลง แต่การเริ่มงอกของความรู้สึกในจิตใจวัยหนุ่มนั้นกลับเข้มแข็งมาตลอด

ปีหนึ่งที่ผ่านไป เขาได้ปฎิเสธสัญญาหนังที่นับไม่ถ้วน ไปแสดงหนังที่รายได้น้อย ให้ตัวเองพักผ่อนอีกเป็นเวลาราวครึ่งปี แล้วกลับต้าจือกงส่อไท่ต้าไปเรียนคอร์ดการออกแบบระยะสั้น ได้วางภาระที่เป็นดาราขวัญใจ เปิดเผยถึงตนเองมีความสัมพันธ์ที่หนักแน่น

ขณะที่ได้ผ่านประสบการณ์ที่ขึ้นลงลอยจมอย่างนั่งในนภากาศ 18 ปี และสภาพจิตใจที่ดีบ้างร้ายบ้าง แห่งวัย 33 ปี .... เริ่มใช้ชีวิตที่ตนเองตามใจปรารถนา


มีให้ถึงได้รับ

สามารถเป็นดาราขวัญใจตั้ง18ปี ไม่ได้พึ่งในรูปโฉม เสียงร้อง หรือบทบาทใดๆ แต่เป็นบุคลิกเสน่ห์ที่ดึงดูดที่เขามีอย่างเหลือล้นอย่างแน่นอน

ดูจากภายนอก เขาเป็นคหบดีที่ไรที่ติ มารยาทดีงาม วาจานอบน้อม แต่ก็ไม่สามารถปิดคลุมความเป็นผู้สู้ศักดิ์ เวลาสัมพาษณ์นั้น ตาจะเพ่งจ้องมาที่คุณ ให้คุณรู้สึกว่าคุณเป็นผู้สำคัญ สิ่งที่ให้คนอื่นฝังใจที่สุดคือ เขายังเป็นผู้ที่คล่องสุดๆ คำพูดที่คล่อง ท่าทางที่คล่อง เหมือนว่าทุกอย่างในตัวนั้นถูกย่อให้กะทะรัด

ซูโหย่วเผิงในตอนนี้ ก็เหมือนเขาได้ขับขี่ความเร็วที่สูงมาก ด้านหนึ่งสืบช่วงความสูงศักดิ์ที่รวดเร็วของภายนอก อีกด้านก็เพียบพร้อมด้วยสมรรถนะที่ว่องไว สามารถข้ามป่าดง ข้ามสายน้ำ ข้ามชุมชน รับการท้าทายแทบทุกลักษณะของภูมิประเทศ ทางภาพลักษณ์แต่กลับไม่มีการเหมือนอย่างการแข่งรถเร็วที่ต้องใช้แรงมาก แสดงออกถึงท่วงทำนองอย่างชายผู้จิตแข็งแรงจนองอาจกล้าหาญแบบตรงๆ แต่ภาพที่แสดงออกเป็นความแข็งเกร่งที่มีความอ่อนนุ่มประทับใจ


เขาใช้รถมาเปรียบเทียบกับช่วงระยะเวลาในการเปลี่ยนแปลงของตังเอง วัยสิบแปดปีที่มีรถคันแรกที่น่ารัก ยี่ห้อ "โตโยต้า" ก็เหมือนสมัยนั้นนับจาก “ไกวๆไผ”ของซูโหย่วเผิง ใช้ทนมั่นคง ราคาดี แต่เมื่อมองขึ้นไปก็ไม่ค่อยงาม ขาดท่วงทำนอง

ที่จริงสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นลักษณะภายนอก ตลอดเวลาผมยากจะทรยศ สำหรับตัดเอาเรื่อง "ไกวๆหู่" นั้นเป็นส่วนหนึ่งของการเรียน เพราะในตอนนั้นที่ผมเรียนเป็นโรงเรียนมัธยมที่ยอดเยี่ยมของไต้หวัน และแล้วให้ตั้งเป็นแบบอย่าง เป็นภาพลักษณะที่เพียบพร้อมไร้ที่ติ ในตอนที่ผมก่อให้เกิดค่านิยนนั้น ก็เหมือนดั่งไม้ที่แตกหน่อ ที่ยังไม่ได้ยืดกิ่งใบของตัวเองออกไปอย่างเต็มที่ ก็ต้องถูกการกดดันจากภายนอก กดขี่ให้ผมเติบโตอย่างปกติ โตเป็นคนที่ดีในหัวใจของชาวจีนทุก


ที่เขาชอบคือ "เหยากวุ่นเล่อ" แต่จำต้องร้อง (หูเตี๋ยเฟย) และ (หงชิงถิน) เพราะวัยและภาพลักษณะของคุณ ทางบริษัทก็ไม่ยอมให้คุณไปทำอย่างอื่น ระยะเวลานั้น ความขัดกันและความขัดแย้งนั้นมันเกิดขึ้นในใจผมอย่างรับไม่ไหว

ม.4ก็เริ่มเข้าสู่ "วงเสี่ยวหู่ตุ้ย" เพราะการฝึกซ้อมและการแสดงของวงนั้นทำให้การเรียนต้องล่าช้าสองปี แต่เขาได้ผลการสอบที่ห้าทั่วไต้หวัน สอบเข้าโรงเรียนที่มีชื่อในไต้หวัน ใครจะคิดถึง เขาในวันที่ไม่สามารถรับภาระนั้นได้แบกภาระหน้าที่ที่หนักหน่วงมาก สิ่งที่เขาได้ทุ่มเทแรงกายใจทั้งหมดไม่เพียงแต่เพื่ออนาคตเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นทำเพื่อเป็นแบบอย่างกับคนอื่น จะไม่ให้ความคิดผิดหวังของพวกเขาจนเขามาสร้างสิ่งที่เป็นปฎิหาริย์

ประมาณวัยยี่สิบ ซูโหย่วเผิงได้เปลี่ยนรถที่ในสมัยนั้นเป็นของคู่ไฮโซอย่าง "บีเอ็มดับบิว" ในสมัยนั้นที่ประสบผลสำเร็จอย่างเขา ชอบฟุ่งเฟื้อ รักกระพือข่าว ชอบซิ่งรถ สนุกกับการท้าท้าย ชอบส่งเสียงดัง และก็ต้องเรียนรู้ที่จะเป็นเพื่อนกับความโดดเดี่ยว


ทุกวันเลิกเรียน ขับรถผ่านหน้านักเรียน ดูพวกเขากอดคอเดินไปด้วยกัน ก็อิจฉาอย่างยิ่ง สมัยมหาลัยผมไม่ได้เข้าชุมนุมอะไร มีเพื่อนน้อยมาก ในวัยยี่สิบสิ่งที่ผมต้องการคือชีวิตที่ธรรมดา อยากจะเป็นบ๋อยในร้านอาหารหรือขายของข้างถนน สำหรับทุกคนแล้วธรรมดาคือการได้อย่างง่ายดาย แต่สำหรับผมแล้วมันเป็นสิ่งที่ล้ำค่า

ยี่สิบเอ็ดปีในมหาลัยปีสามนั้น เป็นเด็กดีซูโหย่วเผิงเป็นเวลาหกปี กลับเลือกทำในสิ่งที่ให้ผู้อื่นต้องสลดใจ ได้ปล่อยปริญญาที่ได้อย่างง่ายๆ ทุ่มทั้งกายใจสู่วงการบันเทิง

มันเป็นการตัดสินใจที่ยากจริงๆ ขัดแย้งในใจมาก ยิ่งดังก็ทำให้ผมยิ่งเรียนไม่รู้เรื่อง การเรียนผมไม่ได้เรื่องก็อาจทำให้หลายคนไม่ชอบผม สองอย่างนี้มันอยู่ด้วยกันและมันขัดแย้งกัน แต่ผมก็รู้จักว่าชีวิตคนจำต้องมีการให้ก่อนถึงจะได้รับ เรื่องในโลกไม่มีเรื่องที่สมบูรณ์แบบทั้งสองเรื่องในเวลาเดียวกัน หลักการพื้นฐานทั่วไปคือ คิดให้ตกว่าสิ่งที่คุณต้องการนั้นแท้จริงคืออะไร


382
Magazine Interviews-China / 2008 Metropolis Mag
« เมื่อ: สิงหาคม 01, 2010, 09:16:52 AM »
Alec's intv as "New Age Gentleman" in Metropolis Mag-Jan issue


ต้าตูสื่อ ฉบับบุรุษ พิธีมอบรางวัลประเทศจีนปี 2008

ผู้กำกับหนังซินยุ้ยหลิวเจียง “พิธีมอบรางวัลปี 2008” ซูโหย่วเผิงได้เป็นเกียรติในการมามอบรางวัลคืนวันที่ 6 ธันวาคม ที่โรมแรมฮู่ลี่วั่นลี่ปักกิ่ง มีผู้มีชื่อเสียงทางสังคมกับดารามากมายมาร่วมงานนี้ พวกเขาได้มาร่วมเป็นเกียรติในงานมอบรางวัลของนิตยาสารฉบับบุรุษของ(ต้าตูสื่อ) ที่มีมานานกว่าสิบปี ในคืนวันนั้น นิตยาสารที่ถือว่าเป็นผู้ริเริ่มงานบุรุษหรือเป็นผู้นำนี้ได้นำแขกผู้มีเกียรตินับร้อยเข้าสู่งานนี้

นิตยาสารฉบับบุรุษ ของ(ต้าตูซื่อ) งานมอบรางวัลปี 2008 นี้นั้น เป็นงานสานต่อจากปี 2007 เป็นครั้งที่สองของงานนี้ เป็นงานหนึ่งที่ตื่นเต้นเร้าใจมาก เป็นงานศิลปินกับงานเศษฐี สำรับแขกผู้มีเกียรติทุกท่านแล้ว งานคืนวันเป็นเป็นงานที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งที่ทุกคนได้ยิน ได้เห็น ได้ลิ้มรสอย่างหาไม่ได้


M: คุณคิดว่าผู้ชายนั้นควรจะมีคุณลักษณะที่ดีทั้งภายนอกและภายในแบบใดถึงจะเรียกว่าเป็นสุภาพบุรุษ

A: จะต้องทำอะไรให้เหมาะกับสถานการณ์ ไม่ว่าเรื่องการแต่งกายหรือวาจา ต้องมีความรับผิดชอบ อภัย รักเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

M. กับคำว่า ใหม่ ของ สุภาพบุรุษใหม่ ในใจของคุณนั้นต้องเป็นด้านไหน?

A. รู้จักสร้างสรรใหม่ๆ และยอมรับการเปลี่ยนแปลง

M. คุณรู้สึกว่าตัวเองเป็นสุภาพบุรุษใหม่ยัง

A. นี่ก็กำลังพยายามตามความฝันอยู่

M. คุณคิดว่าความสุขที่น่าปราถนาที่สุดคืออะไร?

A. การไม่โลภไม่ลาบนั้นแหล่ะเป็นความสุขที่เลิศที่สุด

M. สิ่งที่คุณกลัวที่สุดคืออะไร?

A. สูญเสียสมาชิกครอบครัวไป

M. จุดบอดหรือจุดบกพร่องของคุณตรงไหนที่ทำให้คุณทุกข์ใจที่สุด?

A. เป็นคนที่มีความคิดที่อะไรก็ต้องเพรอร์แฟรก

M. อะไรของคนอื่นที่คุณเกลียดที่สุด?

A. ไม่ซื่อสัตย์กับเห็นแก่ตัว

M. คุณคิดว่าอะไรเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุด?

A. ความดีพร้อมไปหมด เพราะในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ดีพร้อมไปหมด

M. เวลาไหนที่คุณมีความสุขที่สุด?

A. เวลาแห่งการขอบคุณ

M. ความสามารถด้านไหนที่คุณปรารถนาที่สุด?

A. เพราะช่วงนี้กำลังแสดงภาพยนตร์ “อณาจักรปลาคน” ได้ฟิตร่างกายให้ดูดี ฉะนั้นตอนนี้อยากจะมีร่างกายที่ดูดีโดยที่ไม่ต้องไปฟิตเนส

M. คุณคิดว่าความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณคืออะไร?

A. ให้ภาพลักษณ์ที่ดีต่อสาธารณะชน

M. ทรัพย์สินที่คุณรักษาที่สุดคืออะไร?

A. เป็นสติปัญญาของมนุษย์และความเข้าใจของคน

M. งานที่คุณชื่นชอบที่สุดคืออะไร?

A. ผมคิดว่าคนเราน่าจะเรียนรู้เคารพในการงานและรักในการงาน เพราะไม่ว่าจะเป็นงานอะไร ในโลกใบนี้ก็จะมีความสำเร็จของงานให้คุณอยู่

383
19 กันยายน 2008 ประสบการณ์เป้ท่องเที่ยวของซูโหย่วเผิง


คุณเคยไปที่ หม่าเอ๋อทา ไหม ? นี่นั่นมีทะเลสีคราม ยังอุดมไปด้วยแสงอาทิตย์ พึ่งได้รับตำแหน่งทูตท่องเที่ยวหม่าเอ๋อทา ขณะที่ซูโหย่วเผิงได้เผชิญกับการสัมภาษณ์ของเรานั้นตื่นเต้นไม่คลาย ได้โฆษณาเชิญชวนท่องเที่ยวเส้นทางหม่าเอ๋อทา

สีหน้าของเขาให้ความทรงจำที่ลึกมาก ข้างตัวคุณมีนักทัศนาจรที่กระตือรือร้นในการท่องเที่ยว ขณะที่พวกเขาได้เริ่มเดินทาง ตอนจับคุณไปฟังแผนที่ทัศนาจรนั้น เป็นลักษณะท่าทางอย่างนี้แหละ หรือว่าสามารถย้อนหวนคิดถึงครั้งแรกที่เขาได้ออกไปทัศนาจร


“นั่นเป็นช่วงที่อยู่ในมหาลัยปีที่ 1 ไปที่ญี่ปุ่น ตอนนั้นผมยังอยู่กับ “เสี่ยวหู่ตุ้ย” การดำเนินงานของทางบริษัทก็ไม่เลว ฉะนั้นก็เลยได้จัดคณะทัวร์ให้กับพวกเราที่เป็นพนักงาน ผมจำได้ว่าข้างกายผมมีเพื่อน “เสี่ยวหู่ตุ้ย”สองคนของผม ยังมีวงอื่นด้วย “หงไหเอ๋อ” และยังมีผู้ร่วมงานในบริษัทอีกมากมาย ครั้งนั้น ที่เที่ยวก็เที่ยวมาหมดแล้ว เมืองเก่า น้ำพุร้อน แดนหิมะ หาดทราย ช็อปปิ้ง รู้สึกดีมากๆ

อย่างไรก็ตามสำหรับเขาที่ดังในช่วงเยาว์วัยนั้น ความรู้สึกที่ประทับใจที่สุดคือวัฒนธรรมและภาษาที่แตกต่างที่นำมาซึ่งความรู้สึกใหม่ๆ เคยถูกเพ่งจ้องมากเกินไปจนทำให้ความรู้สึกที่อิสระได้หายไป ในตอนนั้นสิ่งนี้ก็ได้เข้ามาในตัวเขาอีก น่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้ ในช่วงหลังของชีวิตทางด้านอาชีพของเขา รู้สึกซีเรียสและไม่ทราบว่าจะคล้อยตามใครดีทุกวัน ทำให้เขาอยากจะไปทัวร์ต่างประเทศเป็นอย่างยิ่ง ใช้ชีวิตของตัวเองไปอีกรูปแบบหนึ่ง ทุกอย่างก็จะกลายเป็นไม่มีอะไรที่หนักเกินไป


21 ปี ซูโหย่วเผิงได้กลายเป็นนักทัศนาจรไปปริยาย

ในช่วงวัยนี้ คนในวัยรุ่นเขานั้นส่วนมากก็จะจบมหาลัยกันแล้ว ในนั้นมีหลายคนมีการเตรียมการไปท่องเที่ยวสักครั้งก่อนจะเข้าสู่การงาน เปิดตาดูโลกว่าเป็นอย่างไร และตอนโน้นที่เขาได้แบกกระเป๋านั้น อารมณ์นั้นหนักหน่วงมาก เสี่ยวหู่ตุ้ยที่เคยเป็นบ้านที่เข้าใจเขานั้น พึ่งต่างคนต่างแยกกัน เขาที่อยู่ในเยาว์วัยนั้นต้องเผชิญกับความตกต่ำของอาชีพ

“รู้สึกว่ามืดแปดด้าน ไม่รู้ว่าทางข้างหน้าจะเดินอย่างไร” เขากล่าว “คิดไปคิดมาผมตัดสินใจไปปล่อยตัวให้สบายต่างแดน ไปเรียนที่อังกฤษ”

ในตอนนั้นเขาก็เข้าเรียนโรงเรียนสอนภาษา จะใช้เวลาปิดเทอมทั้งหมดในการท่องเที่ยว ไปดูทุกที่ พยายามจะหาที่แผนที่ไม่มีบอก กลางวันนั่งรถประจำทาง กลางคืนก็นอนพักในโรงแรมวัยรุ่นที่มีคนหลายคนนอนด้วยกัน เขารู้สึกว่าฟ้ากว้างแผ่นดินใหญ่ ตัวเองเพียงคนเดียวเต็มไปด้วยความอาจหาญ เหมือนกับนักผจญภัยอะไรอย่างนั้น


384
31 กรกฏาคม 2008  ซูโหย่วเผิงสัมผัสสุนัขทำงานโอลิมปิก




ซูโหย่วเผิงสัมผัสสุนัขทำงานโอลิมปิก

ซูโหย่วเผิงกับคลื่นกระแสใหม่แห่งข่าววงการบันเทิง พูดถึงชื่อเขาแล้ว มักจะเริ่มต้นหวนคิดถึงปีไหนดี เริ่มหวนคิดม้วนเทปเพลงที่สะสมในตอนวัยที่อยู่ในวงเสี่ยวหู่ตุ้ย ประสบการณ์หลายปีที่ผ่านมานี้ พวกเราล้วนกำลังโตเป็นผู้ใหญ่ พวกเราล้วนเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว หลายปีมานี้ คุณเติบโตได้อย่างโดดเด่นบ้างไหม ทุกท่านที่ได้รู้จักกับซูโหย่วเผิง ให้หันหน้าไปอีกด้านหนึ่งเถิด อย่าเพียงแต่มองในสิ่งที่เป็นอดีต ที่จะอ่านอย่างละเอียดในวันนี้ที่เขาโดดเด่นและกำลังรอคอยอนาคตของพวกเราแต่ไกล
ให้แสงตะวันเพิ่มเติม

ผู้ชายผู้ให้ความรู้สึกอย่างแสงตะวันที่แข็งแรงตลอดกาลผู้นี้ วันนี้ได้เพิ่มความเก็บซ่อนในใจและลุ่มลึก แม้จะไม่เลี้ยงสุนัข แต่ว่าในขณะที่ได้ทำงานได้สัมผัสกับสุนัขที่มีรูปลักษณะแข็งแกร่งสองตัวนั้น กลับเห็นการแสดงที่เชื่อฟังนิ่งสงบ เขากล่าวว่า “ถึงแม้พวกมันตัวใหญ่มาก มองเห็นความสัมพันธ์ที่สัตย์ซื่อและความรู้ใจกันระหว่างมันกับนาย ผมได้เพียงประทับใจในความไว้เนื้อเชื่อใจกันของพวกเขา”

กำลังเตรียมงานถ่ายทำหนังใหม่ “ห้าวไฉ่อู่” เรื่องหนึ่งอย่าง ซูโหย่วเผิง ได้สละเวลามาที่กองถ่ายภาพยนต์ของเราเพื่อภ่ายภาพขึ้นหน้าปก นี่เป็นครั้งที่สองในการถ่ายขึ้นหน้าปกนิติยสาร (โฉงอู้ไพ่) ครั้งก่อนเป็นสุนัขตัวเล็กๆ ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นสุนัขทำงานที่ตัวใหญ่มากๆ ตัวหนึ่งเป็นสุนัขเลี้ยงแกะของเยอรมันกับอีกตัวคือ “โลวุยน่า” ขณะที่อยู่ข้างกายเป็นเรื่องที่รู้สึกประสบความสำเร็จอย่างหนึ่ง ก่อนหน้านี้ได้กล่าวถึงความไว้วางใจกันระหว่างเขากับมัน(สุนัข)

ซูโหย่วเผิง กล่าวตรงๆว่า ตนเองไม่ได้เลี้ยงสุนัข ตอนเด็กยังเคยถามผู้ปกครองว่าทำไมไม่อนุญาตให้ตนเองเลี้ยงสุนัข เมื่อโตขึ้นถึงได้เข้าใจว่า ความรักเช่นนี้ไม่เพียงแค่ต้องการเพียงคำสัญญาแค่คำเดียว และยังมีความรับผิดชอบมากมายอยู่ในนั้นด้วย



ปกป้องชีวิต

ประวัติศาสตร์ของมนุษย์ที่ฝึกสอนสุนัขให้เชื่องนั้นต้องหวนนับกลับไปเมื่อตอนสามหมื่นปีที่แล้ว ไม่นาน มนุษย์ก็เริ่มสังเกตได้ว่า สุนัขนั้นเป็นเพื่อนมิตรกับมษุษย์มาช้านานหลายด้านที่มันสามารถช่วยมนุษย์ได้ เป็นเวลายาวนาน สุนัขทำงานนั้นมีบทบาทมากมายต่อมนุษย์ที่ไม่สามารถนับครบถ้วนได้ พวกมันเป็นผู้พิทักษ์ เป็นหน่วยรักษาการณ์ สามารถลากแคร่เลื่อนหิมะได้ สามารถเลี้ยงแกะและยังสามารถเป็นอาวุธสงครามของมนุษย์ได้อีกด้วย ประวัติศาสตร์พัฒนามาถึงวันนี้ ขอบเขตบทบาทของสุนัขทำงานนั้นกว้างขวางมากขึ้น พวกมันไม่เพียงแต่เป็นผู้พิทักษ์ คุ้มครองเท่านั้น ยังใช้ในการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของนายอีก และยังสามารถเป็นสุนัขทหาร สุนัขตำรวจ สุนัขนำทาง สุนัขตรวจยาเสพติด สุนัขตรวจวัตถุระเบิด ดมกลิ่นและลุยน้ำ อัคคีภัย สุนัขตามหาผู้สูญหาย

สุนัขตัวใหญ่สองตัวนี้ได้ถ่ายภาพลงหน้าปกกับซูโหย่วเผิงนั้น นับตามความสามารถแล้ว เป็นสายพันธ์สุนัขทำงาน มักจะใช้ในกับทหารตำรวจและพิทักษ์คุ้มครอง และตามลักษณะตัวและนิสัยของมันแล้วก็เหมาะสำหรับงานพวกนี้ ส่วนมากกล้าหาญ ไม่กลัว คุณลักษณะเกิดมาก็เพื่อพิทักษ์เจ้านาย ส่วนมากมันจะดีใจเมื่อได้ทำงาน

ตอนถ่ายภาพนั้น เขากับช่างถ่ายได้คุยถึงสุนัขทำงานที่สัตย์ซื่อที่ได้ทำงานที่เกิดภัยนั้น การต่อสู้ของสุนัขทำงานที่เขามีต่อมัน ในส่วนของความประทับใจ ในส่วนของความรัก ไม่จำต้องใช้คำพูดมากมาย เพียงแค่สายตา แค่กิริยาบทเล็กๆน้อยๆ มันก็สามารถรับรู้เข้าใจแล้ว



นักรบที่เข้มแข็ง

สุนัขภาพถ่ายหน้าปกสองตัวนี้ ล้วนมาจากเยอรมัน มีขนที่เป็นสีดำ กล้ามเนื้อที่ขึ้นอย่าง โลวีน่า มีทุกสิ่งครบถ้วนที่ได้มาแต่กำเนิดและฝึกฝนมาเป็นแรมปีในด้านรูปร่างและพละกำลัง ลักษณะความสามารถ ลักษณะพิเศษและสมถรรภาพ โดยสิ่งเหล่านี้ทำให้มันจัดการกับสถานการณ์รอบข้างได้อย่างดี ลักษณะในจิตใจของมันเป็นมิตร ไมตรี และซื่อสัตย์ เชื่อฟัง ชอบทำงานเป็นอย่างมาก ขณะที่เผชิญกับอุปสรรค์ มันแสดงให้เห็นถึงความยืนหยัดอย่างทรหด ไม่ตื่นกลัวแต่กลับสงบ สุนัขจิ้งจอกที่ข้างๆลูกสุนัขเลี้ยงแกะเยอรมัน มันสำแดงความสามารถในการปกป้องตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม การแยกความสมดุลระบบประสาทของมันดีมาก และมีสปิริตที่ไม่เห็นแก่ตัว ในเวลาเดียวกันที่มันมีพละกำลังที่เต็มเปี่ยม ปฎิบัติการอย่างอ่อนช้อยรวดเร็ว จำเป็นต้องมีความกล้าและใจกล้าแล้วยังต้องมีความแข็งแเกร่งและคุณลักษณะการต่อสู้ เพี่ยงแต่มีเงื่อนไขเหล่านี้เพรียบพร้องเท่านั้น มันจึงสามารถเป็นเพื่อนที่สัตย์ซื่อของมนุษย์ได้ แบกรับหน้าที่ในการปกป้อง ระวังภัย และเลี้ยงดูแกะ



แฟ้มสุนัขแบบอย่าง

สายพันธ๊ . สุนัขเลี้ยงแกะเยอรมัน

ชื่ออังกฤษ . German Shepherd Dog

ที่มา . เยอรมัน

สมัยรุ่งเรื่อง .. ศตวรรษที่ สิบเก้า

ความสูง . ตัวผู้เติบโตเต็มที่ 60-65cm ตัวเมีย 55-60cm

สายพันธ์ . สุนัขโลวีน่า

ชื่ออังกฤษ . Rottweiler

ที่มา . เยอรมัน

สมัยรุ่งเรือง . ศตวรรษที่ยี้สิบต้นๆ

ความสูง . ตัวผู้ที่โตเต็มที่ 61.0-68.6cm ตัวเมีย 55.9-63.5 cm


385
Magazine Interviews-China / 2008 Men's Health
« เมื่อ: สิงหาคม 01, 2010, 08:14:17 AM »
นิตยสาร Men's Health 2008



ซูโหย่วเผิงเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของผู้ชาย การกล่าวนั่น เขาจะดูแลตัวเขาเองหลังจากอายุ 30 ไม่ว่าจะคำนึงหรือไม่ ซูโหย่วเผิงท้าทายตัวเขาเองตลอดเลยเวลาในการงานแสดงในแต่ละบท ความหล่อของเขา ภาพที่มีเด่นจัดๆไม่เคยทำให้พวกเราผิดหวัง

การที่เขาเองจะอายุ 30 และโตขึ้นทีละน้อยๆ ความเข้าใจในชีวิตธรรมชาติเขาแตกต่างจากที่มันเคยเป็น ตอนนี้ ซูโหย่วเผิงกำลังที่จะแบ่งปันความรู้ของเขาเกี่ยวกับการฝึกซ้อมที่โรงยิม การโภชนาการและครีมดูแลผิวสำหรับผู้ชาย

“เมื่อคุณมองที่กล้ามเนื้อที่โตขึ้นในแต่ละวันๆ คุณจะดูทันสมัยมากในเสื้อผ้าของคุณ จิตวิญญาณในตัวคุณพัฒนาและคุณสนใจที่จะไปยิมมากขึ้น ดังนั้น การฝึกซ้อมที่ยิมเป็นสิ่งที่ผมคิด”

M: คุณกำลังถ่ายทำหนังใหม่ใช่หรือไม่ ?

ซูโหย่วเผิง: ใน Da Zhen Fan บทของผมและภาพพจน์ ซึ่งเป็นของชายเลวๆ จะดูแตกต่างกันออกไปจากบทก่อนหน้านี้ ขณะที่ผมไม่ได้สนใจที่จะเล่นบทร่าเริงแบบทั่วๆไป บทหล่ออีกครั้งหนึ่ง ผมจะให้คนอื่นเห็นแบบอื่นๆ

M: เมื่อคุณถ่ายหนัง เวลาจะสั้น คุณมีเวลาไปฝึกที่ยิมหรือไม่ ?

ซูโหย่วเผิง: ผมอยากจะไปฝึกที่ยิมจริงๆ แต่แค่ไม่ได้มีเวลาเพราะว่าผมอยู่ในช่วงที่รีบถ่ายทำละครที่จะควบคู่ไปกับทีมงาน นอกจากนี้ พื้นที่การถ่ายทำไม่ได้มีอุปกรณ์ฟิตเนส ซึ่งค่อนข้างลำบาก

M: ในเคสเหล่านั้น แล้วเวลาปกติละ ? เช่นเมื่อคุณไม่ได้ถ่ายทำละครและอยู่ในปักกิ่งหรือไทเป คุณออกกำลังกายในยิมหรือไม่ ?

ซูโหย่วเผิง: แน่นอน ปกติผมชอบที่จะฝึกที่ยิมประจำ ครั้งหนึ่งที่ผมมีเวลา ผมจะไปที่ยิม ที่ๆผมจะมีความสุขกับอุปกรณ์เหล่านั้น ในความคิดของผม การฝึกที่ยิมเป็นการท้าทายต่อความแข็งแกร่งในตัวคุณ ซึ่งผมสนุกมากๆ

M: ปกติแล้วคุณมีเวลาเท่าไรที่คุณไปยิมต่ออาทิตย์ ?

ซูโหย่วเผิง: ผมไป2 – 3 ครั้ง แท้จริงแล้ว คุณไม่สามารถไปบ่อยๆได้เพราะว่ากล้ามเนื้อของคุณต้องการการพักผ่อน หลังจากที่คุณออกกำลังกายอย่างมากมาย กล้ามเนื้อคุณต้องการพักผ่อน

M: คุณมีแรงกระตุนต่อสถานที่นั้นต่อตัวคุณมากแค่ไหน ?

ซูโหย่วเผิง: ผมจะชื่นชอบในการฝึกความแข็งแกร่ง นานเท่าที่มันจะเต็มที่ของตัวผมเอง ผมจะทำมันจนกว่าผมจะเหนื่อย มิฉะนั้นแล้วจะไม่ได้ผลตอบแทน

M: คุณมีโค้ชส่วนตัวหรือไม่ ?

ซูโหย่วเผิง: แน่นอน ในความคิดของผม จุดของการมีโค้ชส่วนตัวเป็นเรื่องที่จะต้องให้คำแนะนำผมหรือไม่ก็ให้แนะนำผมให้เล่นท่าที่ถูกต้อง นอกจาก การออกกำลังกายที่ผมเล่นกับอุปกรณ์ค่อยข้างเสี่ยง ดังนั้นเพื่อเหตุผลความปลอดภัยผมต้องการโค้ชอยู่เคียงข้างที่จะพร้อมเป็นผู้ช่วยผมถ้าจำเป็น

M: ความเป็นผู้ชาย ส่วนไหนของร่างกายที่คุณคิดว่าต้องการการออกกำลังมากที่สุด หลัง ขา เอว หน้าอก ?

ซูโหย่วเผิง: ทุกๆส่วน เท่านั้นแต่ทุกๆส่วนจะสวยงามและดูเข้ากันได้ดี การกลมกลืนกันระหว่างการสร้างร่ายกายและลำตัวเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด


386
Magazine Interviews-China / 2008 L'Officiel Hommes
« เมื่อ: สิงหาคม 01, 2010, 08:08:58 AM »
Office Hommes พฤษภาคม 2008


ซูโหย่วเผิง – การดำเนินไปอย่างราบรื่น 30 เมษายน 2551 02.55

การที่ได้สร้างชื่อเสียงของเขาขณะที่เป็นวัยเยาว์และเข้าร่วมกับวงไอดอล ซูโหย่งเผิง ได้ถูกล้อมรอบไปด้วยรัศมีของชื่อเสียงจากทั่วเอเซีย ตั้งแต่เขาตัดสินใจเดินเส้นทางนี้ตอนอายุ 15. เมื่อคนอื่นๆพูดถึงเขา พวกเขาไม่สามารถช่วยได้แต่จำหน้าเด็กๆเขาได้ ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านเนิ่นนาน มันไม่สามารถที่จะลบภาพเขาไปจากจิตใจได้ การสร้างตัวเขาเองขึ้นมาถึง 30 ปีที่ผ่านมา ซูโหย่วเผิงยังคงเก็บการ์ดต่างๆไว้มาจนถึงทุกวันนี้ ฉันคิดว่าที่ได้รับประสบการณ์จากปีที่ผ่านๆมา เขาจะเล่าให้ฉันฟังเกี่ยวกับเรื่องราวประสบการณ์ชีวิตที่น่าตื่นตาตื่นใจและเรื่องความรักที่รู้สึกมากเกิน ในทางตรงกันข้าม เขาพูดอะไรมากกว่าจะเป็นความสับสนของโชคชะตา การงาน ความรู้สึก และชีวิต ซึ่งรวมถึงความไม่สำคัญ เมื่อสถานการณ์ได้เป็นผู้ใหญ๋แล้ว ความสำเร็จจะตามมา

“ฉันเชื่อว่าบางสิ่งได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ฉันไม่ได้คิดเองโดยคนเดียวแต่ขึ้นอยู่กับกำลังของคนที่จะต้องการให้คนๆหนึ่งทำอะไรที่เขาต้องการ นี้เป็นหลักๆของฉันและฉันชอบที่จะไปตามโชคชะตา ถึงอย่างไรก็ตาม ฉันยังคิดว่าความขยันไม่ได้ไร้ประโยชน์ไปทีเดียว แต่ที่บางผลลัพธ์ไม่สามารถจะถูกกำหนดโดยผู้คน ฉันไม่ได้เจาะจงไปที่ผลลัพธ์ คุณสามารถที่จะลองตัวคุณเองให้ดีที่สุด ในทางตรงกันข้าม ความจริงของความขยันของฉันไม่ได้เพียงพอที่จะตัดสินใจผลลัพธ์”



โดยแท้จริงแล้ว ผู้คนบ่อยๆที่ผู้คนตีความผิดๆไปตามโชคชะตาที่เป็นบางครั้งบางคราว ไม่ได้ขยันและไม่กระตือรือร้น การเรียกว่า เป็นไปตามโชคชะตา เป็นเพียงแต่การไม่มีความสามารถ ข้ออ้าง และอ้างถึงความขี้เกียจ มันสามารถจะเป็นความจริงที่ลึกซึ้งเบื้องหลังคำว่าโชคชะตาอย่างไร ?

เป็นไปตามโชคชะตาเป็นรูปแบบของการมองในแง่ดีของซูโหย่วเผิง แต่มันก็ต่างก็ไม่ได้แสดงไม่ขอทาน สำหรับความสามารถและแทรกซึมผ่านออกมา เขาได้เข้าใจแล้วว่าความสำคัญตัวหลักและตัวรองเหตุของสิ่งที่ต้องทำและแน่นอนไม่ได้กลับเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น ดังนั้นเขาสามารถไปได้ “ฉันไม่ได้คิดว่ามันไม่สำคัญ ชีวิตมีขึ้นและลง ขึ้นจะต้องจัดไปทางที่แน่นอน ไม่งั้นจะลงแทน ตามความเป็นจริงแล้ว ชีวิตไม่ได้อยู่กับงานทั้งหมด ไม่ว่าจะงานของคุณจะประสบความสำเร็จหรือไม่ คุณสามารถตกหลุมรักและทำสิ่งอื่นๆหรือพัฒนาความสัมพันธ์ทางครอบครัว ถ้ามันเป็นฉัน ฉันอยากจะไปในวันหยุด ฉันสามารถทำอย่างอื่น แต่เมื่อแรงกระตุ้นงานมา คุณสามารถทำงานอย่างเดียวและตัดเรื่องอื่นไปได้เลย” ซูโหย่วเผิงได้เข้าใจมานานเกี่ยวกับความสำคัญตัวหลักและตัวรองได้แล้ว และที่เวลาเดียวกันได้เหนื่อยอย่างมาก เรียกได้ว่า “ทำทั้งหมดที่มนุษย์สามารถทำได้แต่ตระหนักถึงความตั้งใจของพระเจ้า” ดังนั้น ด้วยความหวังดีที่จะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว ได้รับหรือสูญเสียไม่สำคัญ นี้เป็นการเผชิญหน้าอย่างสงบค่อนข้างจะมากกว่าการหลบหนีหรือแกล้งทำเป็นจริงที่จะบอกเป็นนัยได้



บางทีจุดสูงสุดและต่ำสุดของงาน ความยากของความรัก และความสุขและความเศร้าในชีวิตเนื่องจากการที่ลงเรืออาชีพของซูโหย่วเผิงได้พัดพาไปโดยลม ขณะที่เขาอยากจะหาความสนุกสนานในสายลมที่แกว่งไกว


หลักการของแฟชั่นที่สมบูรณ์แบบ

L’Officiel Hommes: ความประพฤติของคุณที่การถ่ายรูปวันนี้เป็นไปอย่างมืออาชีพจริงๆและคุณได้นำเสื้อผ้ามากมาย มันได้สื่อถึงที่ประสบการณ์ของคุณหลายๆปี ?

Alec Su: ฉันเดาว่ามันเกี่ยว ฉันเป็นคนพิจารณาที่จะเป็นคนที่จะเข้าใจความสัมพันธ์ของสิ่งเหล่านี้ได้ดี นอกจากนี้เป็นงานแรกของฉันกับหนังสือของคุณ ขณะที่ทุกๆคนได้มีความชอบไปในแบรนด์ที่แตกต่างกันและภาพจากหลายๆคน ฉันเตรียมพร้อมบางสิ่งในเรื่องนี้

L’Officiel Hommes: การได้รับเป็นผู้โด่งดังมาหลายๆปี เอาคร่าวๆกี่คอร์สที่คุณได้มีชื่อเสียง ?

Alec Su: การได้เป็นผู้เชี่ยวชาญสั่งสอนจากสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเดียวเมื่อฉันได้เข้าร่วมในวง Little Tigers ที่เวลานั้นฉันได้เรียนเต้นรำ ฉันเป็นคนร้องประสานเสียงเมื่อฉันเป็นอ่อนวัย ดังนั้นฉันได้เริ่มร้องเพลงเมื่อวัยเยาว์ สิ่งอื่นๆที่ฉันได้เรียนมาจากคอร์สงานของฉันและฉันยังได้สร้างบทเรียนขึ้นมา


387
Magazine Interviews-China / 2008 Hers
« เมื่อ: สิงหาคม 01, 2010, 07:35:20 AM »
นิตยสาร  Hers  16  เมษายน  2008


เขาชอบมาดอนน่า บริสนีย์และบียอนเซ่ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นเด็กที่สนใจในโลกของวรรณกรรมและศิลปะ
เขามีความสุข มีเวลาที่สบายใจไม่ทุกข์ร้อนแต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ได้สร้างความก้าวหน้า
ความคิดของเขาคล้ายกับตำแหน่งกองหลังในกีฬาแต่ไม่ได้หมายความว่าเขานั้นเป็นผู้รักษาประตู
เขาแสวงหาความสุนทรีย์มากกว่าเหตุผลความเป็นจริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ได้อยู่บนโลกความเป็นจริง
เขาเป็นคนที่หลงเสน่ห์การเต้นที่ร้อนแรง แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ใช่สุภาพบุรุษ
เขาเพียงกำลังเรียนรู้หนทางดำเนินชีวิตผ่านสายตาของผู้ให้ความบันเทิงแต่ไม่หยุดที่จะเติบโต

เขาคือตัวแทนของคนหนุ่มสาว

เขานั่งอยู่แถวหน้าในคอนเสิร์ตของบียอนเซ่ ให้กำลังใจกับเทพีผู้งามสง่าบนเวที
และร้องเพลงไปพร้อมๆกับเธอแม้จะไม่สามารถเห็นเธอบนเวที
บิยอนเซ่ดึงดูดเหล่าแฟนๆที่ศรัทธาในตัวเธอด้วยการให้ความเคารพต่อแฟนๆของเธอมากขึ้น

เขาเป็นคนที่กระตื้อรือร้นติดตามเรื่องเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด
สามารถซื้อ iPhone, iPod and iPod Touch model ตัวใหม่ล่าสุด
การเรียนรู้ฟังก์ชั่นที่น่ากลัวต่างๆอย่างตั้งใจเป็นความสุขที่แสนดึงดูดใจสำหรับเขา

ทุกๆสุดสัปดาห์เขาเข้าเว็บ Billboard เพื่อเช็คชื่อเพลงและแชร์เพลงที่มีชื่อเสียงกับทุกๆคน

เขาชอบที่พบปะเพื่อนเก่าและเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลตลอดระยะเวลา 10 ปีในมิตรภาพ จาก “บันทึกของเพื่อนเก่า” ของเขา

เขาเข้าใจในเทรนใหม่ล่าสุดของแฟชั่น ในวันปกติเขาสามารถโดดเด่นได้โดยใช้ประโยชน์ของแฟชั่น
และฉวยโอกาสที่ทดลองสไตล์ใหม่ๆอย่างกล้าหาญ




เขาชอบกีฬา โดยเฉพาะเทนนิส

เขาคุ้นเคยอย่างมากกับ ทัวร์ Mainland ที่แสนดึงดูดและหวังว่าจะได้ท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดถัดไป

เช่นเดียวกับพวกเรา เขาอาศัยอยู่ในเมือง เขามีชีวิตอยู่ในโลกของจินตนาการ

แต่เขาไม่ใช่คนหุนหันพลันแล่น เมื่อได้ใช้ความคิดเพื่อวิเคราะห์ชีวิตของตน

เขาไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนเมื่อเขาทำงานด้วยความยุติธรรมตลอด

แน่นอน เขาไม่ใช่คนเสื่อมศีลธรรม เมื่อเขาออกมาสัมผัสอากาศบริสุทธ์ และสำรวจดอกไม้บนแถบภูเขาชนบท

เขาสามารถกระโดดได้สูง แต่ยังสามารถจมลึกสู่เบื้องล่างได้

นี่คือวิถีชีวิตหนุ่มสาวชาวเมืองของผู้ที่เจริญ วิถีชีวิตหนุ่มสาววัยทำงานสร้างความพอใจในบุคคลระดับสูงมากที่สุด


คำว่าหนุ่มวัยทำงานที่มีความกระตือร้น จริงๆแล้วไม่ใช่ ชื่อของมงกุฏที่ฉันมอบให้ซูโหย่วเผิง
เขาค่อนข้างจะวางหมวกนี้บนตัวเอง เมื่อฉันถามว่าเขาเหมาะที่จะเป็นผู้ชายประเภทไหน
เขาพูดอย่างขำขันว่า หนุ่มวัยทำงานที่มีความกระตือร้น

เพื่อยืนยันความแน่นอน ฉันค้นหานิยามของ คนวัยทำงานที่มีความกระตือรือร้น คือ
เป็นคนที่เกียยวกับการติดตามแฟชั่น รู้จักวิธีที่จะสร้างมีความสุขตัวเองและเชี่ยวชาญที่จะสะท้อนตัวตนต่างๆ ฉันขยายความหมายของมันได้ว่า เป็นความแตกต่างระหว่าง หนุ่มวัยทำงานที่มีความกระตือรือร้น
และคนที่ไร้ระเบียบในตนเอง ด้วยเหตุนี้คนวัยทำงานที่มีความกระตือรือร้นจึงไม่มีความคิดเกี่ยวกับฆ่าตัวตาย
ดูหมิ่นรูปลักษณ์ภายนอก ซึ่งเป็นเหมือนทัศนคติที่ดีที่จะใช้ชีวิตอย่างก้าวหน้า

ความจริงแล้วซูโหย่วเผิงอายุขึ้นเลข 3 เขาดูหล่อกว่าในภาพถ่าย บางทีเขารู้สึกว่าตัวเองผิวสีแทน แต่งตัวได้เหมาะกับแฟชั่นและพอใจกับทรงผม ครั้งหนึ่งเขาเคยบอกว่าเขาไม่ต้องการทำตัวก้าวเข้าสู่ "little white face." เพื่อที่เขาจะต้องพลัดพรากจากคนอื่นๆ


388
Magazine Interviews-China / 2008 Beijing Television Weekly
« เมื่อ: สิงหาคม 01, 2010, 07:13:07 AM »
Beijing Television Weekly, 15th edition, 2008


บทตัวละครที่สมบูรณ์ของความพยายามของซูโหย่วเผิง; เสือน้อยกลับมาพบกันอีกครั้งหลังจาก 20 ปี

ซูโหย่วเผิง: ผมไม่ได้แสดงมาเป็นเวลา 2 ปีแล้วเนื่องจากผมเหนื่อยจากบทละครที่สมบูรณ์แบบเหล่านั้น

“Huan Zhu Ge Ge”, “Yi Tian Tu Long Ji”, ทั้งหมดนี้ซีรีย์ละครทางทีวีที่รุนแรงสามารถให้ซูโหย่วเผิงได้รับในงานของเขา จากครั้งหนึ่งไปอีกครั้งหนึ่ง แล้วใน 2 ปีที่ผ่านมา ที่ๆพวกเราสามารถเห็นได้เขาได้เพียงเป็นเมื่อเขาเข้าร่วมงานเป็นครั้งคราวที่จะร่วมงานการกุศลและงานบางงานอีกด้วย เขายังดูเหมือนที่จะค่อนข้างจากหายไปจากจอทีวีเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ นักข่าวของพวกเราถึงเวลาที่จะสัมภาษณ์ใหญ่กับซูโหย่วเผิง ในปักกิ่ง เขาบอกกับนักข่าวพวกเรา:เหตุผลทำไม 2 ปีนี้ผมถึงไม่ได้รับงานการแสดงใดๆเพราะว่าผมเหนื่อยจากบทตัวละครที่ดีเหล่านั้น อย่างไรก็ตามในเดือนเมษายน เขาอยากจะแสดงโชว์ใหม่ใน Da Zhen Fan เขาจะได้รับการแสดงที่ท้าทายในซีรีย์ละคร เป็น คนบ้า

มีบทคล้ายๆกันตอนท้ายๆ ผมได้ลดที่จะเล่นบทดีๆจำนวนนวนมากใน 2 ปีที่ผ่านมา

ก่อนการยอมรับการสัมภาษณ์ ช่างภาพประจำของเรา Chang Jiang ถ่ายรูปบางรูปของซูโหย่วเผิงสำหรับหน้าปก เขาให้ความร่วมมือดีมากๆระหว่างการถ่ายรูป เขาแสดงพลังอย่างเต็มที่ สามารถเห็นถึงเขาในอารมณ์ที่ดีและสภาวะที่ดีหลังจาก 2 ปีของการเปลี่ยนแปลงและการพักผ่อน

ในการพูดคุยถึงเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่ได้รับงานถ่ายหนังใดๆ ซูโหย่วเผิง ได้กล่าวอีก: 2 ปี นี้ผมได้ลดบทไปจำนวนมากเพราะว่ามีบทที่เหมือนๆกันมากเป็นการแสดงถึงตัวผม ผมเหนื่อยหน่ายกับบทที่ดีๆเหล่านั้น จนถึงตอนนี้ ได้เปลี่ยนมารับซีรีย์ Da Zhen Fan การพร้อมที่จะรับที่จำทำให้กลับมาบนจออีกครั้ง

ซูโหย่วเผิงจะเริ่มถ่ายทำในวันที่ 21 เมษายน เขาจะแสดงเป็น คนบ้าที่หนุ่มและร่าเริง ระหว่างวันต้นๆของการปลดปล่อยให้เป็นอิสระและการล้มล้าง – การปฏิวัติ

การพูดถึงในบท Da Zhen Fan ซูโหย่วเผิง ได้กล่าว: บทภายนอกคือร่าเริงและเยาวชนที่คาดหวังสิ่งที่ดี แท้จริงแล้วเขาได้รับการกระทำที่บอบชำทางจิตจึงทำให้เป็นบ้า เขามีความคิดที่ลึกๆอยู่ภายในมาก อดีตของผมทำงานเกี่ยวกับโชว์ที่ดูเป็นฮีโร่มากๆ บทบาททั้งหมดเหล่านั้นในละครได้เป็นได้ถูกตกแต่ง ทั้งดีและเป็นละครเกินไป ในแท้จริงแล้ว ในชีวิตจริงของคน มีทั้งร่าเริงและด้านไม่ดีเหมือนๆกัน จากนี้ไปผมได้รอมาเป็นเวลานานสักพัก ผมไม่ได้แสดงใน 2 ปีเพิ่งจะแสดงให้เห็นบางสิ่งที่แตกต่าง บทนี้เป็นบทที่ลึกซึ้ง ผมส่วนตัวแล้วได้มองไปถึงมันอย่างสูง

การแสดงเป็นบทคนบ้าเป็นการท้าทายที่แท้จริงสำหรับนักแสดงใดๆ ที่นี้ ซูโหย่วเผิง ได้กล่าว “แท้จริงแล้วทุกๆคนมีบางทัศนคติของคนที่จิตผิดปกติ ผมจะทำการขุดค้นมัน ยิ่งไปกว่านั้น ละครทีวีหลายๆเรื่องยังมีบทคล้ายๆกัน ในที่สุด ผมได้ให้ความใส่ใจเป็นพิเศากับบทละครเหล่านั้น”


หนึ่งในหลายเหตุผลที่เห็นด้วยกับการแสดงในสภาพที่จะเกิดขี้นที่จะนำสมาชิกครอบครัวไปด้วยกันในวันหยุด

ในเดือนกุมภาพันธ์ ปีนี้ ซูโหย่วเผิง ได้มีคอนเสิร์ตแสดงเดี่ยวในเมืองเรโนในอเมริกา นักข่าวถามว่าทำไมเขาถึงแสดงที่นั้น ซูโหย่วเผิง ได้พูด “หลักๆเพราะว่าผมได้ถูกรับเชิญและแผนการเดินทางได้ถูกกำหนดไว้อย่างดี ผู้จัดงานได้จัดเตรียมสำหรับสัปดาห์ของวันหยุดสำหรับผมก่อนการแสดง ดังนั้นผมได้นำครอบครัวผมทั้งหมดไปกับวันหยุดนี้ด้วย นี้เป็นครั้งแรกที่การนำสมาชิกครอบครัวของผมทั้งหมดสำหรับวันหยุด ผมไม่ได้แสดงมาเป็นเวลา 2 ปี และดังนั้นผมอยากจะมีเวลามากขึ้นกับครอบครัวผม”

การแสดงของซูโหย่วเผิง ที่เมืองเรโนเป็นเหตุทำให้กระตุ้นความสนใจในวันนั้น ที่คอนเสิร์ต ซูโหย่วเผิงได้ร้องเพลงจำนวนเพียงพอจากวง Little Tigers โดยเริ่มจาก “Hong Qing Ting” “Ai” , ตามด้วย “Ni Shi Wo De Yi Di Lei” และอื่นๆ ผู้ชมหลายพันเป็นซึ่งเตือนให้นึกถึงการแสดงที่วิเศษของซูโหย่วเผิงมากๆ ดังนั้นผู้จัดการโรงแรมของเมืองเรโนได้เปิดลิฟต์จำนวนเล็กพิเศษเพื่อเป็นช่องทางลับผ่านที่ซูโหย่วเผิงสามารถกลับได้อย่างปลอดภัยจากผู้ชมที่บ้าคลั่งได้

ผู้จัดการโรงแรมได้กล่าวซึ่งพวกเขาได้มีงานจัดฉลองโชว์ก่อน แต่ซูโหย่วเผิง เป็นคนที่มีประสิทธิภาพล้อมรอบ ผู้จัดงานแสดงชัดเจนผ่านความสำเร็จที่ดีจากคอนเสิร์ตนี้ พวกเราจะเชิญซูโหย่วเผิง มาแสดงอีกครั้งในรัฐอื่นๆ

คอนเสิร์ตซูโหย่วเผิง ในเมืองเรโนได้เริ่มจาก 8 Pm แต่ตอน 6 Pm ได้มีคนจำนวนมากมารอหน้าทางเข้าสำหรับการมาถึงของเขา แฟนๆบางคนยิ่งไปกว่านั้นได้รอลิฟต์ระหว่างตอนฝึกซ้อมกลางวันของเขาเพื่อที่จะมองดาราที่เขาชื่นชอบ เมื่อคอนเสิร์ตเริ่ม มันถูกจัดเตรียมด้วยปีกหมวก เมื่อพูดถึงเกี่ยวกับแฟนๆของเขาที่เดินมาหาเขา ซูโหย่วเผิง ได้กล่าว “แฟนๆเหล่านี้ได้รู้มานานเกี่ยวกับงานแสดงของเราในรัฐจากอินเตอร์เนต ดังนั้นในวันนั้นจึงมีแฟนๆจำนวนมากได้มาจากหลายๆเมืองในรัฐมาที่เมืองเรโนที่จะเข้าร่วมคอนเสิร์ตของผม ผมได้มีเพื่อนแม่ที่อาศัยอยู่ในรัญและหล่อนอยู่ไกลจากเมืองเรโนและหล่อนได้การเดินทางพิเศษที่จะมาหาผม ผมรู้สึกดีต่อหล่อนมากๆ”


389
ในช่วงบ่ายของวันนี้ (20 พฤษาคม 2550) Ruby Lin (blog) และ Alec Su (blog) ได้เซ็นสัญญาเป็นพรีเซ็นเตอร์รณรงค์เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ พวกเขาปรากฎตัวออกมาในรูปลักษณ์ใหม่ที่เน้นเรื่องของสุขภาพ นิตรสารฉบับหนึ่งเขียนไว้ว่า ทั้งคู่เป็นความหวังที่จะทำให้งานนี้ผ่านไปด้วยดีและทำให้ผู้คนที่เป็นโรคหงอยเหงาเศร้าซึม สภาวะจิตใจย่ำแย่หันมาดูแลสุขภาพมากขึ้นโดยผ่านบทเพลงของพวกเขา โดยทางผู้จัดงานและบริษัทต้นสังกัดได้จัดทำโปรการ์ดและสื่อสิ่งพิมพ์โปรโมทอย่างยิ่งใหญ่ ในงานวันนี้...แฟนคลับของพวกเขากว่า 1000 คนได้มีโอกาสมาร่วมงานได้ชื่นชมในความคิดที่ยอดเยี่ยมของขวัญใจพวกเขา หลังจากที่ได้มีความสุข ได้ปลอดปล่อยอารมณ์ความรู้สึกรวมทั้งน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มกันมาแล้ว....แฟนเพลงส่วนมากเป็นแฟนเพลงที่มาจากต่างประเทศที่พร้อมใจกันมาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่และชื่นชมยินดีรวมถึงโห่ร้องเป็นกำลังใจเป็นแรงผลักดันให้กับขวัญใจของพวกเขาเป็นเสมือนเสียงสะท้อนของหัวใจที่แสนห่วงใยอย่างที่สุด พวกเขาร่วมกันร้องเพลงอย่างพร้อมเพียงด้วยใจสะท้อนความสำเร็จให้กับงานในวันนี้อย่างดีที่สุด

ส่วนความเคลื่อนไหวของค่ายเพลงต้นสังกัด Alec Su ซึ่งช่ำชองในการทำงานมาถึง 3 ปี เพลงใหม่ของเธอ "Big deal" จะถูกปล่อยออกมาพร้อมกับอัลบั้มใหม่ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ เพลงนี้ Alec Su เป็นคนแต่งเอง ซึ่งเนื้อหาของเพลงจะกล่าวถึง การต่อสู้ไม่ให้ชีวิตต้องตกต่ำลง พยายามใช้เจตคติและทัศนคติที่ดีเปลี่ยนตัวเองกลับมาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายเพื่อนำพาไปสู่ความสุข เพลงนี้ถูกเผยแพร่ไปแล้วเมื่อเดือนเมษายนทางคลื่นวิทยุ และเป็นที่โดนใจของผู้คนจำนวนมาก พวกเขาได้ออกมาเรียกร้องแสดงความต้องการให้มีการจัดจำหน่ายและเปิดมันอีกครั้ง จนต้นสังกัดของ Alec Su ยินยอมและสัญญาว่าจะให้มีอัลบั้มเต็มออกมาให้ชื่นชมกันในเร็วๆ นี้

และเมื่อไม่นานมานี้ ในประเทศอินเดียก็เต็มไปด้วยโปสเตอร์ของ Ruby Lin และ Alec Su อยู่ทั่วทุกหนทุกแห่งมากกว่า 500 ร้านชำ ร้านอาหาร และสถานที่ต่างๆ แฟนคลับของพวกเขาเพิ่มขึ้นและขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งนับเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น และน่าชื่นชมยินดียิ่งนัก...


บทสัมภาษณ์ Alec Su


ไม่บ่อยนักที่จะมีโอกาสได้มาสัมภาษณ์ Alec Su และ Ruby Lin อย่างเป็นพิเศษเช่นนี้ เป็นที่น่าแปลก...ที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันโดยไม่มีอาการเงอะงะเคอะเขินเลย แต่กลับเป็นธรรมชาติมากๆ หญิงสาววางตัวอย่างเหมาะสม แต่ทุกเสียงและลมหายใจที่เปล่งออกมายามพูดนั้นช่างน่าประทับใจ พวกเขามองดูแล้วดูราวกับผลสัมสองผลที่ดูบริสุทธิ์สะอาดและสุขภาพดีและยังมีสีสันมีความสามารถทนทานกับสิ่งที่ผ่านเข้ามา แล้วทำไมทั้งคู่ในเวลานี้จึงให้ความรู้สึกคล้ายคลึงกัน เป็นเพราะในเวลาพวกเขากำลังโด่งดังมากรึเปล่า? หรือเพราะเขาเป็นคนไต้หวันเหมือนกัน? หรือเพราะพวกเขาเล่นดนตรีคลาสสิคด้วยกัน แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลใด พวกเขาก็ยังเป็นที่รักของบุคคลทั่วไป....นั่นคือเรื่องจริง

ฉันคิดว่า....พวกเขาทั้งสองคนดูราวกับราชาและราชินีที่เป็นบุคคลสำคัญไม่ว่าจะเป็นอย่างไรมาก่อน ในช่วงกึ่งกลางของอายุก็จะยังคงรักษาความบริสุทธิ์สะอาดอย่างที่เป็นอยู่ให้เปล่งประกายราวแสงอาทิตย์ และพวกเขาไม่ทำเรื่องอื้อฉาวให้กลายเป็นเรื่องใหญ่โตจนวุ่นวาย แต่พวกเขายังคงหวาน มองโลกในแง่ดีมากๆ พวกเขาไม่หยิ่งยะโส ไม่ทะเยอทะยาน ไม่ใฝ่สูงเกินตัว พวกเขาเป็นอย่างที่เป็นอยู่ ไม่มีอาณาจักรหรือเมืองใหญ่ แต่รื่นรมณ์สบายใจอยู่ท่ามกลางฤดูใบไม้ร่วง พวกเขาเป็นขวัญใจ เป็นดาว และเป็นนักร้อง เป็นเฟอร์เฟ็คมาก



อันที่จริง...ในห้องภาพที่อยู่ห่างไกลที่ฉันไปเสมอนั้นดูกว้างใหญ่น่ากลัวเกินความจริง ฉันเห็นทั้งคู่ที่นั่น ทั้งคู่ที่ปราศจากการเสแสร้งโอ้อวด...น่าประหลาดใจนัก Lin ดูราวกับหีบที่เก็บเรื่องราวความเป็นมาอันยาวนานของคำกล่าวที่ว่า "Coming-pink" เธอสวมเสื้อตัวในและมีผ้าคลุมไหล่ใส่กางเกงยีนส์สีฟ้า ปล่อยผมยาวสยายไว้ข้างหลัง และเผยรอยยิ้มที่แสนจะอ่อนหวาน ภาพลักษณ์ใน TV. ของเธอจะเป็นคนอ่อนไหวอยู่เสมอ ซึ่งทำให้เธอประสบความสำเร็จ แต่อันที่จริงแล้วชีวิตจริงของเธอเป็นคนที่ขี้เล่น สนุกสนานซะมากกว่า Alec Su นั้นประสบความสำเร็จสูงสุดทางด้านศิลปะ เขาเก็บรักษาความจริงบางส่วนไว้ และแสดงออกในสิ่งที่นอกเหนือจากสิ่งนี้ และสิ่งนี้ก็ไม่ได้ทำให้เขาเสียหายแต่กลับได้ประโยชน์จากการนำความรู้มาประยุกต์ให้เข้ากับงาน และผันเปลี่ยนตัวเองเป็นเขาในวันนี้ เขาเป็นผู้ชายที่หุ่นมาตรฐานกับเครื่องกายมาก ผู้เขียนบทภาพยนตร์ของเขาจะคอยบอกอยู่เสมออย่าง "สีเทาดำสามารถใส่กับรองเท้าสีเงินได้" หรือ "เสื้อเชิ้ตสีเข้มจะเข้ากับเนคไทผ้าไหมมากกว่านะ"  ซึ่งมันก็ได้ผลที่น่าพอใจทีเดียว

ในการถ่ายรูปครั้งนี้ ฉันก็คอยเฝ้ามองพวกเขา ช่างภาพมืออาชีพต้องการรูปที่ดูตื่นเต้นและสุขภาพดี เท่านั้นแหล่ะ...พวกเขาก็จะคอยมาอยู่หน้ากล้องเสมอ ทั้งวิ่ง กระโดด ยืดเส้นยืดสายร่างกาย และเผยรอยยิ้มให้เห็นอยู่เสมอ ซินหยู ทำให้สิ่งที่น่าเบื่อที่ต้องเล่นเกมส์กับร่างกายของเด็กผู้หญิงอย่างนี้ กลายเป็นสิ่งที่เรียกรอยยิ้มได้ โหย่วเผิง แสดงถึงร่างกายที่สมบูรณ์แบบของเขาในทุกท่วงท่าของการเต้นอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อย ในเวลานั้นรูปร่างที่ดีก็เป็นสิ่งที่ดีอีกสิ่งหนึ่งที่จะทำให้การก้าวต่อไปเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ และก็คงจะเป็นอย่างนี้ไปเสมอๆ แต่เหตุการณ์นอกจากนี้ทำให้ฉันรู้

ฉันเฝ้าสังเกตดูพวกเขาทั้งคู่ ในสตูดิโอใหญ่โตที่มีเสียงดังกึกก้องและแสนจะทันสมัย เครื่องแต่งกายราคาแพงมีอยู่เกลื่อนกลาดไปหมด รองเท้าสุดหรูวางอยู่บนพื้น เครื่องประดับราคาแพงบนโต๊ะดินเนอร์ ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ใช้ในภาพยนตร์ และพวกเขากำลังดำเนินเรื่องไปตามบท ฉันคิดว่า หลินซินหยู่ และซูโหย่วเผิง แสดงตัวตนและชีวิตของพวกเขาอย่างภาพยนตร์ และเป็นจุดเริ่มของสิ่งอื่นๆที่ตามมา แล้วพวกเขาต้องแสดงไปเกินกว่าสิ่งที่เป็นอยู่นี้ พวกเขาไม่เหนื่อยบ้างเหรอกับหน้าที่ที่ต้องทำนี้?  แล้วถ้าชีวิตเป็นเหมือนบทภาพยนตร์ล่ะ???... พวกเขาจะเลือกเขียนบทใหม่ที่ทำให้ตื่นเต้นกว่านี้รึเปล่า? จะทำให้ผลส้มมีรสชาติอร่อยมากขึ้น เปล่งความสดชื่นทันทีที่จับต้องหรือเป็นน้ำผลไม้ที่ซู่ซ่าหรือเปล่า? ด้วยคำถามที่ฉันเริ่มต้นถามเมื่อไปพบ...

390
Online Interviews & Updates / 2007 Life In Fact Is Quite Ordinary
« เมื่อ: สิงหาคม 01, 2010, 06:19:34 AM »
ซูโหย่วเผิง: Life In Fact Is Quite Ordinary

ในโลกแวดวงบันเทิง มีกี่คนที่สามารถถูกจดจำได้เป็นระยะเกือบสิบปี ? ซึ่งสามารถมีความสามารถที่พร้อมในทุกๆด้านอย่างสูงสุดนั้น ? ซูโหย่วเผิง เป็นหนึ่งในนั้น วันนี้ ไม่แค่เขาได้ร่วมงานกับแวดวงบันเทิงกับคนอ่านพวกเรา เขายังเปิดเผยบางสิ่งเรื่องราวตลกขณะที่เขาเป็นวัยรุ่น

อาชีพ- การรอคอยบทโรคจิต

R : ปัจจุบัน คุณแสดงออกถึงผู้ชายที่เติบเป็นผู้ใหญ่ในหลายๆโอกาส การเปลี่ยนชนิดนี้เป็นเพียงเนื่องจากอายุเท่านั้นหรือ ถูกต้องมัย ?

SYP: โดยแท้จริงแล้ว การเปลี่ยนนี้ไม่เป็นการเปลี่ยนที่รู้สึกได้ มันควรจะเกี่ยวข้องกับอายุ แต่ดังนั้นอีกครั้งมันไม่เพียงเพราะอายุ ตอนนี้หลายๆสถานการณ์ ความเป็นผู้ใหญ่จะออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ

R: มีบทไหนที่ระบุว่าคุณกำลังรอมัน หรือคุณต้องการที่จะแสดงบทนี้ที่จะหนีรอดจากภาพที่ฝันใจที่มีอยู่ในจิดใจของทุกๆคน ?

SYP: ก่อนหน้านี้ บุคลิกที่ผมแสดงออกมาเป็นคนอ่อนโยน แค่ Du Fet เป็นโรคจิตบางสิ่ง แต่ในจิตใจเขาและวิญญาณเต็มไปด้วยความรัก แค่การแสดงออกของเขาและการกระทำของเขาเป็นบางสิ่งที่ดู โง่ ตอนนี้ผมต้องการที่จะแสดงบทนักร้องร็อคติดยา ฮาๆ แค่ล้อเล่น แค่อยากเห็นสิ่งแตกต่าง บทนั้นโรคจิตเล็กๆ น่าจะมีความหมายทั้งหมด


ความรัก- ดูเหมือนมั่นคง

R: ปีที่แล้ว คุณเปิดเผยได้มีแฟนสาวจากนอกวงการ ดังนั้นคุณคิดยังไงเกี่ยวกับความรัก ?

SYP: เมื่อผมเป็นวัยรุ่น ผมชอบ ความรู้ที่บ้าๆ รู้สึกว่าความรักจะต้องโรแมนติก ถึงแม้ว่าจะออกไปสถานที่ ณ กลางฤดูหนาวที่จะซื้อไอศกรีมที่หล่อนชอบ ที่จะทำสิ่งเสี่ยงๆเพื่อเธอ รู้สึกว่าวัยรุ่นความรักจะต้องเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากๆ ร้อนแรงเหมือนชื่อเสียง ตอนนี้ได้แก่ขึ้น ผมชอบความมั่นคงมากกว่า ชีวิตแท้จริงแล้วเป็นอะไรที่เรียบๆ วางแผนแท้จริง ไม่ได้เกิดขึ้นหลายๆอันพร้อมกัน


การกุศล- การช่วยเหล่านั้นในความต้องการ

R: คุณได้ก่อนตั้ง องค์กรAlecการกุศล ทำไมถึงใช้ชื่อตัวเองสำหรับองค์กรนี้ ?

SYP: นี้ทำให้มันง่ายที่จะเรียกความสนใจจากเพื่อนๆซึ่งช่วยเหลือผม โดยแท้จริงจุประสงค์ที่ก่อตั้งองค์กรคือความหวังซึ่งผู้คนมาเพื่อที่จะช่วยด้วยความเต็มใจ ถ้าผมใช้กำลังของผม อำนาจที่จะทำจุดมุ่งหมายให้สำเร็จ ดังนั้นทำไมไม่ ? ผมได้มีส่วนร่วมในหลายๆงานองค์กรการกุศลตั้งแต่ผมเข้ามาในวงการบันเทิง ไม่ได้มีแรงบันดาลใจอื่นๆ


ชีวิตวัยรุ่น – หนีออกจากบ้าน

--โดนตีบ่อยๆที่โรงเรียนประถมบ่อยๆ

R: ความทรงจำเด็กๆไม่สามารถลืมสำหรับทุกๆคน คุณสามารถบอกสักเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องสนุกสนานในวัยเด็ก?

SYP: อืม สิ่งที่มีความสุขในวัยเด็กคือผมดได้รับรางวัลแรกในแต่ละปีสำหรับการแข่งขันการพูด ผมแท้จริงแล้วรักจะพูดกลับดังนั้น ผมไม่สามารถปิดมันถึงแม้ขณะในห้องเรียน ถึงแม้ว่าผมไม่ได้ทนกับกฎมากนัก ผลลัพธ์ของผมออกมาดี เพิ่มเติม ผมรักที่จะงีบหลับในห้องเรียน เป็นบ่อยตอนสายๆในตอนเช้าโรงเรียนประถม ได้รับการตีสำหรับมัน ในโรงเรียนมัธยมปลาย ครูไม่สามารถตีผม ดังนั้นมันได้ถูกเปลี่ยนการทำโทษ ผมจำได้ในตอนเกรด 2 ผมเป็นคนเดียว ครูไล่ตามผมรอบสนามโรงเรียนเพื่อที่จะตีผม หลังจากนั้น ผมตะโกนและโต้เถียงในห้องพักครู เพื่อจะพิสูจน์ความผิดที่ผมได้ทำหรือ


--- ดื้อรั้นมากๆในโรงเรียนมัธยมปลาย

R: คุณเป็นคนคล่องแคล่วมากๆและดื้อซนที่โรงเรียน ดังนั้นเป็นคุณมากกว่าเชื่อฟังที่บ้านมากกว่า?

SYP: ผมเป็นคนดื้อรั้นมากๆในโรงเรียนมัธยมปลาย ผมจะโต้ตอบเมื่อครอบครัวผมได้พูดกับผมแค่ 2 – 3 คำ สิ่งที่แย่คือถึงแม้ผมได้หนีออกจากบ้าน ผมได้ไปบ้าน 2 วัน แต่ครอบครัวผมไม่ได้มีความกังวลหรือทำให้เป็นเรื่องใหญ่เหมือนที่คุณเห็นในทีวี พวกเขาไม่ทำให้ตัวเองยุ่งยากเกี่ยวกับมัน ผมได้อยู่ข้างนอกเป็นเวลา 2 วัน รู้สึไม่มีอะไรผลกระทบอะไรเกิดขึ้น ดังนั้นผมจึงกลับแบบอับอาย


-- เงินแต๊ะเอียได้บรรลุเป้าหมายไปแล้ว

R: ดูเหมือนว่าคุณจะค่อนข้างซุกซนเมื่อตอนคุณเป็นวัยรุ่น ขณะนั้นมีอะไรที่เป็นเรื่องเศร้าหรือไม่ ?

SYP: ให้พูดเกี่ยวกับสิ่งที่เศร้าๆหรอ เมื่อผมยังวัยเยาว์ ทุกๆปีเมื่อผมได้รับเงินปีใหม่ ครอบครัวผมจะพูดเสมอว่าเก็บให้สำหรับผม การเก็บ เก็บไปเรื่อยๆ แม่ของผมได้พูดว่า ผมออกจากบ้านไปให้ซองแดง คุณออกไปเพื่อเก็บซองแดงมา นี้เป็นสิ่งที่สมดุลของการให้และรับ นี้ยังเป็นบางสิ่งที่เศร้าซึ่งผมไม่เคยได้ฉลองวันเกิดผมจิรงๆเมื่อผมวัยเยาว์ วันเกิดผมและแม่ของผมทำให้เป็นเหมือนทุกๆวัน ทั้งวันช่วงกลางฤดูใบไม้ผลิ แน่นอนเพ่งไปดูที่แม่ แต่มุมมองของแม่เป็น วันหยุดก็เพียงเหมือนทุกๆวัน หล่อนไม่ได้ฉลองวันเกิด ดังนั้นผมจึงไม่ได้ฉลองตัวผมเอง ผมได้มีแค่ที่จะกิน แต่ไม่ได้รับของขวัญใดๆ

391
Magazine Interviews-China / 2007 Simple Life
« เมื่อ: สิงหาคม 01, 2010, 06:04:54 AM »
"Simple Life" Su Youpeng -Contemporary Music - 2007.06 No.361


01 มุมมองของชีวิตที่เรียบง่ายของคุณคืออะไร ?

A: ชีวิตที่ปราศจากความต้องการที่เป็นที่สนใจหรือความรู้สึกของผู้อื่น

02 คุณสามารถมีชีวิตอยู่ได้หรือไม่ถ้าไม่มีอินเตอร์เนตและโทรศัพท์มือถือ ?

A ไม่ มันติดเป็นนิสัยแล้ว

03 คุณใช้เงินไปกับสิ่งใดมากที่สุดในแต่ละเดือน ?

A สินค้าจำพวกดิจิดอต เสื้อผ้า

04 สิ่งที่คุณกำลังทำชนิดไหนที่คุณคิดว่าพอใจมากที่สุด ?

A สิ่งที่เป็นการความคิดริเริ่ม สิ่งที่ท้าทายความสามารถและประสบความสำเร็จ

05 สิ่งที่คนทำให้คุณชอบมากที่สุดจากการที่ได้พบคือ ?

A ผู้คนที่น่าสนใจกับสิ่งที่ทำให้ตลกขบขัน

06 งานบ้านที่คุณชอบทำมากที่สุดคือ ?

A การนอน

07 เครื่องแต่งกายที่สบายที่สุดของคุณคืออะไร ?

A เสื้อผ้าที่ธรรมดาไม่ต้องทันสมัย

08 การเดินทางล่าสุดนี้เมื่อไร ที่ไหน

A อินเดีย

09 ความรู้สึกสุดท้ายที่คุณรักเมื่อไร

A จำไม่ได้ ฮาๆ

10 สิ่งที่มีความหมายมากที่สุดที่คุณได้ช่วยผู้อื่นคืออะไร ?

A สร้างโรงเรียนประถมของ ซูโหย่วเผิง ได้รับโน้ตจากอวยพรในวันเกิดผม ทำให้รู้สึกดีมากๆ

392
Magazine Interviews-China / 2007 Man's Health
« เมื่อ: สิงหาคม 01, 2010, 05:46:04 AM »
Man's Health 2007 No.3


ยืนยันชายสามสิบของซูโหย่วเผิง ร่างกาย รสนิยมกับหน้าที่และความเป็นผู้ใหญ่

ยืนยันชายสามสิบของซูโหย่วเผิง ร่างกาย รสนิยมกับหน้าที่และความเป็นผู้ใหญ่


ปี 1989 ซูโหย่วเผิงได้กลายเป็นที่ชื่นชอบของผู้หญิงมากมาย ปี 2006 ซูโหย่วเผิงได้ผ่านปีแห่งการก่อตั้ง ตัวเขาที่เห็นอยู่ปัจจุบัน นัยตานั้นได้มีภาระหนึ่งที่แฝงอยู่ ภาพลักษณ์ไกวๆในสมัยนั้นก็ได้จางหายไปจากหน้าตาของเขาแล้ว

วันเวลาวัยหนุ่มที่ผ่านไปอย่างยาวนานและดูเหมือนจะพริบตานั้น ในวัยสิบเจ็ดอย่างดังน้ำหน้าฝนที่ไหลผ่านไกลจาก แต่อดีตของซูโหย่วเผิง ตอนนี้กับอนาคตนั้นทำให้คนอื่นรู้จักกันดีกับไม่คุ้น เมื่อเปิดเวปไป๋ตู้ ผมได้เซิร์ทเข้าไปดูในเวปต่างๆของโหย่วเผิง แต่ก็ไม่ได้เป็นเวปของศิลปินคนอื่นที่มีการแนะนำรางวัลต่างๆที่ได้รับ สิ่งที่เตะตาก่อนใครคือ งานสาธารณะประโยชน์ต่างๆเริ่มตั้งแต่ปี 90 สิ่งนี้ทำให้ผมมีความสนใจมาก การพูดคุยของเรานั้นเริ่มจากจุดนี้


การเป็นผู้ใหญ่นั้นมีความรับผิดชอบอยู่ด้วย

สิ่งที่จะขอบคุณนั้นมีมากมาย

สิ่งที่ทำได้นั้นกลับน้อยมาก

ขณะที่พวกเราได้ไปทุ่มเทให้นั้น

ใครว่าพวกเราได้รับมาไม่ได้เยอะกว่า?

ซูโหย่วเผิง

หน้าแรกในเวปของโหย่วเผิงนั้นได้มีคอลัมหนึ่งได้บอกถึงวิธีการบริจาคเงินเข้ามูลนิธิของเขา ชื่อนี้คือรายการ "นิธิซูโหย่วเผิง” เริ่มปี 2005 “เมื่อบริจาคเข้ามาแล้วทำให้เด็กๆได้มีห้องเรียนเรียนหนังสือ ” โหย่วเผิงกล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า ชายวัยสามสิบสอง (32) คนนี้นั้นในตลอดเวลาแห่งการสัมภาษณ์นั้นมีเพียงแต่เวลานี้เท่านั้นที่ได้เห็นรอยยิ้มแห่งความสุขที่ยากจะออกมาให้เห็นได้ สิบเจ็ดปี(17) จะว่ายาวก็ไม่ยาว จะว่าสั้นก็ไม่สั้น แต่ก็เพียงพอแก่การทำให้หลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไป ในวันที่แตกหนุ่มของโหย่วเผิงนั้นเขากลับกลายเป็นคนเงียบนิ่ง ปากเขานั้นจะเห็นรอยยิ้มตลอดทุกเวลา ก่อนหน้านี้ได้เห็นรูปภาพในเวปไซด์ของเขา รูปในเวปของเขานั้นมีความครึมเข้มไปนิด ผมถามเขาว่าทำไมในรูปถ่ายไม่ยิ้มเลย เขากลับถามผมว่า “หากว่าเวลานี้ผมยังเดียงสาน่ารักเหมือนสมัยก่อนแล้ว นั้นมันใจร้ายเกินไปเปล่า” รูปถ่ายนอกที่ค่อยๆเปลี่ยนไปอย่างโหย่วเผิง

จากขวัญใจวัยรุ่นได้ค่อยๆกลายเป็นผู้ใหญ่ บนบ่านั้นไม่มีเพียงภาระที่จะต้องแบกรับดูแลครอบครัว ต่อสังคมแล้วเขาก็พร้อมที่จะยอมแบกรับหน้าที่ด้วย เขาได้อุปการะเด็กกำพร้าที่แอฟริกา ได้ทำงานสาธารณะประโยชน์อย่างเงียบๆมาตลอด และได้เข้าร่วมช่วยเหลืองานประสบภัยต่างๆอีกด้วย วันที่ 17 กันยายน 2005 เขาได้ร่วมมือกับมูลนิธิเยาวชนจีน ได้ก่อตั้งมูลนิธิซูโหย่วเผิงที่เมืองปักกิ่ง หลักๆคือเพื่อจะสนับสนุนการศึกษาของเด็กๆ ในเวลาเดียวกันก็ได้ร่วมมือกับทางไปรษณีย์กลางได้ออกจำหน่ายแสตมป์ซูโหย่วเผิงเป็นจำนวน 3000 ชุด รายได้จากการจำหน่ายทั้งหมดได้มอบให้มูลนิธิซูโหย่วเผิง ได้สร้างโรงเรียนซีว่าง โหย่วเผิงกล่าวว่า "การเติบโตเป็นผู้ใหญ่นั้นไม่เพียงแต่นำความเปลี่ยนแปลงภายนอกเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นคือ มีความรับผิดชอบอยู่ด้วย ต่อครอบครัว ต่อสังคม ต่อเรื่องความรัก" พูดถึงตรงนี้ เขาได้ถามผมว่าสามารถจะเอาหลักการของการบริจาคลงในบทสัมภาษณ์ด้วย บางทีมันอาจจะช่วยให้เด็กมีห้องเรียนเพิ่มขึ้นอีกคนก็ได้


393
Magazine Interviews-China / 2007 Beijing Youth Weekly
« เมื่อ: สิงหาคม 01, 2010, 04:56:21 AM »
Beijing Youth Weekly” 20070301 – No.597


ซูโหย่วเผิงอยากจะมีร่างกายที่สมบูรณ์แบบเป็นหนุ่มฉกรรจ์

หน้ากล้องอย่างซูโหย่วเผิงได้โปกมือบอกว่าไม่เคยมีภาพลักษณ์ของไกวๆหู่เลย ได้ไว้หนวดเครา ตัวมอมแมมนิดหน่อย มีเส้นผมที่ห้อยลงมาอย่างยุ่งเหยิงหน่อยๆ เห็นถึงอารมณ์ที่โหดทารุณ ได้เขียนถึงความเป็นที่ซ้อนเล้นของความเป็นชาย ชุดที่ทันสมัย ได้มีท่วงทำนองที่ไม่ปกติ นี่เป็นภาพที่โหย่วเผิงมอบให้กับเรา พูดว่าใหม่ คือพวกเราคุ้ยเคยกับภาพวันวานของเขาในไกวๆหู่เกินไป เขาที่ต่อหน้าเรานั้นยังต้องมีคนใช้เวลาในการยอมรับเขาด้วย แต่ว่าสำหรับตัวเขาเองนั้นคุ้นเคยแล้ว และทั้งยังชอบ เพราะเขารู้สึกว่าภาพอย่างนี้นั้นใกล้เคียงกับความเป็นตัวเองมากกว่า ชีวิตนั้นปล่อยไปตามอิสระซูโหย่วเผิงในวันนี้ เป็นคนหนึ่งที่เคยผ่านเป็นคนดังในวัยเด็ก และเริ่มต้นนับศูนย์ใหม่ทั้งการงานและชีวิต


ผู้ชายแห่งสามสิบสี่ปี แช๊ก (เสียงไฟกล้องถ่ายรูป) ได้ตามและติดกับเสียงของช่างภาพ โหย่วเผิงได้มีภาพที่ไม่เหมือนกันออกมา การเปลี่ยนแปลงที่เร็ว สิ่งที่มองเห็นได้คือความมีชีวิตชีวา รูปมิติ ภาพลักษณ์ ตัวตนจริงๆของซูโหย่วเผิง


394
Online Interviews & Updates / 2007 Entertainment
« เมื่อ: สิงหาคม 01, 2010, 04:17:53 AM »

หงอยเหงาซบเซา - ตกต่ำ จะทำอย่างไร?

ไม่เพียงแต่ความซบเซาในวงการบันเทิงจะมีเปอร์เซ็นต์สูงขึ้น เหล่าดารานักแสดงก็ได้เรียนรู้วิธีที่จะผ่านมันไปให้ได้ ด้วยการฟื้นฟูตนเอง ดังตัวอย่างต่อไปนี้

1. ขอความช่วยเหลือจากจิตแพทย์ : 23 พฤษภาคม 2007 บุคคลสำคัญของประเทศจีน Gu Youngyuan ได้กล่าวว่าเขาเคยขอคำปรึกษาจากจิตแพทย์ และสามารถฟื้นตัวได้อีกครั้ง เขาถือว่าการหายจากโรคนี้ถือว่าเป็นของขวัญชิ้นพิเศษ

2. พูดคุยกับเพื่อน : ในงาน Fight depression 2007" Huang Jianyi ได้กล่าวไว้ว่า "ความสุขจะทวีคูณขึ้นถ้าคุณแบ่งปันกับเพื่อนและความทุกข์จะเบาบางลงถ้าคุณบอกแก่เพื่อน....เพื่อน...สำคัญมากๆ จริงๆ" และเน้นหนักไปที่ Lee Zhongren, Lin Xinru เวลาที่ไปสปาหรือแชทกับเพื่อน เมื่อมีคนถามเธอว่าใครที่ทำให้เธอหายจากอาการหงอยเหงาเธอก็จะตอบอย่างหนักแน่นและเสียงดังว่า "เพื่อน...เพื่อนอย่างแน่นอน"

3. ปรับตัวเอง : Su Youpeng กล่าวว่า "การขึ้นและลงในวงการบันเทิงก็เพราะความกดดัน จริงๆ แล้วมันไม่ได้ต่างกันเลย มันยึดหลักอย่างไรให้คุณดูที่ คนที่ไม่มีความสุขมักจะคาดหวังอย่างจริงจังและสูงเกินไป คุณจะสามารถมีความสุขถ้าคุณไม่คาดหวังสูงเกินไป" ในเวลานี้เขากำลังเล่นเกมส์ "Looking things at the bright side" กับแฟนคลับของเขา

ในบล็อค Mei Ting กล่าวว่า "ฉันไม่เคยขอคำปรึกษาหรือความผูกพันกับเพื่อนเลย ไม่เคยบอกเล่าขอความช่วยเหลือหรืออื่นๆนอกจากนั้น" เธอใช้ตัวเองเป็นหลักในการแก้ปัญหา เธอจะใช้เพลงเศร้า หนังเศร้า หรือนิยามในการระบายอารมณ์ของเธอในบางครั้งก็ไปช็อป หรือทานอาหารโปรดและออกกำลังกาย

4. ปลูกฝังงานอดิเรก : นักร้อง Wang Rong กล่าวว่า "การทำงานอดิเรกเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ตั้งใจจริงๆ" เธอเล่นเปียโนและไวโอลิน Sun Nan ลดความกดดันโดยการเล่นฟุตบอล,สกี และแข่งรถซึ่งเป็นกีฬาโปรดของเขา เช่นเดียวกับ Guang Liang, Lee Lizhen และ Zhong Hanliang "ยาวิเศษ" ของพวกเขาคือการวาดรูป ส่วน Gu Tianle และ Huang Zheng นั้นเลือกการท่องเที่ยว "ในครึ่งปีจะไปเที่ยวเพื่อที่จะได้ไปห่างๆจากความหงอยเหงาซบเซา"

5. ร่วมงานการกุศล : Sun Yajun ได้บอกให้ทำตามอย่าง Su Youpeng และ Mei Ting เพราะทั้งสองเป็นแบบอย่างดาราที่ยอดเยี่ยม คืนกำไรให้แก่สังคมทุกๆปี Su Youpeng ก่อสร้างมูลนิธิซูโหย่วเผิง และโรงเรียนซูโหย่วเผิง เพื่อให้แก่คนที่ด้อยโอกาสได้ศึกษาเล่าเรียน และรณรงค์ให้เพื่อนๆที่รักในตัวเขาหันกลับมาดูแลสังคมมากขึ้น

ส่วน Mei Ting ที่บันทึกการสัมผัสจากสัมผัสทั้ง 5 ในแต่ละวันของเธอ "มันทำให้เกิดความสุขเมื่อได้ทำมัน" Mei Ting บอกเล่าถึงเรื่องที่เธอไปเยี่ยมเด็กที่เป็นโรคลูครีเมีย เธอเห็นพวกเขาเข็มแข็งในการต่อสู้โรคร้ายมันทำให้เธอมีความสุข เธอพูดว่า "การได้ช่วยให้คนอื่นมีความสุขมันทำให้เรารู้สึกมีความสุขไปด้วย แต่ความรู้สึกนอกเหนือจากนี้ที่คุณจะสัมผัสได้จะทำให้คุณเข้มแข็งขึ้น"

Jin Yuanzhong ผู้กำกับของ Doremimedia เปิดเผยว่า ในเกาหลีพวกเขากำลังพยายามเรียบเรียงความหมายของเหตุการณ์ที่ศิลปินต้องการจะแสดงความรักแต่สังคมและอื่นๆ ซึ่งมันทำให้พวกเขารู้สึกว่าคุ้มค่า เขากล่าวว่า "เรามีโปรแกรมที่จะทำให้อึ้ง เราจะส่งนักแสดงไปทำงานทางด้านจัดการการศึกษาของสังคม"

คนไข้ที่เป็นโรคซึมเศร้าในประเทศจีนมีถึง 30 ล้านคน

องค์การป้องกันโรคประเทศจีน "Mental Health" (Liang Huei Te Kan) แสดงให้เห็นว่าคนจีนนับ 30 ล้านคนกำลังตกอยู่ภายใต้โรคซึมเศร้านับเป็น 62 % ของประชากรทั้งหมด

ศาสตราจารย์ Yu Gangxing แห่งมหาวิทยาลัย Hua Dong ได้คำนวณไว้ว่า ประชากรกว่า 500 ล้านคนทั่วโลกกำลังทุกข์ทรมารกับความเศร้าซึม และ 1 ใน 10 เป็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้า

ศาสตราจารย์ Yu และองค์การสุขภาพแห่งโลกได้ร่วมมือกันวิจัยในเรื่องนี้ WHO ค้นพบว่าโรคนี้กำลังกลับมาระบาดไปทั่วโลกซึ่งมีมากสุดเป็นอันดับที่ 4 ของโลก คาดว่าในปี 2020 อาจจะขึ้นเป็นอับดับ 2 ในคนป่วยไข้โลหิตและสมอง

395
ซูโหย่วเผิง หันกลับไปเอาดีทางด้านงานดนตรี หลินซินหยู โกอินเตอร์ (Sun News 2007 1st June)



ซูโหย่วเผิง และหลินซินหยู ได้รับการสนับสนุนและผลักดันอย่างเต็มที่จาก ฮัวยี้ หลังจากเซ็นสัญญาได้ 2 ปี หลินซินหยูก้าวเข้าไปทำงานในระดับนานาชาติ ในขณะที่ ซูโหย่วเผิง กำลังวางแผนกลับมาทำงานดนตรีโดยกำลังอัดอัลบั้มใหม่ของเขา ศิลปินทั้งสองเติบโตมาจากงานภาพยนต์ และหลังจากที่เซ็นต์สัญญากับ ฮัวยี้ ด้วยค่าตัวกว่าล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา (2006) ซินหยู สามารถก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินหญิงอันดับ 1 ของ ฮัวยี้ จึงจัดการผลักดันเธอให้โกอินเตอร์ในระดับนานาชาติ

บันทึกเสียงที่ U.S.A.

ซูโหย่วเผิง ออกจากจีน, ไต้หวัน และฮ่องกง เพื่อไปทำงานในญี่ปุ่น และวางแผนที่จะกลับมาทำงานเพลง เขาตั้งใจอย่างแน่วแน่ทางต้นสังกัดจึงอนุญาตให้เขาทำอัลบั้มของตนเองได้อย่างเต็มที่

ความสำเร็จหลังจากการออกอากาศของซีรีย์เรื่องเยี่ยม "WillFull Princess" เตียวหมานกงจู่ (องค์หญิงจอมทะเล้น) ที่นำแสดงโดยศิลปินสาวแสนสวย จางนารา และซูโหย่วเผิง โปรดิวเซอร์ Deng Jianguo จึงเตรียมส่งภาค 2 ออกมาให้ทันท้ายปี ส่วนบทบาทของตัวละครในภาค 2 นี้หลังจากที่ตัดสินใจเลือกอย่างยากลำบาก ในที่สุดก็ได้แถลงข่าวเมื่อวานนี้ว่าให้ Cai Ling (แชริม) รับบทบาทต่อจาก Zhang (จางนารา) และ Xiaobao ต่อจาก ซูโหย่วเผิง Xiaobao นั้นคาดหวังว่าจะได้แสดงร่วมกับ แชริม และจะเจริญรอยตาม ซูโหย่วเผิง ในงานภาพยนตร์ส่วน แชริม นั้นหวังว่าจะได้ร่วมงานกับ ซูโหย่วเผิง อีกครั้ง หลังจากที่ได้มีโอกาสร่วมงานกันแล้วใน ยอดขุนศึกวีรบุรุษตระกูลหยาง และ รักข้ามขอบฟ้า แต่เธอไม่ยอมรับ Xiaobao ที่บีบ ซูโหย่วเผิง ออกและเข้ามาควบคุมบทบาทเสียเอง

เมื่อถามเกี่ยวกับ "Third party" Xiao ตอบอย่างชัดเจนว่า "ลิขสิทธิ์ทั้งหมดของการเลือกนักแสดงนำชายเป็นสิทธิ์ของผู้ผลิต เป็นผมแล้วไง?... พวกเขามีเหตุผลของเขาที่จะเลือก" Xiaobao และ Hu Ke นักแสดง Lin Jiasin ที่เคยแสดงคู่กันในเรื่อง Lian Huan Ju ได้มีข่าวซุบซิบนินทาออกมาเนื่องจากมีฉากที่ดูสนิทสนมกันเกินเหตุในเรื่องเขากล่าวว่า "มันคือเรื่องที่จำเป็น ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องเล่นตามสคริปให้สมบทบาท" พวกเขาทั้งสองก็ยังเป็นเพื่อนกันไม่ได้กลายมาเป็นคู่รักหลังจากจบการถ่ายทำ Xiao ยังสับสนระหว่าง Hu Ke และ Huang Xiaoming แต่พวกเธอทั้ง 2 กล่าวว่า "เราเคยรักแต่มันจะไม่มีอีกต่อไปถ้าเป็นฉันจะไม่เอาเรื่องราวในอดีตมาทำร้ายเรื่องอื่นๆ"

โรคซึมเศร้านับเป็นโรคใหม่ที่เกิดขึ้นในประเทศจีน จิตแพทย์ต่างก็ยอมรับว่ายากต่อการรักษาและฟื้นฟู ความหยาบคายไม่สุภาพและป่าเถื่อนของผู้ป่วยโรคนี้ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศที่เป็นเจ้าภาพโอลิมปิค 2 หนทางสำหรับพวกเขาคือค่าจ้างโดยที่ไม่ได้ตั้งใจเลยและเถียง มีแต่ความเพ้อฝันที่ไม่สามารถเป็นไปได้จริง บอกให้คุณเชื่อและไปซุบซิบนินทาลับหลัง พนักงานระดับสูงก็สามารถกระทำสิ่งที่ต่ำช้าได้ แต่สวรรค์รู้ไม่ว่าจะดีหรือเลว....!!!!!

396
Online Interviews & Updates / 2007 Fight Depression, Happy Life 2007
« เมื่อ: สิงหาคม 01, 2010, 04:08:29 AM »
"Fight Depression, Happy Life 2007"



"วงการบันเทิงและความซบเซาที่เกิดขึ้นเกรงว่าจะถูกลืมและไม่สามารถคืนมาได้"...Origin:China News Net 2007 27th May


พวกเขาเคยสัมผัสถึงเสียงของเขาเองแต่ ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงตัวตนที่แท้จริง พวกเขาเคยมีรอยยิ้มมากมายบนใบหน้าแต่มันไม่ได้เกิดจากตัวของเขาเอง

ก่อนหน้านี้ สาขาศิลปะการแสดงร่วมกันจัดอีเว้นท์ "Fight Depression, Happy Life 2007" งานต่อต้านความซบเซาเพื่อร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับช่วงขาลงที่พวกเขาประสบภายหลังภาพลักษณ์ที่ดูหรูหรา อีเว้นท์นี้อ้างถึงการรักษาตัวตนของเขาเอง ในสายตาของผู้คนในสังคม พวกเขาเปรียบเหมือนดาวจรัสแสงด้วยเสื้อผ้า รถ ภาพลักษณ์ ความมั่งคั่ง สิทธิพิเศษในการเดินทางและภาษีเหนือกว่าผู้อื่นในทุกเรื่อง "แล้วทำไมพวกเขาถึงวิตกกังวลกับชีวิตที่หรูหราอย่างนี้เล่า?"

หลังจากบทสัมภาษณ์ก็ได้รู้ความจริงว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการที่สุด อย่างบุคคลสำคัญ Zhu Young Yuan หลังจากที่การแสดงความคิดเห็นดำเนินไปได้ไม่นาน Huang Jianyi ก็ได้ออกความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า "มันหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วที่ นักแสดงจะไม่มีความสุข" ซึ่งทำเอาสะกิตใครหลายคนอยู่เหมือนกัน  Su Youpheng (20 ปีกับเส้นทางสายนี้) คิดว่าชีวิตของนักแสดงก็เหมือนกับ Roler Coaster ที่หมุนอยู่ตลอดเวลาซึ่งอาจจะมีขึ้นมีลงบ้างและก็น่าตื่นเต้น แต่เขาเพิ่มมาเข้าใจอย่างแจ่มชัดว่า ช่วงที่ยังหนุ่มสาวเป็นช่วงที่สามารถทำเงินได้ดี แต่เมื่ออายุมากขึ้นความสนใจก็จะถูกลดน้องลง แต่ที่มากไปกว่านั้นคือ ความอยากรู้อยากเห็นของประชาชนก็จะทำให้ความเป็นส่วนตัวของคุณหมดไป ไม่สามารถมีความลับได้เลย

Lin Xinru ที่มีจุดยืนของเธอเองหลังจากที่ได้ก้าวเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงกล่าวว่า "ชื่อเสียงความโด่งดังเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน เมื่อมาแล้วก็ไปจากเราได้ อย่างเช่น ในวันนี้คุณสามารถบินขึ้นไปสู่จุดสูงสุดได้ แต่ก็สามารถร่วงลงมาได้ในวันพรุ่งนี้เหมือนกัน เมื่อคุณไม่สามารถทำสิ่งที่ยากได้ คุณก็จะไม่มีทางไปสู่จุดที่ง่ายและมาถึงในจุดนี้ได้"

Xie Na เล่าถึงเส้นทางของเธอที่ไม่สู้ดีนัก และกำลังเข้าสู่ช่วงขาลง "ทีมงานทุกคนคาดหวังและต้องการให้เกมส์โชว์ที่ทำอยู่ได้รับเสียงตอบรับที่ดี ฉันถูกหาว่าไปควบคุมเกม แต่ที่จริงแล้วก็แค่เล่นไปตามเกม ฉันไม่มีอะไรอธิบายในเรื่องนี้ ฉันอยากจะหยุดพัก ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเลย ทำไม He Ling กับ Wei Jai ทำได้ แล้วทำไมฉันทำไม่ได้ล่ะ?"

ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติทั้งหลาย ผู้ที่ประสบการณ์มากมายในเรื่องนี้ก็คงจะเป็น Su Youpheng วัย 34 ผู้ซึ่งคิดริเริ่มให้ "Obidient tiger" พัฒนาไปเป็นโอเปร่า "Wu ah ge" ทำให้สิ่งที่แข็งกระด้างดูอ่อนนุ่ม ราวขนสัตว์ โดยส่วนตัวแล้ว เขายอมรับว่าช่วงขาลงนั้นมันได้เกิดขึ้นก็จริง แต่เขาก็มั่นใจว่ามันจะไม่กลับไปเลวร้ายเหมือนอย่างเดิม

Su Youpheng นับได้ว่าเป็นบุคคลที่สมบูรณ์แบบจริงๆ เขามั่งคั่งและมีชื่อเสียง เมื่อเริ่มเข้าสู่วงการตอนอายุ 14 และมีความสุขกับการใช้ชีวิตวัยรุ่น เมื่อยังเป็นหนุ่ม ค่าตอบแทนที่เขาได้จากการทำงานส่วนหนึ่งนำมาสนับสนุนทางด้านการศึกษาของพี่ชาย/น้องชาย รวมทั้งตัวเขาเองด้วย และก็ยังเพื่อแผ่ให้แก่สังคมอีกด้วย

หนังสือพิมพ์ไต้หวันได้ทำข่าวบิดเบือนความเป็จริงจนกลายมาเป็นหัวข้อข่าวที่คนพูดถึงกันมากที่สุดบน BBS "นี่คือจำนวนคนที่ยอมรับและคนที่รับไม่ได้ไม่ยินยอม" (ซึ่งมีอัตราส่วนสูงทีเดียว) พวกเขาเรียก "ซูโหย่วเผิง" (คนขี้แพ้)" แต่เขาได้ตอบกลับไปว่า "ลองมาดูคำตำหนิฉันกว่าครึ่งหน้านี้สิ (ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เป็นความจริง)" ส่งผลให้เขาเสียความรู้สึกมาก

หลังจากนั้น ผู้อาวุโสท่านหนึ่งได้บอกกับเขาว่า "หน้ากระดาษข่าวมันอยู่ได้แค่ 1 วัน" "เมื่อไหร่ก็ตามที่ต้องการประโยคนี้...ฉันจะใช้มันเพื่อท่องเที่ยวไปคนเดียว และคิดว่าในคืนนี้ฉันไม่ต้องการเจอใครสักคน" เป็นอย่างนี้มาปี-2 ปีแล้ว ในเวลานี้ไม่มีใครช่วยฉันได้ "ฉันต้องจัดการทุกอย่างเพียงคนเดียว" ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลยระหว่างความกังวลกับความหงอยเหงาเศร้าซึม

Su Youpheng พยามที่จะแสดงละครเวที (Ju Hua Xiang) ซึ่งถูกกล่าวหาว่าชักนำไปในทางที่ผิดหลังจากที่ได้แสดงไปในเวลานี้เขาไม่ได้กังวลใจ เขาเข้าใจดีและคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าความรู้สึกผิดหวังของเขา "มองสิ่งที่ขึ้นและลงด้วยใจ สิ่งนั้นก็จะเบาบางลง"

397
สัมภาษณ์นอกสถานที่ โดย สถานีวิทยุ Jiangsu  เมือวันที่ 22 มีนาคม 2007


ปัจจุบันและอนาคต Alec....

การสัมภาษณ์นอกสถานที่ โดย สถานีวิทยุ Jiangsu หลังจากการประกาศผลงานเพลง IFPI เมือวันที่ 22 มีนาคม 2007 ณ ประเทศ ฮ่องกง
TAN:


พิธีกรชาย: รู้สึกว่าคุณจะคล้ำขึ้นกว่าแต่ก่อนนะ...เกิดจากการถ่ายภาพยนตร์รึ...

Alec: จากการทำผิวแทน...

พิธีกรชาย: คล้ำแบบสากลสำหรับภาพลักษณ์แข็งกร้าว

Alec: ไม่รู้สิ..อยากผิวสีแทนน่ะ..ผมไม่ชอบแบบดูแล้วซีด ๆ น่ะ

พิธีกรหญิง: ก่อนหน้านี้ guai guai hu ดูซีดกว่านี้นะ

Alec: ก่อนหน้านี้ ผมคิดว่า เพราะผมยังหนุ่มและบริสุทธ์ ผมก็รู้สึกว่ามันโอเค..ในความรู้สึกของนักเรียน..แต่ตอนนี้ผมอายุ 30 เข้าไปแล้ว ..

พิธีกรชาย: มันเพราะว่าผ่านมาหลายปี เลยอยากเปลี่ยนมีการเปลี่ยนแปลงมั่งใช่รึเปล่า

Alec: ผมอยากจะมีลักษณะของผมเอง..ให้ภาพลักษณ์ของผมเป็นอย่างนั้น

พิธีกรหญิง: ดิฉันรู้สึกว่ามันก็ดีนะ..ดูเยี่ยมเลยทีเดียว..ก่อนหน้านั้นดูเด็กไปหน่อย..ตรงๆ เลยนะ

พิธีกรชาย: เขาก็ยังดูเด็กอยู่นะตอนนี้ ..และยังไม่ได้อายุมากเรยนิ..(Alec หัวเราะ)..เขาอยากให้ตัวเขาดูแทนเอง(Alec: ขอบคุณ แล้วก็หัวเราะอย่างสนุกสนาน)

IFPI

พิธีกรหญิง: วันนี้พวกเรามาอยู่ที่งาน IFPI นี้.. (Alec: อืมม..)..จริง ๆ แล้วพวกเราได้ติดตามYouPengอย่างใกล้ชิด เพราะเวลาส่วนใหญ่ พวกเราเห็น เขาแสดงในละครทีวี และมันดูเหมือนว่ามันจะเป็นเวลานานที่พวกเราไม่ได้เห็นคุณร้องเพลงเลย..

Alec: ใช่ แน่นอน ... ฉันกำลังจะเปิดตัวอัลบั้มใหม่ในช่วงฤดูร้อนในปีนี้ ประมาณเดือนกรกฎาคม.. มันห่างประมาณ 2 ปีจากตั้งแต่อัลบั้มที่แล้วคับ… (พิธีกรหญิง: ใช่ๆๆ.. ถูกต้อง)

พิธีกรชาย: ฉันจำได้ว่าYoupeng ได้ออกอัลบั้มหนึ่งชื่อ Qing Ding Ai Qin Hai..

Alec: ใช่ๆแล้ว พื้นฐานบนแนวเพลงในนั้น อั้มนั้นได้ถูกเรียกว่า ก่อนและหลัง…

พิธีกรชาย: ใช่ๆ ก่อนและหลังใ.. ฉํนจำได้เวลานั้น ฉันได้ฟังเพลงของคุณ… แต่หลังจากนั้นบางเวลา ฉันจำได้ระหว่างที่มีใครคนหนึ่งที่ได้พูดคุยอยู่ในนี้ว่า Youpeng ต้องการที่จะพักคอนเสิร์ตโชว์เดียวของเขาในฮ่องกง… หลายปีให้หลัง ได้กลับมาที่ฮ่องกงกับYoupeng ที่จะเข้าร่วมคอนเสิร์ตJacky Cheung.. และที่เวลานั้น Youpeng อยาก… (Alec: อืมๆๆๆๆ … ที่เวลานั้น คุณยังเป็นนักข่าว … หัวหน้านักข่าว)… [ทั้งคู่ได้หัวเราะดัง]

Alec: คุณต้องการที่จะบอกฉันว่า พวกเรารู้ทั้งหมดได้อย่างไร … เพราะว่าพวกเราดูเงียบๆเหมือนกัน…

พิธีกรชาย: ใช่ๆ.. ให้พวกเราเล่าเรื่องสั้นๆให้ใ. เพราะว่าที่เวลานั้น Youpeng กำลังขยิบตาอยู่ในห้องที่โรงแรม… ดังนั้นฉันได้อยู่ที่ชั้นล่างกับผู้จัดการของเขา… และมีแฟนๆของเขา.. ดังนั้นผู้จัดการเขาได้บอกกับแฟนๆว่าพี่ชายของSu Youpeng ชื่อว่า Su Dapeng.. ดั้งนั้น Su Dapengจึง ต้อนรับ แฟนๆอยู่ข้างล่าง… และบอกพวกเขาว่า “โอ้ ตอนนี้Youpengกำลังพักผ่อนอยู่ จะกลับมาภายหลัง” หลังจากนั้น ฉันได้รู้ว่าYoupengได้รับเมลล์บางเมลล์จากแฟนๆ.. และ Youpengได้นำฉบับหนึ่งมาบอกฉัน … มันเขียนว่า (แฟน) ได้รู้สึกประทับใจที่ได้พบ Su Dapengและหวังว่าจะได้พบกับ Su youpengในอนาคต…

Alec: ใช่ๆ … ดังนั้นเขาขโมยแฟนของฉันไปคนหนึ่ง (หัวเราะ)

พิธีกรชาย: ฉันรู้สึกดีใจที่ได้เห็น youpeng ในฮ่องกงและได้ยินว่าyoupengกำลังจะออก(อัลบั้มเร็วๆนี้)

Alec: ภาษาจีนกวางตุ้งของฉันได้พัฒนาขึ้น (พิธีกรหญิง: ไม่ ไม่ ไม่)

พิธีกรชาย: ฉันคาดว่าคุณไม่สามารถ…

Alec: ไม่มีการพัฒนาเลยหรอ ???

พิธีกรชาย: ฉันรู้สึกว่า “siu siu lor” (แค่เล็กๆ)

Alec: ใครพูด “siu siu” … yi qian jiang bu liao leh… (ก่อนที่ฉันจะซุ่มซ่ามกับคำที่พูดออกไป)

พิธีกรชาย: (ภาษาจีนกวางตุ้ง) Lei ji chin ho ho dor (เมื่อคุณได้ดีขึ้นก่อนหน้านี้)

Alec: (ภาษาจีนกวางตุ้ง) Ng hai ka… wo ji qin kong ng dou ka…

พิธีกรชาย: แต่วันี้ คุณพูด(ภาษาจีนกวางตุ้ง)ได้มากขึ้น

(พิธีกรชายจึงได้รายงานสิ่งที่เกิดขึ้นบนเวนที… การเสนอรางวัลที่ขายได้สูงสุด)

พิธีกรชาย: หวังว่า youpeng จะได้ในปีหน้า, เวลาเดียวกันนี้ .. พวกเรา… จะต้องมีโอกาสที่จะรายงาน ที่จะเห็น Su youpeng ได้ขึ้นไปบนเวที รับรางวัล

Alec: ได้ๆ ขอบคุณๆ

พิธีกรชาย: วันนี้การได้เห็นYoupeng มีความรู้สึกว่า youpeng ได้ลดน้ำหนักลงมาก..(พิธีกรหญิง: ใช่ๆถูกต้องเลย)


398
Magazine Interviews-China / 2007 Growing Pleasure
« เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2010, 08:08:11 PM »
เมษายน 2007  – Su Youpeng – เหตุผลของการตกต่ำ


จากกฎของนิวตันที่ว่า “ตก” คือกฎของแรงโน้มถ่วง แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างเต็มที่ ทางความคิด ความสำเร็จ. มันแน่นอนว่าไม่ได้เป็นการอธิบายในแง่ลบของ “การละเลย , ความตกต่ำ” สังคมทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน. ด้วยการพัฒนา มันมาเป็นเหมือนต้นที่กำลังออกผลเต็มต้น พร้อมที่จะถูกเก็บเกี่ยวเป็นเหมือนความสำเร็จ. เพราะว่ามันไม่สามารถรักษาไว้ชั่วขณะในกลางอากาศ; ดังนั้นมันจึง “ตก”. เหมือนกับการค้นหา มันต้องใช้ความกล้าหาญ.

ช่วงวัยรุ่นที่ดี

ในช่วงวัยรุ่นของคุณ คุณมีแนวโน้มที่จะพยายามชอบกระทำในสิ่งที่ดึงดูดความสนใจผู้อื่นหรือไม่ ?

แท้จริงแล้ว ใช่. ตั้งแต่ฉันได้เป็นวัยรุ่น ฉันพยายามเสมอๆที่จะเอารางวัลที่ 1 ในทุกๆการแข่งขัน; ที่เวลานั้น ชีวิตเพียงหมุนอยู่แต่รอบๆโรงเรียน. ฉันชอบที่จะเอาชนะ เพื่อที่จะดึงดูดความสนใจจากผู้อื่น(Show off); คะแนนการ์ดของฉันดี; ฉันได้อวดมันด้วยเหตุผลต่างๆ อ่า! ตั้งแต่เข้าร่วมกับ Xiao Hu Dui ได้มาเป็นนักแสดง ชีวิตฉันได้เริ่มเปลี่ยน; ฉันเริ่มที่จะไม่ต้องการอวดเก่งกับใคร ไม่อยากเป็นที่สังเกต.

ตอนนี้คุณ ให้ความสำคัญทุกๆสิ่งน้อยลง.แล้วมันจะเป็นตัวจริงของ Su Youpengหรือไม่ ?

เป็นฉันโดยแท้จริง. เกี่ยวกับน้อยลง ... ขึ้นอยู่กับโอกาสและสิ่งแวดล้อม ... เช่น บนเวที ขณะที่กำลังถ่ายรูป ฉันบางทีอยากจะต้องการแสดงความรู้สึกของตัวเอง. ฉันไม่รู้ ถ้าคุณเชื่อในโหราศาสตร์ ฉันเชื่อว่ามันค่อนข้างจะแม่ยำ. เริ่มจากวันเกิดฉันวันที่ 30 ดวงชะตาของฉันได้เริ่มเปลี่ยนไปที่ราศีกุมภ์ ไม่นานลักษณะนิสัยราศีกันย์เป็นหลักฐาน. นั้นถึง เปลี่ยนมาอย่างไรโดยบางที ... ยังมีแรงจูงใจจากประสบการณ์การทำงานนักแสดงและชีวิต. ฉันยอมรับซึ่งสิ่งเดียวที่สามารถมาเป็นมากและมากกว่าความซื่อสัตย์. เช่น ตอนพวกเราได้เป็นวัยรุ่น พวกเรารู้สึกว่าพวกเรามีข้อบกพร่องที่นี้ จุดอ่อนนั้น ; พวกเราอยากจะพยายามที่จะปกปิดพวกมันอย่างรอบคอบ. ฉันเชื่อว่าพวกเราแต่ละคนได้ผ่านจุดนี้ไป. แต่พวกเราค้นพบภายหลังว่าชนิดของชีวิตนี้ไม่ได้มีความสุข. ดังนั้น พวกเราพูด – อะไรก็ตาม ข้อบกพร่องก็คือข้อบกพร่อง ! ปรับปรุงให้ซื่อสัตย์มากขึ้น มันจะง่ายกว่า.

คุณเป็นคนที่มีผลกระทบจากสิ่งล้อมรอบได้ง่ายหรือไม่ ?

ค่อนข้างง่าย. เช่น ฉันเพียงกลับมาจากไทเปวันนี้. ดังนั้นฉันจึงอยากจะพูดด้วยสำเนียงไต้หวันอย่างหนักแน่น.

คุณเชื่อว่าชีวิตคุณมีรสชาติที่ดีหรือไม่ ?

ไม่เลว !

คุณรู้สึกว่ารสชาติในชีวิตคุณนั้นมีมาตรฐานหรือไม่ ?


ไม่ได้คิดอย่างนั้น การพูดเกี่ยวกับไม่ว่าฉันจะมีรสชาติของฉันรู้สึกว่ามันแปลกมากๆ. บางทีขณะที่เป็นนักแสดง พวกเรามีขอบเขต พวกเราได้เข้ามาอยู่ในสัญญาบ่อยๆกับแฟชั่นใหม่ๆและของที่ล้ำสมัย; เรียนรู้มากขึ้นจากพวกมัน. ที่เวลานี้ คุณดูเหมือนวัตถุ การคิดซึ่งมันควรจะเป็นทางนี้. แต่ฉันอยากจะเปลี่ยนมัน ฉันไม่ต้องการทางเดินที่ทุกๆคนสามารถคาดคิดถึงมันที่จะเป็น. ฉันชอบสิ่งเหล่านี้กับลักษณะของมัน ไม่ใช่หนังสือ ไม่ใช่สถานที่ที่เป็นส่วนรวม

ถ้าบางคนได้พูดกับคุณว่าคุณเป็นคนที่โชคดี คุณจะเห็นด้วยมัน ?

ขึ้นอยู่กับรายละเอียดข้อใน. เส้นทางสายนี้ที่ฉันได้ถูกเลือก ฉันยอมรับเสียงปรบมือ สิ่งของ. แต่ฉันยังหยุดอยู่มาก; ฉันต้องไปจากการปรับเปลี่ยนที่ดูติดขัดในปีที่แล้วไปเป็นการตอบรับในวันนี้ และสะดวงต่อการพูด. นี้ การพัฒนา ... มองจากมุมมองที่แตกต่างกัน ไม่สามารถพูดง่ายได้ว่า มันโชคดีหรืออย่างอื่น.

คุณคิดว่าแฟชั่นคืออะไร ?

เป็นทัศนคติหนึ่ง แสดงออกทางความรู้สึก.

คุณเป็นผู้นำแฟชั่นชายหรือไม่ ? สไตล์แบบไหนที่คุณชอบ ?

ชอบเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่มีสไตล์เฉพาะ.

คุณชอบที่จะเป็นที่ดึงดูดทางเพศหรือไม่ ?

ไม่เลว ถ้ากรณีนั้น; ถ้าไม่ ฉันก็ไม่สนใจ.

คุณรู้สึกว่าการว่าจ้างช่วยเหลือเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ?

ไม่สามารถถามปกติได้สำหรับมัน. แต่ถ้ามีจริง นั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด. ตามความเป็นจริงแล้ว มันไม่สำคัญมากๆ แต่ เช่น ถ้ามันเป็นการร่วมมือกันครั้งแรก การปรับเปลี่ยนได้เกิดขึ้นเรื่องๆ. นักออกแบบเสื้อผ้าไม่รู้ว่าจุดแข็งและจุดอ่อนของคุณเพราะมันเป็นครั้งแรกในการร่วมมือกับคุณ. บางเวลา ฉันไม่ต้องการที่จะพูดอีก ดังนั้น เกิดการที่ทำตัวงุ่มง่ามขณะที่อยู่หน้ากล้องนั้น. คนที่สนิมสนมจะทำสิ่งได้ง่ายกว่า.

ใน 2006-2007 ตลอดเวลาที่ Su Youpengจะปรากฏตัวต่อหน้าสื่อมวลชน เขาชอบจะทำอะไรเล็กๆน้อยๆเสมอๆกับหน้าตาเขา. เขาได้ตามแฟชั่นได้ดีและสัมผัสที่ดีกับการใช้. เขาได้กล่าว เพราะว่าเขาไม่ได้ชอบเก่าแก่ เขาไม่ต้องการที่จะออกภาพต่อทุกๆคนทั้งๆที่ไม่เคยเปลี่ยนลุคเลย. ที่สิ้นปีนี้ และ ตอนเริ่มของปีนี้ มีงานจำนวนมาก; เขาถือสปอร์ไลท์ที่ทุกๆงานมอบรางวัล มีทั้งใหญ่และเล็ก. นักข่าวเขาได้เปิดเผยออกมา.

คุณให้ความสำคัญกับรางวัลหรือไม่ ?

คำถามนี้... ฉันรู้สึกค่อนข้างจะลำบากใจ ฉันปกติแล้วจะไม่ค่อยชัดเจนกับการเลือกเกณฑ์มากนัก. ฉันรู้สึกว่าฉันได้ทำงานหนัก แต่สำหรับทุกๆปี มันดูเหมือนฉันไม่ได้รับสิ่งเหล่านั้นเลย แต่ฉันไม่ใส่ใจ. ปีนี้ ทันที มีหลายๆมากขึ้น ความคล้ายคลึงของฉันที่เวลานี้เป็น ... เหมือนนักเรียนด้านดี ซึ่งกำลังทำงานบ้านของที่โรงเรียน ไม่มีใครจ่ายเงินให้หรือให้ความสนใจใดๆ ดังนั้น วันหนึ่งทันใด หลังจากโรงเรียน บางคนเรียกฉันและให้รางวัลแก่ฉัน ฉันรู้สึกประหลายใจมาก.

399
จิตใจเป็นเหมือนกระจกที่ใสสะอาด


หลังจากที่เซ็นสัญญากับ HY Brothers กันแล้ว, พวกเขาเป็นหน้าเป็นตาที่ยิ่งใหญ่. หลังจาก 10 ปี, มันไม่ยาวนานปีที่แล้ว, ป้องกันการหลุดพ้นอย่างแน่นอนจากเรื่องที่ยิ่งใหญ่, กำจัดเสื้อคุมออกไป,ติดตามดูความสำเร็จ, การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่. เหมือนกันการแตกตัวของรังไหม, พวกเขาลบล้างภาพที่น่ารักเหมาะสม, การค้นหาเสียงที่ฝังอยู่ภายในพร้อมด้วยโอกาสในชีวิตบนจอสีเงิน. หลังจากที่ตกใจอย่างมากและปลดปล่อยที่ยิ่งใหญ่และยังคงสามารถเก็บความสงบได้, จิตใจที่เป็นเหมือนกระจกใส…..

มีสะพานเชื่อมระหว่างอุดมคติและความเป็นจริง; สะพานนี้ไม่ได้ยาว, แต่ก็ไม่ได้สั้นมาก. มันยาวเพียงพอกับความต้องการนั้นของคุณที่จะต่อสู้ไปข้างหน้า, หนักแน่นอย่างละขั้นตอน, เพื่อที่จะถึงอีกฝั่งหนึ่ง; แต่ก็สั้นพอที่จะอนุญาติให้คุณนั้นที่จะเห็นการแสดงที่น่าสนใจบนอีกข้างหนึ่งของสะพาน, ระหว่างรางวัลประจำปีBQ2006, Su Youpeng และ Lin Xinruได้ถูกจดจำเป็นย่างมาก, พรั่งพรุไปด้วยเกียรติ; พวกเขาไม่ได้ใส่ใจในความสำเร็จเป็นเหมือนกับทางไปสู่จุดสูงสุดในอาชีพ, แต่เลือกที่จะสงบเงียบและมีความหมายในชีวิตแทนที่. การจัดการในชีวิตของพวกเราในทิศทางที่เรียบง่าย, ไม่ต้องการการประโคมข่าวมากนัก. มันดูเหมือนเด็กที่มีความฝันอย่างหนักแน่น, ตระหนักในแต่ละขั้น, แต่มันก็ไม่ได้ไร้รสชาติของชัยชนะไปมากนัก, การก้าวไปข้างหน้าอย่างเงียบๆสำหรับความคิดข้างหน้า.


Lin Xinru ได้อยู่ในโลกของแววงบันเทิงที่ซับซ้นมาหลายปี, จากบทที่เล่นในนิทานที่เป็น “Snow White” ได้อย่างดี, ไปสู่บท “dark angel(นางที่ชั่วร้าย)” ในชุดสาวชุดดำ, จากนี้ก็เปลี่ยนไปเป็นเจ้าหญิงที่มีเสน่ห์. ตอนนี้หล่อนได้เปลี่ยนไปเป็นหญิงที่มีเสน่ห์อย่างเต็มตัวแล้ว, ที่น่าสนใจ, หญิงที่สง่างามและหญิงที่มัดผม.


“Guai Guai hu”ที่น่ารักตอนนี้เต็มไปด้วยมุมมองที่เฉียบขาด, จากบนลงล่าง, ที่แสดงรัศมีออกมาอย่างลี้ลับที่จะเป็นมาเฟีย. ลึกลงไปในอดีต ภาพความมั่นใจของเขาเมื่อเขาเริ่มในเส้นทางนี้; ด้วยส่วนประกอบที่เล็กน้อยแต่เต็มไปด้วยความเท่ห์. ผมดำมันเงายังไม่ได้ทำให้ย้อมสี, กอดกีฬา, การร้องเพลงและโบกมือไปบนเวที: “ตะโกนเสียงดังไปบนท้องว่าฉันรักคุณ, การบอกถึงก้อนเมฆที่ลอยไปอย่างไร้ทิศทางว่าฉันรักคุณ, ให้ฟ้าได้ยิน, ให้เมฆได้รู้, ไม่มีใครสามาลบสัญญาที่เราสร้างขึ้น”(เนื้อเพลงจาก “รัก”), ความหนุ่มหล่อกับการสัมผัสถึงความเขลาได้. รอคอยการเปลี่ยนรูปแบบนี้ของเขาในอัลบั้มในเดือนมิถุนายน





400
Magazine Interviews-China / 2007 Men's uno China
« เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2010, 02:08:30 PM »
Men’s Uno(China), December 2007

Su You Peng: My Freedom(ความอิสระของฉัน)


จะสังเกตเห็นว่าภายใต้รอยยิ้มภายนอกของเขานั้น ซ่อนบุคคลิกส่วนตัวของเขาและความหัวรั้นของเขา. บุคคลิกของเขาไม่ใช่ความหายนะ, และก็ไม่ใช่ข้อบกพร่อง. คุณลักษณะที่ดีที่สุดของดาราในวงการบันเทิงเป็นเรื่องยากที่จะเป็น. แท้จริงแล้ว คุณสามารถรวมพวกเขาเข้าอยู่ในกำมือเดียว. สำหรับคนชอบที่สุด ทั้งหมดจะไม่ใช่เกินไปกว่ามือคุณทั้ง 2. หลังจากนั้นทั้งหมด พระเจ้าไม่ได้กำหนดให้คนทุกคนมีรูปร่างลักษณะที่ดีไปพร้อมกับไอคิวที่ดี. อย่างไรก็ตาม Su You Peng มีข้อดีของการมีสถานที่ดีๆในชีวิตและสมดุลในชีวิตเขา

ถ้าคุณผลักดันเขาในจำนวนคนธรรมดาทั้งหมด เขาจะยังคงโดดเด่น. ขณะที่เขาเป็นเด็ก เขาได้เคยเป็นนักเรียนซึ่งมีชื่อเสียงในความประพฤติด้านการเรียน. ถึงแม้ว่า ถ้าเวลาส่วนใหญ่ของเขาจะถูกไปเป็นด้านการแสดงมากกว่า, เขายังคงจัดการตัวเองที่จะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยนานาชาติไต้หวัน. นักแสดงคนหนึ่งได้พูดกับเขาว่า: “เพื่อที่จะเป็นการสร้างความประหลาดใจให้ฉัน, ถึงแม้ว่าจะเป็นจะถ่ายทำอย่างหนัก, เขาได้คะแนนที่ดี. ให้ฉันได้รู้อย่างพอใจที่เขาจะสำเร็จใน ‘การเปลี่ยนแปลงทัศนคติ’ ”(หมายเหตุ: คำที่ถูกเปลี่ยนในจุลภาคในข้อความเดิมหมายถึงการเล่นสำนวน. จากนี้ไป มันจะเป็นแปลความหมายเป็นทั้ง “หนอนหนังสือ” และ “การเปลี่ยนทัศนคติ”). ในความเป็นจริง ถ้าเขาได้พูดว่า มีงานที่ต้องทำให้เสร็จ, ไม่ว่ามันจะยากเพียงใด, เขาจะทำเรื่องอัศจรรย์ขึ้นมา


เขาจะเป็นคนซึ่งมีความสุภาพอ่อนโยนซ่อนอยู่ในอารมณ์ของเขา. ผลลัพธ์ เขามีลักษณะพิเศษใกล้กับความสัมพันธ์ในชีวิต, จากเมื่อเขาได้รับประสบการณ์มากขึ้น. ผู้คนส่วนใหญ่เชื่อว่าในชื่อเสียงที่ได้มา ไม่ได้เป็นตัวตัดสินที่จะมีความสุขเสมอไป.


หน้า: 1 ... 18 19 [20] 21