Alec Su Youpeng fanclub in Thailand

ALL About Alec SU YOU PENG | รวบรวมผลงานของ ซูโหย่วเผิง => BSYP Fan Actions => ข้อความที่เริ่มโดย: Chomnath ที่ กรกฎาคม 26, 2010, 06:29:07 AM

หัวข้อ: ซูโหย่วเผิงอยู่เหนือไกวไกวหู่
เริ่มหัวข้อโดย: Chomnath ที่ กรกฎาคม 26, 2010, 06:29:07 AM
(http://i184.photobucket.com/albums/x178/alec_002/2000_8-1.jpg)

ซูโหย่วเผิงอยู่เหนือไกวไกวหู่

ปี 2009 เรื่อง “เฟิงเซิง”เรื่องเดียวทำให้อาชีพของโหย่วเผิงสูงขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง จากการที่เขาเล่นบทกระหนุงกระหนิงอย่างไป๋เสี่ยวเหนียนนั้นทำให้เขาได้รับ 2 รางวัลด้วยกัน และตรุษจีนในปี 2010 นี้จะขอให้เสี่ยวหู่ตุ้ยได้รวมตัวกันอีกครั้งนั้น ยิ่งทำให้เขาเป็นที่โดดเด่นบนเวทีเลย  

โหย่วเผิงในวันนี้นั้น ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกยกไม้ยกมือดูแล้วอย่างไรก็ไม่เห็นเงาของไกวไกวหู่หลงเหลืออยู่เลย เขานั้นได้เป็นชายหนุ่มที่ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวจากเรื่องวัยหนุ่ม เรื่องอาชีพมามากมายแล้ว ชีวิตของเขานั้นเต็มไปด้วยละครแนวสนุกบันเทิง คุณพ่อที่หัวอนุรักษ์นิยมนั้นเดิมที ไม่อยากจะให้เขามีความเกี่ยวข้องกับเสี่ยวหู่ตุ้ยเลย แต่ทางด้านคุณแม่ก็คิดว่าไม่เป็นไร ลองไปหาประสบการณ์นิดๆหน่อยๆ ก็ได้ และได้สนับสนุนเขา และเขาเองที่ยังเป็นเด็กก็คิดว่าตัวเองนั้นเก่งแต่เพียงเรียนหนังสือ เริ่มแรกที่ก่อตั้งเสี่ยวหู่ตุ้ยนั้นโหย่วเผิงเองก็ยังไม่ค่อยชิน บุคลิกที่ขวยอายอย่างเขาจะต้องขึ้นเวทีสู้เสือ  

แล้วเขาก็พยายามที่จะปรับตัว ปรับตัวเองทีละนิดทีละหน่อย จนสามารถที่จะร้องเพลงได้ และด้วยอายุที่แค่นี้ของเขาทำให้เด็กวัยรุ่ยหนุ่มสาวบ้าคลั่งเขาให้เป็นขวัญใจ

แสงรุ่งค่อยๆ ดับ หลังจากที่เสี่ยวหุ่ตุ้ยแยกทางกัน เขาที่ยังเรียนมหาลัยปี 3 ที่ไต้หวันก็ตัดสินใจที่จะลาออก แล้วก็ได้บินเดี่ยวไปที่อังกฤษ ได้ไปเรียนภาษาอังกฤษที่เมืองลอนดอน กลางวันไปนั่งรถเล่น กลางคืนก็หาโรงแรมนอน ท่องไปทุกหนทุกแห่ง ได้เห็นวิถีชีวิตที่แตกต่างมากมาย สัมผัสวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนเดิม เขาก็เริ่มค่อยๆ เข้าใจว่า ชีวิตคนเรานั้นต้องแล้วแต่โชคชะตา

9 ปีผ่านไป ดีกรีของความเป็นนักร้องขวัญใจก็ค่อยๆจางหายไป เขาก็เริ่มคุยเคยกับชีวิตแบบนี้ เวลานั้น “องค์หญิงกำมะลอ” ก็ได้เกิดขึ้น โหย่วเผิงก็ได้เริ่มลองกับงานการแสดงละคร จากร้องก้าวสู่แสดง การเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่หลวงอย่างนี้ โหย่วเผิงก็เคยไม่มั่นใจตัวเองเหมือนกัน แต่ทางทีมงานก็บอกว่า “ไม่ผิดแน่ เขาแหละ ที่จะเป็น อู่อาเกอ ที่ผมจะมาปั้น และด้วยคำคำนี้ สร้างความมั่นใจให้กับโหย่วเผิงเป็นอย่างมาก และด้วยการแสดงบทของ อู่อาเกอ ที่โดดเด่นสนุก ทำให้เขาดังระเบิดในจีนอีกครั้งหนึ่ง  

(http://i184.photobucket.com/albums/x178/alec_002/2000_6-1.jpg)

จากนั้น โหย่วเผิงก็รับแสดงเรื่องต่างๆ “เราสองหัวใจเดียวกัน” “รักข้ามขอบฟ้า” และในเรื่อง “ดาบมังกรหยก” และ “องค์หญิงแสนซน” 2 เรื่องนี้นางเอกในเรื่องกลับต้องแย่งเขาเหมือนแย่งของ จากนั้นในเรื่อง “เจียไต้ซวงเจี้ยว”ได้แสดงเป็นอาหนิวและฮ่องเต้ด้วย แม้การแสดงของเขาจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่บทที่เขาแสดงนั้นไม่ค่อยแตกต่างอะไรเลยจนทำให้เขารู้สึกเบื่อ จะร้องเพลงก็คงสู้สมัยเสี่ยวหุ่ตุ้ยไม่ได้อีก จะแสดงละครก็คงดังสู้เรื่อง “องค์หญิงกำมะลอ”ไม่ได้อีก มีอยู่ทางเดียวคืนหันไปเล่นภาพยนตร์  

ธ .ค. 2006 โหย่วเผิงเซ็นสัญญากับค่ายหัวอี้ จะหันเอาดีทางภาพยนตร์ เขาเคยไว้หนวดไว้เคราทำให้แก่หน่อย เพื่อจะไม่ให้คนอื่นเรียกเขาว่าไกวไกวหู่ จากการที่เขาคิดที่ยากจะเปลี่ยนแปลงนั้น เขาก็ได้รับ “ไป๋เสี่ยวเหนียน”ในเรื่อง”เฟิงเซิง” และเพื่อจะแสดงบทละครเพลงให้ดี เขาต้องอดทนในการฟิตร่างกาย ได้ไปเรียนการร้องละครเพลงกับอาจารย์อย่างไม่หยุดไม่หย่อน เดิมที่ทางผู้กำกับคิดว่าฝีมือการแสดงละครเพลงของโหย่วเผิงคงอ่อนหัด คิดอยากจะไปเชิญนักแสดงละครเพลงมาช่วยร้องให้เขาเล่น แต่เมื่อเขาได้ฟังเสียงที่โหย่วเผิงร้องออกมาแล้ว ทำให้เขาต้องตกใจ และตัดสินใจให้โหย่วเผิงเล่นคนเดียวโดยทันที ขณะที่ถูกถามถึงการรับบท ไป๋เสียวเหนียน นั้นไปมาอย่างไร โหย่วเผิงกล่าว “ ผมนั้นเล่นแต่บทผู้ดีมาตลอด มันก็มีเบื่อเซ็งเหมือนกัน ผมอยากจะทะลุทะลวง ผมอยากจะก้าวหน้าเปลี่ยนแปลง มาเซอร์ไพรส์ทุกคน”

นอกจากจะปากกัดตีถีบในเส้นทางละครแล้ว ทางด้านผู้กำกับเจียงผิงยังเสนอให้เขาเล่นเรื่อง “อ้ายชิงจ่ออิ้ว-Fit Love” หลังจากที่ถ่ายละครเสร็จแล้ว ทางโหย่วเผิงไม่ลืมที่จะส่งข้อความให้ผู้กำกับ “ผมฉวยในทุกโอกาสของเรื่องที่เข้ามา ขอขอบคุณท่านที่ห่วงใยผม” และตอนหลังทุกครั้งที่โหย่วเผิงกลับมาไต้หวัน ก็ได้เอาผลไม้ ขนมต่างๆมาฝากให้ท่านด้วย บางครั้งก็เขียนข้อความไปว่า “พี่ใหญ่ ของเล็กน้อยแต่น้ำใจหนัก”  

(http://i184.photobucket.com/albums/x178/alec_002/2000_5-1.jpg)

ครั้งหนึ่งที่เขาได้มาร่วมในรายการทีวี และพิธีกรได้เห็นแต่ไกลว่าเขาหิ้วอะไรมาเยอะแยะ ทั้งแครอทดอง เส้นก๋วยเตี๋ยว แป้งมันต่างๆ ล้วนเป็นของที่คนอื่นมอบให้กับเขาที่เขาไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ โหย่วเผิงพูดอย่างจริงจังว่า เป็นแฟนคลับคนหนึ่งมอบให้เขาขณะที่เขาเดินขึ้นมาบนเวที หากจะปฏิเสธก็กลัวทำร้ายน้ำใจ ถ้าเอาก็ดูจะพะลุงพะลัง หากจะทิ้งไปก็ไม่ให้เกียรติเขา หรือทำลายอาชีพของพวกเขา ได้เพียงหิ้วมันขึ้นมาเลย ทางพิธีกรบอกว่า คุณติดกับดักคนอื่นแล้ว โหย่วเผิงก็หัวเราะ “ไม่เป็นไร ถือว่าผมช่วยชาวเกษตกรโปรโมทก็แล้วกัน”