10 เมษายน 2007พิธีเปิด“โรงเรียนประถมศึกษาซีว่างซูโหย่วเผิง”

เซียงกวนรายงานข่าวซูโหย่วเผิงได้รีบไปที่มณฑลเหอหนันอำเภอเจิ้งโจวย
จู๋ร่วมงานพิธีเปิดของ“โรงเรียนประถมศึกษาซีว่างซูโหย่วเผิง”ในวันนั้นมีคน
มากกว่า3000คนมารอต้อนรับซูโหย่วเผิงคนในพื้นที่หลายคนได้หลั่งน้ำตา
แห่งความตื้นตันใจและความขอคุณคาดการณ์ว่าในวันนั้นมีแฟนละครต่างๆ
ของซูโหย่วเผิงมาเป็นบริกร(อาสา)ในงานนี้30คนแต่คิดไม่ถึงในวันงานมี
แฟนๆของซูโหย่วเผิงมาช่วยงานนับร้อยคน ทำใหซูโหย่วเผิงซาบซึ้งมาก
และบวกกับความดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ตัวเองสามารถมีอิทธิพลในการทำให้
แฟนๆมาทำงานกุศล

ในงานซูโหย่วเผิงได้มอบอุปกรณ์การเรียนจำนวนมากมายให้กับทางโรงเรียน แฟนๆของซูโหย่วเผิงเองก็ได้รวบรวมเงินเป็นจำนวน10000กว่าหยวนเพื่อ
มอบให้ทางโรงเรียนจัดซื้ออุปกรณ์การเรียนอุปกรณ์กีฬาต่างๆที่เด็กๆจำต้อง
รีบใช้บรรดาเด็กนักเรียนก็ได้ทำโคมไฟด้วยตัวเองได้ไปเด็ดดอกไม้ใบหญ้า
ตามทุ่งนาของตัวเอง

มาทำเป็นของพื้นบ้านมอบให้แด่ซูโหย่วเผิงกิจกรรมระหว่างซูโหย่วเผิงกับเด็กๆนั้นนับวันก็ยิ่งโตเป็นผู้ใหญ่ทุกทีอย่าง
ซูโหย่วเผิงได้สวมมาลัยแดงที่เด็กนักเรียนมอบให้กับเขาทำให้ทุกคนที่อยู่ในงานได้มีรอยยิ้มออกมาและทำให้จิตใจ
ของหลายคนอบอุ่นในสนามเด็กนักเรียนได้ร้องเรียกชื่อเขาและชื่อในละคร เขาแสดงยิ่งกว่านั้นมีคนบีนขึ้นไปบนหลัง
คาบ้านบนภูเขาไปตระโกนร้องเรียกชื่อเขาใช้ถ้อยคำที่นอบน้อมจริงใจในการแสดงออกถึงการขอบพระคุณที่อยู่ลึกๆ
ในใจขณะที่ครูใหญ่โรงเรียนซีว่างได้มอบธงแห่งชัยชนะแด่ซูโหย่วเผิงนั้นเบ้าตาของท่านเต็มไปด้วยน้ำตาแข็งใจพูด
ออกมาว่า“คุณซูโหย่วเผิงเด็กๆที่นี่ของพวกเราทุกคนนั้นจะจดจำบุญคุณของคุณตลอดไปอย่างไม่มีวันลืม ” หลังจาก
นั้นของการสัมภาษณ์ ซูโหย่วเผิงได้พูดต่อหน้าสื่อว่า “ความจริงเป็นเพียงการทำในสิ่งที่ไม่เหนือบ่ากว่าแรง ได้รับ
การขอบคุณอย่างลึกซึ้งขนาดนี้ มันทำให้ตื้นตันใจมาก การให้มีความสุขมากกว่าการรับ ต่อไปผมก็ยังจะทำงานช่วย
เหลืองานการกุศลอีกต่อไป” 

แฟนๆร้อยกว่าคนของซูโหย่วเผิงที่มาเป็นบริกร(อาสา)นั้นล้วนควักกระเป๋าของตัวเองมาช่วยงานนี้ทั้งสิ้นแฟนๆเหล่า
นี้ที่มาจากต่างธุรกิจต่างอาชีพนั้นตลอดเวลาหลายปีล้วนเคียงข้างซูโหย่วเผิงมาตลอด แต่ทุกครั้งที่ซูโหย่วเผิงได้เรียก
ให้ทุกคนมาช่วยกันทำงานกิจกรรมการกุศลนั้น พวกเขามักจะเป็นกลุ่มแรกที่ตอบรับ ในงานนั้นซูโหย่วเผิงก็ยังได้ขอบ
คุณเพื่อนๆทุกคนที่ได้สนับสนุนเขา ขณะที่ซูโหย่วเผิงกำลังถูกถามจากนักข่าวมากมายนั้นเขากว่าว่า “ครั้งนี้ดีใจมาก
ที่มีคนหนุ่มสาวมากมายได้มาช่วยงานการกุศลโดยได้รับแรงผลักดันจากตัวผม จากตรงนี้ก็หวังว่าพวกเขาจะตั้งใจ
เรียนเป็นคนที่ทำคุณประโยชน์ต่อสังคมเมื่อถึงเวลาที่เรามีกำลังพอก็ให้ของขวัญแก่สังคมงานกิจกรรมครั้งนี้ได้จบ
อย่างบสมบูรณ์นั้นก็เพราะมีพวกท่านทุกคนที่ให้การสนับสนุนขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งสำหรับทุกคนที่ได้สละกำลัง
ทรัพย์และแรงกำลัง”เขาได้เปิดเผยว่าจะพยายามเต็มที่ในการที่จะช่วยเหลือเด็กอีกมากมายเพราะจะสร้างฝันของเด็กๆ
อยากเรียนนั้นให้เป็นจริง

“มูลนิธิซูโหย่วเผิง” ได้ก่อตั้งในปี 2005 นี่เป็นมูลนิธิระหว่างมูลนิธิเยาวชนจีนกับซูโหย่วเผิงได้จัดตั้งขึ้น ความเป็นมา
คือสองปีก่อนเขาได้ไปเยี่ยมโรงเรียนซีว่างของเสฉวนสองแห่งหลังกลับจากการเยี่ยมซูโหย่วเผิงกับเพื่อนๆได้เอารูป
ที่ไปถ่ายตอนไปเยี่ยมนั้นมาทำเป็นแสตมป์ เริ่มมีการจำหน่าย จุดประสงค์ก็เพื่อจะเอาเงินมาช่วยเหลือเด็กยากไร้ที่นั้น
รองเลขาของมูลนิธิเยาวชนจีน คุณหวังหมิงรองเลขาธิการสมาคมหงชิงเหอหนั้นคุณโห้วหงเลขาธิการสมาคมหงชิง
ล่อหยางคุณเฉินจื้อเหว่ยได้ร่วมงานครั้งนี้ด้วย รองเลขาของมูลนิธิเยาวชนจีนคุณหวังหมิงได้กล่าวว่า “ซูโหย่วเผิงนั้นเป็นดาราที่มีภาพลักษณ์ที่ดีมีความรักความอารีย์และเป็นที่รักของเยาวชนอย่างยิ่งความรักที่แสดงออก
มาของเขานั้นได้กลายเป็นแบบอย่างของเยาวชนไปแล้วการเป็นแบบอย่างที่กระทำให้เห็นนั้นเป็นสิ่งที่มีความหมาย
มากๆหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีคนอีกมากมายได้เข้ามามีส่วนกับงานการกุศลทำคุณประโยชน์เพื่อสาธารณะชนโดยได้รับ
แรงบันดาลใจจากซูโหย่วเผิง




ยอดเยี่ยม” ของการทำงานการกุศล

ในเว็ปไซส์ส่วนตัวของซูโหย่วเผิงนั้นสำหรับ“มูลนิธิของซูโหย่วเผิง”นั้นการแนะนำรูปแบบการบริจาคนั้นได้จัดไว้ให้
เห็นได้อย่างโดดเด่น “มูลนิธิ”นี้ เป็นการร่วมมือระหว่างซูโหย่วเผิงกับมูลนิธิเยาวชนจีนก่อตั้งขึ้นในเดือนกันยายน 2005
ฤดูใบไม้ผลิต(ช่วงตรุษจีน) ของปี 2007 ซูโหย่วเผิงได้สร้างโรงเรียนประถมศึกษาซีว่างที่เหอหนันผ่านทางมูลนิธินี้ ได้สัมผัสกับเด็กๆที่ได้รับการช่วยเหลือซูโหย่วเผิงกล่าวว่า“นัยน์ตาของเด็กๆเหล่านี้ผมได้เห็นถึงความกระหายในการ
อยากเรียนของพวกเขา” 

ที่จริงก่อนหน้านี้หลายสิบปีนั้น ซูโหย่วเผิงเคยเข้าร่วมกิจกรรมงานสาธารณะประโยชน์มากมายกับเสี่ยวหู่ตุ้ย“ตอนนั้น
ล้วนเป็นการจัดของทางบริษัทให้พวกเราไปร่วมเหตุเพราะยังอยู่ช่วงวัยรุ่นเกินไปยังไม่ค่อยเข้าใจถึงหน้าที่รับผิดชอบ
ต่อสังคมคืออะไรซูโหย่วเผิงเริ่มคิดเรื่องสาธารณะประโยชน์กับงานการกุศลจริงๆจังๆนั้นคือช่วงวัย30ที่เขาเริ่มรู้จักการ
แทนคุณขอบคุณ “หลายปีที่ผ่านมานั้นการงานอาชีพนักศิลปินนั้นขึ้นๆลงๆ มีถึงจุดสูงสุดและตกต่ำสุด ให้ผมเข้าใจว่าสิ่งที่ตัวเองได้รับนั้นไม่ใช่เป็นการบังเอิญหรือเป็นสิ่งที่สมควรจะได้รับ”ซูโหย่วเผิงกล่าวว่าตอนนี้เขาเรียน
รู้จักการฉวยความสุขแล้ว “หลายครั้งชื่อเสียงเกียรติยศนั้นเป็นของอนิจัง เป็นสิ่งที่ทุกคนให้คุณ และยังเป็นสิ่งที่มาจาก
สังคม ขณะที่คุณกลายเป็นคนมีชื่อเสียง ทุกกิริยาบทของคนนั้นล้วนมีอิทธิพลต่อสังคม ชื่อเสียงนั้นไม่ได้เป็นของคุณ
คนเดียวแล้ว การทำคุณตอบแทนนั้นเป็นหน้าที่จำเป็นต้องมี 

เผชิญกับความสงสัยว่าการทางานการกุศลหรือว่า “ทำให้เหมือนดีได้หน้า” ซูโหย่วเผิงได้เปิดเผยออกมาอย่างเซ็งๆ เขารู้สึกว่าการทำงานการกุศลที่เป็นรูปเป็นร่างและการออกไปกาศให้เป็นที่รู้จักกันทั่วนั้นมันทำความลำบากใจแก่เขา
การทำการกุศลของคนดังนั้นเสมือนกับ “โยนอิฐเพื่อล่อให้โยนหยกออกมา” (ใช้ความคิดเห็นที่ตื้นๆเพื่อล่อให้คนอื่น
แสดงความคิดเห็นที่ลึกซึ้งและเฉียบแหลมออกมา) แต่ว่าให้ชาวโลกทุกคนได้รู้กันทั่วหน้าว่าตัวเองกำลังทำในสิ่งที่
ดีและยังทำให้คนอื่นรู้สึกว่าล่าชื่อเสียงและคำเยินยอจากสิ่งนี้ก็ทำให้ซูโหย่วเผิงนั้นลำบากใจเหมือนกันแต่เขาก็ยืน
หยัดและเข้าใจว่าคนดังพึงมีหน้าที่ในการที่จะประกาศงานสาธารณะประโยชน์และงาการกุศล สิ่งที่พวกเราที่เป็นคนดังได้เปรียบที่สุด
คือการที่ตัวเองมีอิทธิพลต่อสังคมนั้นแหล่ะ ผ่านทางอิทธิพลที่มีอยู่นั้นผลัดดันทุกคนร่วมมือกันทำ อย่างนี้ถึงจะเป็น
ประโยชน์สูงสุด”ซูโหย่วเผิงกล่าวว่ากำลังจะเอาเสื้อผ้าของตัวเองเปิดขายทางอินเตอร์เน็ตหลังจากนั้นเอายอดเงินที่
ขายได้ทั้งหมดมอบให้กับโรงเรียนซีว่าง“สร้างโรงเรียนประถมศึกษาซีว่างนั้นต้องใช้งบ2แสนหยวนหากว่าเงินที่ขาย
เสื้อผ้านั้นยังไม่พอที่ขาดอยู่นั้นผมจะเป็นคนรับผิดชอบเอง”จากน้ำเสียที่จริงจังนั้นทำให้ทุกคนเชื่อได้ว่าเขาตั้งใจกับ
โครงการนี้จริงๆ หากว่าแน่เป็นการ “ทำเพื่อเอาหน้า”แล้วล่ะก็ ถ้างั้นก็นับได้ว่าซูโหย่วเผิงได้ใช้รูปแบบที่จริงใจที่สุดแล้ว

ถามเขาว่าได้ตั้งเป้าไว้ไหมว่าอนาคตจะสร้างโรงเรียนซีว่างซูโหย่วเผิงกี่แห่ง เขาพูดอยางหัวเราะว่า “นี่ยังจะต้องดูรายรับในอนาคตของผมด้วย แต่ว่าถ้าหากขอเพียงมีความเป็นไปได้ มูลนิธิของผมนั้นก็จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องเรื่อยๆ” “หากว่าวันหนึ่งได้ลาจากวงการแล้วคุณจะทำอะไร?” เขาคิดแล้วคิดอีกตอบว่า “ผมอาจจะไปทำงานด้านช่วยสังคม”

เรียนรู้การปล่อยวาง เชื่อถือมั่นใจตัวเอง

ตลอดปี 2007นี้ ซูโหย่วเผิงกล่าวว่าเขาไม่ได้ถ่ายหนังสักเรื่องเลย หลังจากที่ตั้งตัวได้แล้วอย่างซูโหย่วเผิงนั้นตัดสินใจจะไม่ทำงาน “บ้างาน”อย่างนั้นอีก นอกจากจะทำการแสดงให้ดีแล้ว ไม่หยุดในการถ่ายละครแล้ว เขายังรู้สึกว่าในชีวิตนี้ยังมีความฝันที่พิเศษที่รอเขาไปสานต่อ

“ สร้างโรงเรียนซีว่างแห่งหนึ่งต้องใช้งบ2แสนหยวน หากว่าเงินจากการขายเสื้อผ้าไม่พอ ที่ขาดผมจะรับผิดชอบเอง”


นักข่าวซางเป้า / ถ่ายภาพ



ชาวบ้านกับ “แฟนๆ”ล้อมรอบแล้วโฮ่ร้องเขา



ชาวบ้านได้นำลูกจ้อมาให้ “ซูโหย่วเผิงกินแล้วชมว่าหวานดี”



ดูแล้วอารมณ์พี่ซูของเราไม่เลวเหมือนกัน ได้ใช้กล้องถ่ายรูปในงานด้วย



แฟนๆที่ปักกิ่งได้นั่นรถเขนตามมาร่วมกับเขาด้วย


ซูโหย่วเผิงโรงเรียนซีว่าง “งานลุล่วงไปด้วยดี”

เมื่อวาน โรงเรียนซีว่างที่โหย่วเผิงได้บริจาคงบสองแสนหยวนนั้นได้มีพิธีเปิดแล้วที่มนฑลอี้หยาง ตำบลจ้าวเป่า
หมู่บ้านหม่าเค่อ โหย่วเผิงก็ได้มาในพิธีด้วย
ชาวบ้านในหมู่บ้านได้เอาผลิตผลพวกไข่ไก่ที่ไข่ออกจากเล้าของบ้านตัวเองมามอบให้กับโหย่วเผิงเพื่อขอบคุณเขา
ก่อนหน้านี้ โหย่วเผิงก็ได้ร่วมบริจาคงานการสร้างโรงเรียนที่จีนไม่น้อยเหมือนกัน แต่ว่า
โรงเรียนซีว่างนี้เป็นโรงเรียนแรกที่ใช้เชื่อของเขาในการก่อตั้ง

รายงานจากสำนักข่าวเหอหนันซาง. โรงเรียนซีว่างซูโหย่วเผิงแห่งแรกของประเทศได้มีพิธีเปิดแล้ว
ชาวบ้านในหมู่บ้านอี้หยางได้มอบลูกจ้อที่หวานกับไข่ไก่พื้นเมืองให้กับซูโหย่วเผิง 

“โหย่วเผิง” มาจากแดนไกล จนไม่สามารถจะวัดได้

เมื่อวานการมาเยือนของศิลปินดังอย่างซูโหย่วเผิง เป็นที่ตื่นเต้นดีใจสำหรับชาวบ้านในหมู่บ้านระแวดนั้น ในวันนั้น
ได้มีพิธีเปิดโรงเรียนที่ซูโหย่วเผิงได้บริจาคงบในการสร้างขึ้นอย่างเป็นทางการ

ก่อนหน้านี้ โหย่วเผิงก็ได้ร่วมบริจาคงานการสร้างโรงเรียนที่จีนไม่น้อยเหมือนกัน แต่ว่า
โรงเรียนซีว่างนี้เป็นโรงเรียนแรกที่ใช้เชื่อของเขาในการก่อตั้ง

กลางงานพิธี

โรงเรียนที่สร้างเสร็จจากงบสองแสนชาวบ้านเอาไข่พื้นเมืองมามอบเป็นการขอบคุณ
เมื่อเสียงตีฆ้องดังขึ้น เสียงเพลงก็ดังขึ้น เช้าวันนั้น
หมู่บ้านหม่าเหอที่อยู่ภูเขาดงไพรที่ลึกมากได้มีงานที่ครึกครื้นขึ้นอย่างพิเศษ
ชาวบ้านที่อยู่ระแวดต่างๆหมู่บ้านนั้นก็ได้มาร่วมงานอย่างคับคั่ง 

ผู้นำความปิติยินดีมาสู่หมู่บ้านที่ยากจนนี้นั้น เป็นศิลปินดังผู้มาจากแดนไกลซูโหย่วเผิง
แต่ที่รวมตัวกันของผู้คนนั้นที่ “โรงเรียนซีว่างซูโหย่วเผิง ตำบลจ้าวเป่า อำเภออี้หยาง มนฑลเหอหนัน”

ก่อนเที่ยววันเมื่อนวานนี้ เปิดพิธีเปิดของโรงเรียนแห่งนี้
ผู้บริจาคเงินสองแสนหยวนให้กับโรงเรียนนี้อย่างซูโหย่วเผิงก็ได้มาที่นี่ด้วย

๑๑ โมง ๓๐ นาที เสื้อเชิ้ดสีขาว ชุดสูตสีเทา กางเกงยีนส์
กางแต่งตัวแบบเรียบๆอย่างซูโหย่วเผิงก็ได้ปรากฎกายมาในงานอีกด้วย
ผมสีดำกับทรงผมที่ฟูนั้นดูเหมือนจะรกตาไปหน่อย อาจเป็นเพราะว่าการต้องไปมาหลายที่ ๘ เมษา ที่ปักกิ่ง ๙
เมษา ที่เจิ้งโจว ๑๐ เมษามาที่นี่หมู่บ้านหม่าเหอ

ภายใต้เสียงโห่ร้องซูโหย่วเผิงได้เดินขึ้นธรรมมาสบนเวที สภาพการณ์ต่อหน้าของเขานั้นอาจทำให้เขาตระหนก
ระยะตรงหน้าร้อยเมตรนั้น บนหลังคาบ้านสีขาว กับลานเดินของตึกข้างหน้านั้น ได้มีผู้คนเกาะนั่งยืนเต็มไปหมด 

ข้างล้างเวทีนั้นมีแสงกล้องถ่ายรูปกระพริบระยิบระยับ
ซูโหย่วเผิงยิ้มแล้วเอากล้องของตัวเองขึ้นมาถ่ายข้างหน้าตัวเอง

“โต๊ะดิน ขี้โคลน ในนั้นมีเด็กนั่งอยู่คนหนึ่ง” ตัวแทนนักเรียนเหอเล่อเล่อ “บ้ายบาย”
ลาก่อนกับสภาพแวดล้อมที่ไม่ค่อยดีในอดีด “ตึกห้องเรียนที่ใหม่ สภาพแวดล้อมที่สะอาดน่าเรียน
พวกเรามีโรงเรียนใหม่แล้ว” เหอเล่อเล่อเป็นตัวแทนของนักเรียนสามร้อยกว่าคนอ่านหนังสือขอบคุณแด่ซูโหย่วเผิง

ขณะที่ครูใหญ่ได้มอบธงแห่งชัยชนะให้กับผู้มีคุณ ซูโหย่วเผิงนั้น น้ำตาคลอเบ้า
ซูโหย่วเผิงกล่าวถึงวินาทีที่ผ่านไปชั่วพริบตาว่าตื่นตระหนกตกใจ “ผมเพียงทำในสิ่งที่เล็กน้อย
ทำในสิ่งที่ธรรมดาอย่างหนึ่งเอง”

หลังพิธีเปิดแล้ว มีชาวบ้านสามสี่คนได้มอบของขวัญเป็นสิ่งขอบคุณแทน
“ขอบคุณท่านที่ได้สร้างโรงเรียนให้กับเด็กๆ” มีชายแก่คนผมหงอกคนหนึ่งได้เอาไข่ตระกล้าหนึ่งมามอบให้กับเขา
“ขอบคุณคับ ไม่เคยเห็นไข่ที่มันสดขนาดนี้มาก่อนเลย” ซูโหย่วเผิงหัวเราะ มีป้าอายุประมาณห้าสิบไม่พูดไม่คุย
เอาลูกจ้อตระกล้าหนึ่งมามอบให้กับเขา ซูโหย่วเผิงได้ชิมลูกหนึ่งแล้วบอกว่า “หวานมากๆ”
หลังจากที่ฟังคำชมจากซูโหย่วเผิงแล้ว ป้าก็ได้ยิ้มหัวเราะ

จังหวะ

การเลือกสถานที่โรงเรียนซีว่างตั้งอยู่ที่เหอหนันโหย่วเผิงกล่าวว่า “นี่เป็นจังหวะบังเอิญ”

โรงเรียนซีว่างซูโหย่วเผิงแห่งแรกทั่วประเทศ ตั้งอยู่ที่เหอหนัน ซูโหย่วเผิงกล่าวว่า นี่เป็น จังหวะบังเอิญ

มิถุนา ๒๐๐๕ ในฐานะของทูต ได้ไปเยี่ยมที่เสฉวนโรงเรียนซีว่าง มีสภาพแวดล้อมที่ลำบากต่อการเรียน
แต่นักเรียนเหล่านั้นนัยตาเต็มไปด้วยความกระหายหาความรู้ ซูโหย่วเผิงกล่าวได้เห็น
“เด็กๆที่ตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่” “จากเวลานั้นเป็นต้นมา ผมได้ตั้งใจไว้ว่า ตัวเองจะตั้งโรงเรียนซีว่างขึ้นมาแห่งหนึ่ง”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ซูโหย่วเผิงได้มีน้ำเสียงอย่างมุ่งมั่น

กลับจากเสฉวน ๑๗ กันยา มูลนิธิซูโหย่วเผิง ได้ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการที่ประเทศจีน
ภาพถ่ายจะเมืองเสฉวนได้กลายเป็นหน้าแสตมป์
รายได้จากการขายแสตมป์ทั้งหมดนั้นได้รวบรวมเข้าที่มูลนิธิซูโหย่วเผิง ปีที่แล้ว
จากเงินสะสมเหลือจากมูลนิธิซูโหย่วเผิงหนึ่งแสนนั้น บวกกับเงินออมส่วนตัว รวมยอดได้สองแสนหยวน
ได้มอบให้มูลนิธิเยาวชนจีนนำไปสร้างโรงเรียนซีว่างแห่งหนึ่ง

ที่จะเลือกสถานที่สร้างโรงเรียนซีว่างมี ซานตง เหอหนัน ซูโหย่วเผิงได้เลือกเอาที่เหอหนัน
เขาบอกว่าการเลือกครั้งนี้เป็นจังหวะพอดี “ตอนนั้นได้ดูรูปถ่ายของโรงเรียนซีว่างทั้งสามที่แล้ว
ไม่ได้คิดอะไรมากมาย ก็ได้เลือกเอาที่นี่” ซูโหย่วเผิงได้กล่าวอย่างเปิดเผย 

ก่อนหน้าสิบปีที่แล้ว เป็นสมาชิกคนหนึ่งของเสี่ยวหู่ตุ้ยอย่างซูโหย่วเผิง เพียงแค่เพลงเดียว(รัก) ก็ดังระเบิดไปทั่ว
ตอนนี้ เขาได้เป็นอัครทูตแห่งรัก
ให้การกระทำของตัวเองเพื่อจะกระทำให้ความใฝ่ฝันของเด็กๆที่อยากเล่าเรียนนั้นได้กลายเป็นจริง
การสร้างโรงเรียนซีว่างนั้นเป็นเพียงแค่ตัวอย่างเดียวของซูโหย่วเผิงที่ได้แสดงออกมาเป็นการกระทำเท่านั้น
ในเวปไซท์ของเขาปรากฏเห็นได้ว่า จาก มกราคม ๑๙๙๒ – มีนาคม ๒๐๐๖นั้น
งานกิจกรรมการกุศลใหญ่ๆที่เขาได้เข้าร่วมด้วยนั้นกว่า ๓๑ รายการ

“เป็นคนสาธารณะ ได้รับความห่วงใยจากสังคม ก็เลยใช้วิธีการอย่างนี้ในการตอบแทนสังคม” ซูโหย่วเผิงกล่าว
“การให้เป็นสุขยิ่งกว่าการรับ ทีหลังหากมีโอกาส หากไม่เกินกำลังเรา
ผมก็ยังจะเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆของการกุศลอยู่”

ควันหลง 

“ส่งมาทางเครื่องบิน” กระเป๋าใหญ่สองใบบรรจุอุปกรณ์การเรียนให้กับเด็กที่ยากไร้
ไม่เพียงแต่สร้างอาคารเรียน ซูโหย่วเผิงยังนำของขวัญอัศจรรย์มาฝากให้กับเด็กๆในโรงเรียน
เสร็จสิ้นพิธีเปิดอาคารเรียน ซูโหย่วเผิงถูกส่งอำลาถนนที่แคบ ผู้ติดรถได้เอากระเป๋าใบใหญ่สองใบลงมา
ส่งเข้าไปที่โรงเรียน กระเป๋าสองใบติดโลโก้ห้องโดยสารชั้นหนึ่ง จากการแนะนำของผู้ขนส่ง
นี่เป็นอุปกรณ์ที่ซูโหย่วเผิงได้เลือกสรรมาให้กับเด็กๆเป็นพิเศษ ได้ส่งมาทางเครื่องจากปักกิ่ง
“เสียดายตอนนี้มีคนเยอะไปหน่อย ก็เลยเอาเข้าไปที่โรงเรียอย่างเงียบๆ” ผู้มาส่งของเป็นคนพูด

แฟนๆที่ปักกิ่งได้นั่นล้อเขนมามอบความรักให้กับขวัญใจ

คนที่มาร่วมงานนั้น มีคนที่มาร่วมงานเป็นคนนอกสามสิบคนอย่างสังเกตได้ชัด
พวกเขาเหล่านั้นเป็นแฟนๆที่มาจากทั่งประเทศ 

“แฟนๆ” เสี่ยหยีอายุ 19 ที่มาจากปักกิ่งได้นั่นรถล้อเขน บนเขาเธอนั้นมีเลขคณิตกองอยู่กองหนึ่งกับดินสอสองโหล
“อยู่ที่ปักกิ่งก็ได้ซื้อไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ลืมเอามา และของเหล่านี้นั้นได้ซื้อมาจากที่เมืองล่อหยาง”
เป็นคุณแม่ของเสี่ยวหยีที่พูดออกมาโดยเสียงไม่ค่อยชัด มากันทั้งครอบครัว คุณพ่อขับรถ
ทั้งสามชีวิตได้มาที่เหอหนัน เพียงแค่อยากจะแสดงความรักกับขวัญใจของตัวเอง

แฟนๆอีกสามสิบคน เป็นตัวแทนเบื้องหลังของซูโหย่วเผิง จากฮ่องกง จ้งชิ่ง ฮาหนี่ปิงมารวมกันเป็นต้น
เพียงแต่เดินตามรอยขวัญใจพวกเขา ได้มอบความรักออกมา พวกเขาได้รวบรวมเงินสี่พันหยวน
ได้มอบของขวัญคันรถแก่โรงเรียน มี หนังสือนออเวลา พัดลม ปิงปอง ฟุตบอล ....
แฟนๆของเขาได้เอาสิ่งเหล่านี้มาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง





























 

Copyright © 2010 baansuyoupeng.com